สารพัดประโยชน์จาก วิตามินและการมีสุขภาพดีเป็นที่กล่าวถึงกันมาอย่างยาวนาน ส่วนวิตามินกับเรื่องความสวยงามมีการศึกษาวิจัยว่า การใช้วิตามินในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันและซ่อมแซมการสึกหรอของเส้นผม ผิว และเล็บได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินที่ช่วยป้องกันผิว ตัวอย่างเช่น มันช่วยยืดเวลาและยับยั้งการเสื่อมสภาพของผิวเรา ช่วยชะลอความแก่ ช่วยลดการเกิดริ้วรอยตีนกา วิตามินที่เป็นส่วนผสมในครีมและโลชั่นทาผิวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นในการบำรุงผิวของเรา ซึ่งเป็นคุณสมบัติตามธรรมชาติของวิตามินเอง วิตามินที่เป็นที่นิยมใช้กันมากในเครื่องสำอางมีหลายชนิด แต่ที่จะกล่าวถึงในวันนี้คือ ซึ่งมันมีบทบาทและคุณสมบัติหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อผิวของเรา
สรุปความได้ว่า นอกจากจะเป็นสารบำรุงทำให้ผิวชุ่มชื้นแล้ว ในรูปของเอสเตอร์จะช่วยลดการอักเสบของผิวและช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดจากรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตได้อีกด้วย
วิตามินอีและอนุพันธ์ของวิตามินอี มีคุณสมบัติ antioxidant ซึ่งจะไป neutralized การเกิด free radicals ดังนั้นวิตามินอีเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษาผิว มีการศึกษาวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าวิตามินอี ช่วยลด psoriasis erythema และช่วยลดการเสี่ยงการเกิดมะเร็งผิวหนัง ช่วยรักษาแผลเป็นและช่วยลดริ้วรอยบนผิว และจากการศึกษาพบว่าผิวหนังในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น ใบหน้า จะมีปริมาณของวิตามินอี มากกว่าบริเวณแขนถึง 20 เท่า เนื่องจากต่อมไขมัน เป็นช่องทางที่สำคัญ ในการหลั่งวิตามินอีออกสู่ผิวหนัง แน่นอนว่าประโยชน์ของการทาครีมที่มีส่วนผสมของ vitamin e oil มันช่วยในการป้องกันและรักษาผิวพรรณ กล่าวคือ มันช่วยลดอัตราการทำลายของแสงแดดที่ทำให้เกิดรอยแดง ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด ช่วยชะลอความชราภาพของผิวและลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ผิวแตกลาย และมันยังช่วยในการให้ความชุ่มชื้นและลดความหยาบกร้านของผิวพรรณขอเรา
จะเห็นว่า มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันผิวและช่วยบำรุงรักษาผิว การใช้วิตามินอีเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางจะได้ผลดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปริมาณของวิตามินอีที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอาง ปริมาณวิตามินอีที่ใช้เป็นส่วนผสมในครีมบำรุงจะต้องมีปริมาณความเข้มข้นที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และถ้าคุณต้องการบำรุงผิวหรือต้องการรักษาผิวพรรณ เราขอแนะนำ this และถ้าคุณสนใจหรือต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมสามารถค้นหาข้อมูลได้จากลิงค์ข้างล่างนี้