Every four years, on the Tuesday af

Every four years, on the Tuesday after the first Monday in November, the people of the United States do something very special. On that day, the presidential election is held. Voters from all across the U.S. go to the polls, or voting sites, to say who they think should be the next president. They don’t say it out loud! They use ballots, voting forms, which are filled out secretly inside voting booths. You can tell anybody who you vote for, but you don’t have to tell anybody. A lot happens before the election. The United States has several different political parties. These political parties are groups of people who have joined together and share a core set of values. They may not agree on everything, but they usually agree that this core set of values is very important to their party. These core values are sometimes called the party’s platform. Each party must choose who it wants to be president. The choice should be someone who represents that party’s platform. It should also be someone who represents the values of the American public in general. Choosing a person who can do both is sometimes difficult. The parties each choose their candidate, or person running for president, in various ways. Larger parties usually have a primary, which is a competition among the strongest candidates in their parties. The presidential primary is usually held several months before the presidential election. In the primary election, members of the party vote to choose the party candidate. After the primary, the candidates of each party start the process of persuading all Americans that they are the best candidate, not only for their party but for the whole country. Choosing the best candidate can be very difficult, because it is not always easy to know where all of the candidates stand on all of the issues, or important topics. If your opinion of the issues is the same as one political party, you can choose that party’s candidate. But sometimes you agree with one party for one issue and with one party for another. This means you must watch all the candidates carefully and choose the best one. Before the election, the presidential candidates give speeches and debate the other candidates for president on many of the issues. This is called campaigning. People listen to these speeches and debates to understand what a candidate believes. Information is also available through television, newspapers, and the internet to help people decide. After the election, the votes are counted. This is called the popular vote - the vote of the people. Special representatives from each state, a group called the electoral college, then gather together to vote again. The electoral college vote is almost always the same as the popular vote, but when the two are different, the electoral college decides who will be president. The elected president will serve for four years as the leader of the