Examining Economic Rents and Self-e

Examining Economic Rents and Self-exploitation in CSA

Having established that rents and self-exploitation matter conceptually for CSA as a socially embedded AFN, the next step is differentiating between them using empirical data. For self-exploitation, one way is to compare farmers’ salaries with those of farmworkers—in discussing “super-[self-]exploitation.” Mandel (1962, 289, cited in Lianos and Paris 1972, 575) defined it briefly as farmers’ “income often being less than that of an agricultural worker.” This definition is similar to Chayanov's (1966) definition of excruciating work for a return less than ordinary wages for labor power. Since we know the average annual earnings of farmworkers in California—about $7,500 (Martin and Mason 2004)—I used this amount as a rough line to delimit super self-exploitation. In addition, in line with the definitions of self-exploitation discussed earlier, farmers engage in self-exploitation when they receive below-average returns on their labor compared to others in their sector (for the sake of simplicity, I considered farms operating a CSA to be the sector). I use this as a guide for delimiting self-exploitation from the average rate of profit. Although I used the mean as a proxy for the average rate of profit, in the data there are relatively few values near that average, so I delimited the average rate of profit by expanding its range to two farms in both directions.

Economic rents are anything that exceeds the average rate of profit, but if the capture of economic rents varies greatly, it would be useful to differentiate low economic rents from high economic rents. 4 Since my data on economic rents show considerable range, I used the mean plus one standard deviation to delimit them. Thus, my framework has five categories: high economic rents, low economic rents, average rate of profit, self-exploitation, and super self-exploitation. This framework guided a mixed-method quantitative and qualitative analysis of CSA farmers’ financial situations and the reasons behind the variation. The analysis fit within what Wyly (2009) called “strategic positivism” that questions the supposedly immutable divide between critical geographies and quantification

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตรวจสอบค่าเช่าเศรษฐกิจและหาผลประโยชน์ตนเองใน CSAมีการจัดตั้งที่ค่าเช่าและหาผลประโยชน์ตนเองสำคัญทางแนวคิดสำหรับ CSA เป็น AFN ฝังสังคม ขั้นตอนถัดไปเป็นความแตกต่างระหว่างการใช้ข้อมูลผลการ เอารัดเอาเปรียบตนเอง ทางหนึ่งเป็นการ เปรียบเทียบเงินเดือนเกษตรกรกับ farmworkers คือการพูดถึงเรื่อง "ซุปเปอร์- [เอง] แสวงหาประโยชน์" Mandel (1962, 289 อ้างถึงใน Lianos และปารีส 1972, 575) กำหนดไว้สั้น ๆ เป็นเกษตรกร "รายได้มักจะน้อยกว่าที่ผู้ปฏิบัติงานการเกษตร" คำนิยามนี้จะคล้ายกับของ Chayanov (1966) นิยามของ excruciating งานกลับน้อยกว่าปกติค่าจ้างสำหรับแรงงานพลังงาน เนื่องจากเราทราบว่ารายได้ต่อปีเฉลี่ยของ farmworkers ในแคลิฟอร์เนีย — เกี่ยวกับ $7500 (มาร์ตินและ Mason 2004) ซึ่งผมใช้ยอดเงินนี้เป็นเส้นหยาบเพื่อกำหนดเขตการใช้ประโยชน์จากตนเองซุปเปอร์ ตามข้อกำหนดของการใช้ประโยชน์จากตนเองที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ เกษตรกรเข้าร่วมในการแสวงหาประโยชน์ตนเองเมื่อได้รับคืนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของค่าแรงเปรียบเทียบกับผู้อื่นในภาคการ (เพื่อความเรียบง่าย ผมถือว่าเป็นฟาร์มที่ทำ CSA จะ ภาค) ฉันใช้นี้เป็นคู่มือสำหรับการแสวงหาประโยชน์ตนเอง delimiting จากอัตราเฉลี่ยของกำไร แม้ว่าผมใช้ค่าเฉลี่ยเป็นพร็อกซีสำหรับอัตรากำไรเฉลี่ย ข้อมูล มีค่อนข้างน้อยใกล้ที่เฉลี่ย เพื่อฉันแบ่งเฉลี่ยอัตรากำไร ด้วยการขยายช่วงของฟาร์มสองทิศทางทั้งสองEconomic rents are anything that exceeds the average rate of profit, but if the capture of economic rents varies greatly, it would be useful to differentiate low economic rents from high economic rents. 4 Since my data on economic rents show considerable range, I used the mean plus one standard deviation to delimit them. Thus, my framework has five categories: high economic rents, low economic rents, average rate of profit, self-exploitation, and super self-exploitation. This framework guided a mixed-method quantitative and qualitative analysis of CSA farmers’ financial situations and the reasons behind the variation. The analysis fit within what Wyly (2009) called “strategic positivism” that questions the supposedly immutable divide between critical geographies and quantification

