Among the most widely mentioned dis

Among the most widely mentioned disadvantages of
family ownership is the agency problem resulting from
the combination of ownership and control, which
allows concentrated shareholders to exchange profits
from private rents (Fama and Jensen 1983). Founding
families can too easily work for the benefit of their own
interests at the expense of other shareholders, for
example, by treating the company as a family employment
service or a private bank (Shleifer and Vishny
1997), by drawing scarce resources away from profitable
projects to satisfy family members’ nonpecuniary
compensation (Demsetz 1983), or by limiting top
management positions to family members instead of
recruiting qualified and capable professional managers
(Carney 1998). Overall, entrenchment and expropriation
behaviors of concentrated family shareholders over
minority shareholders lead to a corporate governance
issue of family firms. Therefore, a general academic
tenet is that firms with large, undiversified owners, such
as founding families, are likely to show lower efficiency
and profitability than those of firms with a dispersed
ownership structure (DeAngelo and DeAngelo 2000;
Fama and Jensen 1983; Gomez-Mejia, Nunez-Nickel
and Gutierrez 2001; Morck et al. 2000).

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในที่สุดที่กล่าวถึงกันอย่างแพร่หลายข้อเสียของ
การเป็นเจ้าของครอบครัวเป็นปัญหาหน่วยงานที่เกิดจาก
การรวมกันของความเป็นเจ้าของและการควบคุมซึ่ง
จะช่วยให้ผู้ถือหุ้นที่มีความเข้มข้นในการแลกเปลี่ยนผลกำไร
จากค่าเช่าส่วนตัว (Fama และเซ่น 1983) ก่อตั้ง
ครอบครัวสามารถทำงานได้อย่างง่ายดายเกินไปเพื่อประโยชน์ของตัวเองของพวกเขา
ที่ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นอื่น ๆ สำหรับ
ตัวอย่างเช่นโดยการรักษากับ บริษัท ในฐานะการจ้างงานครอบครัว
บริการหรือธนาคารเอกชน (Shleifer และ Vishny
1997) โดยการวาดทรัพยากรที่ขาดแคลนห่างจากผลกำไร
โครงการเพื่อตอบสนองสมาชิกในครอบครัว 'nonpecuniary
ชดเชย (Demsetz 1983) หรือโดยการ จำกัด ด้านบน
ตำแหน่งผู้บริหารกับสมาชิกในครอบครัวแทน
การสรรหาผู้บริหารมืออาชีพที่มีคุณภาพและมีความสามารถ
(มวล 1998) โดยรวมตั้งมั่นและการเวนคืน
พฤติกรรมของผู้ถือหุ้นของครอบครัวที่มีความเข้มข้นมากกว่า
ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยนำไปสู่การกำกับดูแลกิจการที่
ปัญหาของ บริษัท ของครอบครัว ดังนั้นนักวิชาการทั่วไป
ทฤษฎีก็คือ บริษัท ที่มีขนาดใหญ่เจ้าของ undiversified เช่น
เป็นผู้ก่อตั้งครอบครัวมีแนวโน้มที่จะแสดงประสิทธิภาพที่ลดลง
และการทำกำไรกว่าของ บริษัท ที่มีการฟุ้งกระจายของ
โครงสร้างความเป็นเจ้าของ (DeAngelo และ DeAngelo 2000;
Fama และเซ่น 1983; Gomez- เจีย Nunez-นิกเกิล
และเตีย 2001; Morck et al, 2000).

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระหว่างกันมากที่สุดกล่าวถึงข้อเสียของ
เจ้าของครอบครัวเป็นหน่วยที่เกิดจากการรวมกันของความเป็นเจ้าของและการควบคุม

ช่วยให้เข้มข้น ซึ่งผู้ถือหุ้นตรากำไร
จากค่าเช่าเอกชน ( Fama และเจนเซ่น 1983 ) ผู้ก่อตั้ง
ครอบครัวสามารถง่ายๆ ทำงานเพื่อประโยชน์ของผลประโยชน์ของตนเอง
ที่ค่าใช้จ่ายของผู้ถือหุ้นอื่น ๆสำหรับ
ตัวอย่างโดยถือว่าเป็น บริษัท ครอบครัวการจ้างงาน
บริการ หรือธนาคารเอกชน ( shleifer และ vishny
1997 ) โดยการวาดบางทรัพยากรไปจากโครงการกำไร
เพื่อตอบสนองสมาชิกในครอบครัว nonpecuniary
ชดเชย ( demsetz 1983 ) หรือโดยการ จำกัด ตำแหน่งการจัดการด้านบนเพื่อสมาชิกในครอบครัวแทน

และผู้จัดการมืออาชีพที่สามารถสรรหามีคุณสมบัติ ( คาร์นีย์ 1998 ) โดยรวมและพฤติกรรมการ entrenchment เข้มข้นกว่า

ครอบครัวผู้ถือหุ้นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยนำไปสู่ธรรมาภิบาลของบริษัท
ปัญหาของครอบครัว ดังนั้น ทั่วไปวิชาการ
หลักคือว่าบริษัทที่มีเจ้าของ undiversified ขนาดใหญ่เช่น
เป็นครอบครัวผู้ก่อตั้ง มีแนวโน้มที่จะแสดงประสิทธิภาพและอัตราที่ต่ำกว่าบริษัท

กับกระจายโครงสร้างความเป็นเจ้าของ ( deangelo และ deangelo 2000 ;
Fama และเจนเซ่น 1983 ; Gomez ตัวแทน นูเยซ , และนิกเกิล
Gutierrez 2001 morck et al . 2000 )