United States. In four years, there will be another election. The President often runs again, for re-election (this can only happen once with each president)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทุกสี่ปี ในวันอังคารหลังวันจันทร์แรกในเดือนพฤศจิกายน คนของสหรัฐอเมริกาที่ทำสิ่งที่พิเศษมาก มีจัดเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันนั้น ผู้ลงคะแนนจากทั้งหมดทั่วสหรัฐอเมริกาไปการสำรวจ หรือเว็บไซต์ ว่าที่พวกเขาคิดว่า การลงคะแนนเสียงควรเป็นประธานต่อไป พวกเขาไม่พูดมันดัง ๆ พวกเขาใช้สลาก แบบฟอร์ม ซึ่งจะกรอกข้อมูลลับ ๆ ภายในบูธการลงคะแนนเสียงการลงคะแนนเสียง คุณสามารถบอกใครที่คุณลงคะแนน แต่คุณไม่ได้บอกใคร มากเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง สหรัฐอเมริกามีพรรคการเมืองที่แตกต่างกันหลาย พรรคการเมืองเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่มีรวมกัน และใช้ชุดหลักของค่า พวกเขาอาจไม่ยอมรับกับทุกสิ่ง แต่พวกเขามักจะยอมรับว่า ชุดของค่านี้หลักสำคัญพรรค คุณค่าเหล่านี้บางครั้งจะเรียกว่าแพลตฟอร์มของบุคคล แต่ละฝ่ายต้องเลือกที่มันอยากเป็นประธานาธิบดี ตัวเลือกควรจะคนที่แพลตฟอร์มของบุคคลที่แสดงถึง มันยังควรเป็นบุคคลที่แสดงถึงค่าของประชาชนอเมริกันโดยทั่วไป เลือกคนที่สามารถทำได้ทั้งเป็นบางครั้งยาก ฝ่ายละเลือกของผู้สมัคร หรือบุคคลที่ทำงานประธานาธิบดี ในรูปแบบต่าง ๆ ใหญ่กว่าปกติมีหลัก ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างผู้ที่แข็งแกร่งในฝ่ายของตน หลักประธานาธิบดีมักจะจัดขึ้นหลายเดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในการเลือกตั้งหลัก สมาชิกลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรค หลังจากหลัก ผู้สมัครแต่ละพรรคเริ่มกระบวนการของการจูงใจคนอเมริกันทั้งหมดว่า จะฟังดีที่สุด ไม่เพียงแต่ สำหรับพรรค แต่ทั้งประเทศ เลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดได้ยาก เพราะมันไม่ง่ายอยู่เสมอรู้ว่าที่ผู้สมัครทั้งหมดยืนบนปัญหา หรือหัวข้อที่สำคัญทั้งหมด ถ้าแสดงความคิดเห็นปัญหาไม่เหมือนกับพรรคการเมืองหนึ่ง คุณสามารถเลือกผู้สมัครของพรรคนั้น แต่บางครั้งคุณเห็นด้วย กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสำหรับปัญหาหนึ่ง และฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอื่น นี้หมายความว่า คุณต้องดูผู้สมัครทั้งหมดอย่างระมัดระวัง และเลือกหนึ่งดีที่สุด ก่อนการเลือกตั้ง ผู้สมัครประธานาธิบดีให้สุนทรพจน์ และอภิปรายผู้สมัครอื่น ๆ สำหรับประธานในหลายปัญหา นี้จะเรียกว่า campaigning ผู้ฟังการกล่าวสุนทรพจน์และการดำเนินเพื่อเข้าใจผู้เชื่อเหล่านี้ ยังมีข้อมูลทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และอินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยให้ผู้คนตัดสินใจ หลังการเลือกตั้ง คะแนนเสียงจะนับ นี้คือคะแนนนิยม - เสียงของคน ผู้แทนพิเศษจากแต่ละรัฐ กลุ่มวิทยาลัย electoral แล้วรวบรวมลงอีก คะแนน electoral วิทยาลัยเกือบตลอดเวลาเหมือนกับคะแนนนิยม แต่เมื่อทั้งสองแตกต่างกัน วิทยาลัย electoral ตัดสินใจที่จะเป็นประธานาธิบดี ประธานาธิบดีได้รับเลือกจะทำหน้าที่สำหรับสี่ปีเป็นผู้นำของสหรัฐอเมริกา ในสี่ปี จะมีการเลือกตั้งอีก ประธานมักจะทำงานอีกครั้ง การเลือกตั้ง (นี้สามารถเท่านั้นเกิดขึ้นครั้งเดียวกับประธานแต่ละ)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทุกสี่ปีในวันอังคารหลังจากวันจันทร์แรกในเดือนพฤศจิกายนคนสหรัฐอเมริกาทำอะไรบางอย่างที่พิเศษมาก