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การตรวจสอบค่าเช่าทางเศรษฐกิจและการแสวงหาผลประโยชน์ตัวเองใน CSA ต้องยอมรับว่าค่าเช่าและเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์ตัวเองแนวคิดสำหรับ CSA เป็น AFN ฝังสังคมขั้นตอนต่อไปคือความแตกต่างระหว่างพวกเขาโดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ สำหรับการแสวงหาผลประโยชน์ตัวเองวิธีหนึ่งคือการเปรียบเทียบเงินเดือนของเกษตรกรกับผู้ farmworkers ในการอภิปราย "ซุปเปอร์ [ตัวเอง] การแสวงหาผลประโยชน์." Mandel (1962, 289, อ้างใน Lianos และปารีส 1972, 575) ที่กำหนดไว้มันสั้นเป็นเกษตรกร "รายได้มักจะเป็นน้อยกว่าที่คนงานเกษตร." ความหมายนี้จะคล้ายกับของ Chayanov (1966) ความหมายของการทำงานสำหรับการกลับมาระทมทุกข์น้อยกว่าค่าจ้างธรรมดาสำหรับการใช้พลังงานแรงงาน เนื่องจากเราทราบว่าผลประกอบการประจำปีเฉลี่ย farmworkers ในรัฐแคลิฟอร์เนียเกี่ยวกับ $ 7,500 (มาร์ตินและเมสัน 2004) -I ใช้เงินจำนวนนี้เป็นเส้นหยาบเพื่อกำหนดเขตการใช้ประโยชน์สุดตนเอง นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับคำจำกัดความของการแสวงประโยชน์ตนเองกล่าวก่อนหน้านี้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการแสวงหาผลประโยชน์ตัวเองเมื่อพวกเขาได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในแรงงานของพวกเขาเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ในภาคของพวกเขา (เพื่อประโยชน์ของความเรียบง่ายที่ผมถือว่าเป็นฟาร์มปฏิบัติการ CSA จะเป็นภาค) ฉันจะใช้นี้เป็นคู่มือสำหรับ delimiting การแสวงหาผลประโยชน์ตัวเองจากอัตราเฉลี่ยของกำไร ถึงแม้ว่าผมจะใช้ค่าเฉลี่ยเป็นพร็อกซี่สำหรับอัตราเฉลี่ยของกำไรในข้อมูลที่มีค่าค่อนข้างน้อยที่อยู่ใกล้เฉลี่ยดังนั้นฉันคั่นด้วยอัตราเฉลี่ยของกำไรโดยการขยายช่วงของสองฟาร์มในทั้งสองทิศทาง. ค่าเช่าทางเศรษฐกิจเป็นอะไร ที่เกินกว่าอัตราเฉลี่ยของกำไร แต่ถ้าจับตัวของค่าเช่าทางเศรษฐกิจแตกต่างกันมากก็จะเป็นประโยชน์ในการสร้างความแตกต่างค่าเช่าทางเศรษฐกิจที่ต่ำจากค่าเช่าทางเศรษฐกิจสูง 4 เนื่องจากข้อมูลของฉันเกี่ยวกับค่าเช่าทางเศรษฐกิจแสดงหลากหลายมากผมใช้ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานบวกหนึ่งเพื่อกำหนดเขตพวกเขา ดังนั้นกรอบการทำงานของฉันมีห้าประเภท: ค่าเช่าทางเศรษฐกิจสูงค่าเช่าทางเศรษฐกิจที่ต่ำอัตราเฉลี่ยของกำไรด้วยตนเองการใช้ประโยชน์และการใช้ประโยชน์สุดตนเอง กรอบนี้แนะนำเชิงปริมาณผสมและวิธีการวิเคราะห์เชิงคุณภาพของเกษตรกร CSA 'สถานการณ์ทางการเงินและเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลง พอดีวิเคราะห์ภายในสิ่ง Wyly (2009) เรียกว่า "positivism กลยุทธ์" ถามว่าแบ่งไม่เปลี่ยนรูปที่คาดคะเนระหว่างภูมิภาคที่สำคัญและปริมาณ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตรวจสอบค่าเช่าทางเศรษฐกิจและการใช้ประโยชน์ตนเองใน CSA

