The scope of this study was to esti

The scope of this study was to estimate the prevalence of dental spacing problems and associated factors among adolescents using data from the SB Brazil 2010 survey. The outcomes evaluated were dental spacing problems: space deficit (crowding and misalignment) and excess space (diastema and spacing) obtained using the DAI index. The association of independent variables with outcomes was assessed using a hierarchical model with four levels: contextual, socioeconomic and demographic characteristics, access to services and dental morbidity. Statistical analysis was performed using the chi-square test and univariate and multivariate Poisson distribution to estimate prevalence ratios (PR). The overall prevalence of space problems was 71.43%, with misalignment being the most common type (56.4%). The following aspects were significantly associated with excess space: age of 16, 18 and 19 years; being non-Caucasian (PR = 1.75), perception of speech problems (PR = 1.72) and periodontal pockets 4-5mm (RP = 1.56). For space deficit: family income up to 3 minimum wages, dental visit 1 year or more previously (PR = 1.19) and having one or more decayed teeth on average (PR = 1.32). There was a prevalence of spacing problems, especially with socioeconomic and demographic variables and morbidity as potential risk factors.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ขอบเขตของการศึกษานี้เป็นการ ประเมินความชุกของปัญหาฟันห่าง และเชื่อมโยงปัจจัยในหมู่วัยรุ่นโดยใช้ข้อมูลจากแบบสำรวจ SB บราซิล 2010 ผลประเมินมีปัญหาฟันห่าง: พื้นที่ขาดดุล (กครั้งและนาน ๆ) และส่วนเกินพื้นที่ (diastema และระยะห่าง) ได้ใช้ดัชนีได ความสัมพันธ์ของตัวแปรอิสระ มีผลที่ประเมินด้วยแบบจำลองแบบลำดับชั้นระดับที่ 4: ลักษณะบริบท ประชากร และประชากร เข้าถึงบริการและ morbidity ทันตกรรม สถิติวิเคราะห์ที่ดำเนินการโดยใช้ chi-square ทดสอบการแจกแจงปัวซองอย่างไร univariate และ multivariate ประเมินอัตราชุก (PR) ความชุกโดยรวมพื้นที่ปัญหาเป็น 71.43% มีนาน ๆ เป็นชนิดพบมากที่สุด (ร้อยละ 56.4) ด้านต่อไปนี้เกี่ยวข้องอย่างมากกับพื้นที่ส่วนเกิน: อายุ 16, 18 และ 19 ปี ไม่ใช่คอเคซัส (PR = 1.75), รับรู้ปัญหาเสียง (PR = 1.72) และโรคเหงือกคน ๆ 4-5 มม. (RP = 1.56) สำหรับพื้นที่ดุล: รายได้ของครอบครัวถึง 3 ขั้นต่ำค่าจ้าง ทันตกรรมไปการ 1 ปีขึ้นไปก่อนหน้านี้ (PR = 1.19) และมีฟันผุ น้อยเฉลี่ย (PR = 1.32) ชุกของปัญหาช่องว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวแปรประชากร และประชากรและ morbidity เป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ขอบเขตของการศึกษาครั้งนี้เพื่อประเมินความชุกของปัญหาการเว้นวรรคทางทันตกรรมและปัจจัยที่เกี่ยวข้องในหมู่วัยรุ่นใช้ข้อมูลจาก SB บราซิล 2010 การสำรวจ ผลการประเมินปัญหาการเว้นวรรคทางทันตกรรม: การขาดดุลพื้นที่ (crowding และแนว) และพื้นที่ส่วนเกิน (diastema และระยะห่าง) ที่ได้รับโดยใช้ดัชนี DAI สมาคมของตัวแปรอิสระที่มีผลการประเมินโดยใช้แบบลำดับชั้นที่มีสี่ระดับคือบริบททางสังคมและเศรษฐกิจและประชากร, การเข้าถึงบริการทางทันตกรรมและการเจ็บป่วย การวิเคราะห์ทางสถิติที่ได้ดำเนินการโดยใช้การทดสอบไคสแควร์และ univariate และหลายตัวแปรกระจาย Poisson ในการประมาณการอัตราส่วนชุก (PR) ความชุกโดยรวมของปัญหาพื้นที่เป็น 71.43% โดยมีแนวเป็นชนิดที่พบมากที่สุด (56.4%) ด้านต่อไปนี้มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญที่มีพื้นที่ส่วนเกิน: อายุ 16, 18 และ 19 ปี เป็นที่ไม่ใช่คนผิวขาว (PR = 1.75) การรับรู้ของปัญหาการพูด (PR = 1.72) และเงินในกระเป๋าปริทันต์ 4-5mm (RP = 1.56) สำหรับการขาดดุลพื้นที่: รายได้ของครอบครัวถึง 3 ค่าจ้างขั้นต่ำเข้าชมทันตกรรม 1 ปีหรือมากกว่าก่อนหน้านี้ (PR = 1.19) และมีหนึ่งหรือมากกว่าฟันผุโดยเฉลี่ย (PR = 1.32) มีความชุกของปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นระยะห่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวแปรทางเศรษฐกิจและสังคมและประชากรและการเจ็บป่วยเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ขอบเขตของการศึกษาครั้งนี้ เพื่อประเมินความชุกของปัญหาทางทันตกรรมและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของระยะวัยรุ่นโดยใช้ข้อมูลจาก SB บราซิล 2010 ) ผลประเมินปัญหาทางทันตกรรม : ดุล ( crowding พื้นที่ปลูกและพื้นที่แนว ) และส่วนเกิน ( ฟันและระยะห่าง ) ได้ใช้ดัชนีได้ความสัมพันธ์ของตัวแปรอิสระที่มีผลประเมินโดยใช้แบบจำลองแบบลำดับชั้นที่มีสี่ระดับ : บริบท ลักษณะทางเศรษฐกิจสังคมและประชากร การเข้าถึงบริการทันตกรรมและความเจ็บป่วย วิเคราะห์โดยใช้การทดสอบไคสแควร์และหลายตัวแปรที่มีการแจกแจงปัวส์ซองและค่าอัตราส่วนความชุก ( PR )ความชุกของปัญหาโดยรวมพื้นที่ 71.43 % ด้วยการบิดเป็นชนิดที่พบมากที่สุด ( ปัจจัย % ) ด้านมีความสัมพันธ์กับพื้นที่ส่วนเกิน : อายุ 16 , 18 และ 19 ปี ที่ไม่ใช่ผิวขาว ( PR = 1.75 ) , การรับรู้ของปัญหาการพูด ( PR = 1.72 ) และตรวจกระเป๋า 4-5mm ( RP = 1.56 ) สำหรับดุลอวกาศ : รายได้ถึง 3 ขั้นค่าจ้างฟันไป 1 ปี หรือมากกว่า ก่อนหน้านี้ ( PR = 1.19 ) และมีหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งฟันผุเฉลี่ย ( PR = 1.32 ) มีความชุกของปัญหาระยะห่าง , โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวแปรทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชากรและการเจ็บป่วยเป็นปัจจัยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น