ในวันนั้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะจัดขึ้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากทั่วสหรัฐไปเลือกตั้งหรือเว็บไซต์การออกเสียงลงคะแนนในการบอกว่าที่พวกเขาคิดว่าควรจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป พวกเขาไม่ได้บอกว่ามันออกมาดัง ๆ ! พวกเขาใช้บัตรลงคะแนนในรูปแบบการลงคะแนนซึ่งจะเต็มไปออกบูธภายในแอบออกเสียงลงคะแนน คุณสามารถบอกใครที่คุณลงคะแนนสำหรับ แต่คุณไม่จำเป็นต้องบอกใคร จำนวนมากที่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง สหรัฐอเมริกามีหลายพรรคการเมืองที่แตกต่างกัน พรรคการเมืองเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่ได้เข้าร่วมร่วมกันและแบ่งปันชุดหลักของค่า พวกเขาอาจไม่เห็นด้วยกับทุกอย่าง แต่พวกเขามักจะเห็นว่าหลักนี้ตั้งค่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะพรรคของตน ค่านิยมหลักเหล่านี้บางครั้งเรียกว่าแพลตฟอร์มของพรรค แต่ละฝ่ายจะต้องเลือกที่มันต้องการที่จะเป็นประธาน ทางเลือกที่ควรจะเป็นคนที่เป็นตัวแทนของแพลตฟอร์มของพรรคว่า มันก็ควรจะเป็นคนที่แสดงให้เห็นถึงค่านิยมของประชาชนชาวอเมริกันโดยทั่วไป เลือกคนที่สามารถทำทั้งสองอย่างเป็นสิ่งที่ยากบางครั้ง แต่ละฝ่ายเลือกผู้สมัครของพวกเขาหรือคนที่ทำงานสำหรับประธานในรูปแบบต่างๆ บุคคลที่มีขนาดใหญ่มักจะมีหลักซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างผู้สมัครที่แข็งแกร่งในกิจการของพวกเขา หลักประธานาธิบดีมักจะจัดขึ้นเป็นเวลาหลายเดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในการเลือกตั้งสมาชิกของพรรคโหวตที่จะเลือกผู้สมัครของพรรค หลังจากที่หลักของผู้สมัครแต่ละฝ่ายเริ่มต้นกระบวนการของการจูงใจชาวอเมริกันทุกคนที่พวกเขาเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดไม่เพียง แต่สำหรับพรรคของตน แต่สำหรับคนทั้งประเทศ เลือกสมัครที่ดีที่สุดอาจเป็นเรื่องยากมากเพราะมันไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเสมอไปที่จะทราบว่าทั้งหมดของผู้สมัครยืนอยู่บนทั้งหมดของปัญหาหรือหัวข้อที่สำคัญ ถ้าความคิดเห็นของคุณของปัญหาที่เป็นเช่นเดียวกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทางการเมืองที่คุณสามารถเลือกผู้สมัครของพรรคว่า แต่บางครั้งคุณเห็นด้วยกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเวลาหนึ่งปัญหากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอีก ซึ่งหมายความว่าคุณต้องดูผู้สมัครทุกคนอย่างระมัดระวังและเลือกที่ดีที่สุด ก่อนการเลือกตั้งผู้สมัครประธานาธิบดีให้กล่าวสุนทรพจน์และการอภิปรายผู้สมัครประธานาธิบดีในหลายประเด็น นี้เรียกว่าการรณรงค์ คนฟังสุนทรพจน์เหล่านี้และการอภิปรายที่จะเข้าใจในสิ่งที่เชื่อว่าผู้สมัคร ข้อมูลนอกจากนี้ยังมีผ่านทางโทรทัศน์หนังสือพิมพ์และอินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยให้ผู้คนตัดสินใจ หลังจากการเลือกตั้งลงคะแนนจะถูกนับ นี้เรียกว่าคะแนนความนิยม - การลงคะแนนเสียงของประชาชน ผู้แทนพิเศษจากแต่ละรัฐกลุ่มที่เรียกว่าวิทยาลัยเลือกแล้วรวมตัวกันอีกครั้งในการลงคะแนนเสียง การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งวิทยาลัยอยู่เกือบตลอดเวลาเช่นเดียวกับคะแนนความนิยม แต่เมื่อทั้งสองจะแตกต่างกันที่วิทยาลัยเลือกตัดสินใจที่จะเป็นประธานาธิบดี ประธานาธิบดีได้รับการเลือกตั้งจะทำหน้าที่เป็นเวลาสี่ปีในฐานะผู้นำของประเทศสหรัฐอเมริกา ในปีที่สี่จะมีการเลือกตั้งอีก กรรมการและผู้จัดการมักจะทำงานอีกครั้งสำหรับการเลือกตั้ง (ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ครั้งเดียวกับประธานแต่ละคน)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทุกสี่ปีในวันอังคารหลังวันจันทร์แรกของเดือนพฤศจิกายน ประชาชนของสหรัฐอเมริกาทำบางอย่างที่พิเศษมาก ในวันนั้น การเลือกตั้งประธานาธิบดีจะจัดขึ้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากทั่วสหรัฐ ไปเลือกตั้ง หรือเลือกตั้งเว็บไซต์ ว่าใครควรเป็นประธานต่อไป เขาจะไม่พูดออกมาดังๆ ! พวกเขาใช้บัตรลงคะแนน แบบฟอร์มการโหวตที่เต็มไปออกแอบข้างในคูหาลงคะแนน คุณสามารถบอกได้ว่าใครที่เธอเลือก แต่เธอไม่ต้องไปบอกใคร กเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง สหรัฐอเมริกามีพรรคการเมืองต่างๆ พรรคการเมืองเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่ร่วมกันและแบ่งปันชุดหลักของค่า พวกเขาไม่อาจเห็นด้วยกับทุกอย่างแต่พวกเขามักจะยอมรับว่า ชุดของค่าหลักนี้สำคัญมากสำหรับงานเลี้ยงของพวกเขา ค่านิยมเหล่านี้บางครั้งเรียกว่าแพลตฟอร์มของพรรค แต่ละพรรคจะเลือกใครมันอยากจะเป็นประธานาธิบดี ทางเลือกที่ควรจะมีใครเป็นตัวแทนพรรคที่เป็นแพลตฟอร์ม มันควรเป็นบุคคลที่แสดงถึงค่านิยมของประชาชนชาวอเมริกันทั่วไปเลือกคนที่สามารถทำทั้งสองอย่างยากบางครั้ง ฝ่ายที่เลือกผู้สมัครของพวกเขา , หรือ บุคคล ได้เป็นประธาน ในรูปแบบต่างๆ พรรคใหญ่มักจะเป็นหลัก ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างผู้สมัครที่แข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายของตนเอง หลักประธานาธิบดีมักจะจัดขึ้น เป็นเวลาหลายเดือน ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในการเลือกตั้งเบื้องต้นสมาชิกพรรคโหวตเลือกพรรคผู้สมัคร ตามหลัก ผู้สมัครของแต่ละพรรคเริ่มกระบวนการของการจูงใจคนอเมริกันทั้งหมดที่พวกเขาเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดไม่เพียง แต่สำหรับงานของพวกเขา แต่สำหรับทั้งประเทศ เลือกผู้สมัครที่ดีที่สุดได้ยากมาก เพราะมันไม่ได้ง่ายเสมอที่จะทราบว่าทั้งหมดของผู้สมัครยืนบนทั้งหมดของปัญหาหรือที่สำคัญหัวข้อ ถ้าความคิดของคุณของปัญหาก็เหมือนพรรคการเมืองหนึ่ง คุณสามารถเลือกที่พรรคของผู้สมัคร แต่บางครั้งคุณเห็นด้วยกับอีกฝ่ายหนึ่งออกและหนึ่งพรรคอื่น ซึ่งหมายความว่าคุณต้องดูผู้สมัครทั้งหมดอย่างรอบคอบและเลือกหนึ่งที่ดีที่สุด ก่อนการเลือกตั้งผู้สมัครประธานาธิบดีให้สุนทรพจน์และโต้วาทีผู้สมัครอื่น ๆสำหรับประธานในหลายประเด็น นี้เรียกว่าหาเสียง คนที่ฟังสุนทรพจน์และโต้วาทีที่จะเข้าใจสิ่งที่ผู้เชื่อ ข้อมูลยังสามารถใช้ได้ผ่านทางสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และอินเทอร์เน็ต เพื่อช่วยให้คนตัดสินใจ หลังจากการเลือกตั้ง , คะแนนเสียงจะนับนี้เรียกว่าป๊อปปูล่าโหวต - โหวตของประชาชน พิเศษ ตัวแทนจากแต่ละรัฐ กลุ่มที่เรียกว่าวิทยาลัยการเลือกตั้ง แล้วรวมตัวกันเพื่อลงคะแนนอีกครั้ง การลงคะแนนการเลือกตั้งวิทยาลัยเป็นเกือบเสมอเช่นเดียวกับการโหวตความนิยม แต่เมื่อทั้งสองจะแตกต่างกัน โดยการเลือกตั้งวิทยาลัยตัดสินใจที่จะเป็นประธานาธิบดีเลือกตั้งประธานาธิบดีจะใช้สี่ปีในฐานะผู้นำของสหรัฐอเมริกา ใน 4 ปี จะต้องมีการเลือกตั้งอีก ท่านประธานมักจะวิ่งอีกครั้งสำหรับการเลือกตั้ง ( นี้สามารถเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวกับแต่ละท่าน )