มีขึ้นว่าค่าเช่าและแสวงประโยชน์ตนเองเรื่องแนวคิดสำหรับ CSA เป็นสังคมที่ฝังตัวในการดูดซับ , ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างความแตกต่างระหว่างพวกเขาที่ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ เพื่อแสวงประโยชน์ตนเอง วิธีหนึ่งคือการเปรียบเทียบเงินเดือนกับบรรดาคนงานในฟาร์มของเกษตรกรในเรื่อง " Super - [ ตัวเอง ] - ใช้ " เมนเดล ( 1962 , 289 ,อ้างใน lianos และปารีส 1972 , 575 ) กำหนดไว้สั้น ๆที่เกษตรกร " รายได้มักจะเป็นน้อยกว่าที่เป็นลูกจ้างในภาคการเกษตร . " ความหมายนี้จะคล้ายกับ chayanov ( 1966 ) นิยามของระทมทุกข์ทำงานกลับน้อยกว่าค่าจ้างปกติ พลังแรงงาน เพราะเรารู้ว่า รายได้เฉลี่ยต่อปีของคนงานในฟาร์มในแคลิฟอร์เนียประมาณ 7 เหรียญ500 ( มาร์ตินและเมสัน 2004 ) ผมใช้ยอดเงินนี้เป็นเส้นหยาบ เพื่อจำกัดจำนวนการใช้ประโยชน์ตนเองซุปเปอร์ นอกจากนี้ สอดคล้องกับนิยามของตนเอง การกล่าวก่อนหน้านี้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการใช้ประโยชน์ของตนเองเมื่อพวกเขาได้รับด้านล่างจะเฉลี่ยในแรงงานของพวกเขาเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆในภาคของพวกเขา ( เพื่อความเรียบง่าย ผมถือว่าฟาร์มปฏิบัติการ CSA เป็นภาค )ผมใช้นี้เป็นคู่มือสำหรับ delimiting แสวงประโยชน์ตนเอง จากอัตราเฉลี่ยของกำไร แม้ว่าฉันใช้หมายถึงเป็นพร็อกซี่สำหรับอัตราเฉลี่ยของกำไร ในข้อมูลมีค่อนข้างน้อย เฉลี่ยค่าใกล้ๆ เลยคั่นด้วยอัตราเฉลี่ยของกำไร โดยขยายช่วง 2 ฟาร์มในทั้งสองทิศทาง ค่าเช่าทางเศรษฐกิจ

มีอะไรที่เกินอัตราเฉลี่ยของกำไรแต่ถ้าจับของค่าเช่าทางเศรษฐกิจแตกต่างกันอย่างมาก มันจะมีประโยชน์ในการแยกค่าเช่าทางเศรษฐกิจต่ำจากค่าเช่าทางเศรษฐกิจสูง 4 เนื่องจากข้อมูลบนค่าเช่าทางเศรษฐกิจให้หลากหลายมาก ผมใช้ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการจำกัดจำนวนไว้ ดังนั้น กรอบของฉันมี 5 ประเภท คือ ค่าเช่าทางเศรษฐกิจสูง ค่าเช่าทางเศรษฐกิจต่ำ อัตราเฉลี่ยของกำไร , การใช้ประโยชน์ของตนเองและการใช้ประโยชน์ตนเองซุปเปอร์ ซึ่งวิธีการผสมการวิเคราะห์เชิงคุณภาพและเชิงปริมาณของสถานการณ์ทางการเงินของเกษตรกร CSA และเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงแนวทาง . การวิเคราะห์พอดีภายในสิ่งที่ไวลี่ ( 2009 ) เรียกว่า " ปฏิฐานนิยมเชิงกลยุทธ์ " คำถามที่แบ่งระหว่างวิกฤตและปริมาณ ซึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลง