Interest rates began to fall from a

Interest rates began to fall from about July 1998 (table 5),
although it can be seen that prime rates have not been falling as rapidly as the short-term
interest rates. The outcome for the real sector has been a severe shortage of liquidity. The
economy got into a vicious downward spiral, with economic recession leading to more NPL,
7
leading banks to struggle further with provisioning and capital increases, and become even
more reluctant to lend to the real sector

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อัตราดอกเบี้ยเริ่มตกจากเกี่ยวกับ 1998 กรกฎาคม (ตาราง 5),แม้ว่าจะเห็นได้ว่า มีไม่ถูกการล้มนายกราคาเป็นอย่างรวดเร็วเป็นระยะสั้นอัตราดอกเบี้ย ผลลัพธ์สำหรับภาคจริงแล้วขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ที่เศรษฐกิจได้เป็นเกลียวลงอึมครึม กับเศรษฐกิจถดถอยกับ NPL เพิ่มเติม 7ธนาคารชั้นนำการต่อสู้เพิ่มเติมกับการเตรียมใช้งาน และทุนเพิ่มขึ้น และเป็นได้หวงแหนมากยืมภาคแท้จริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อัตราดอกเบี้ยเริ่มที่จะลดลงจากประมาณกรกฎาคม 1998 (ตารางที่ 5) แม้ว่ามันจะเห็นได้ว่าอัตราที่สำคัญยังไม่ได้รับการลดลงอย่างรวดเร็วในระยะสั้นอัตราดอกเบี้ย ผลสำหรับภาคเศรษฐกิจจริงที่ได้รับการขาดแคลนสภาพคล่องอย่างรุนแรง เศรษฐกิจได้เป็นเกลียวลงหินกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจมากขึ้นนำไปสู่การก่อให้เกิดราย, 7 ธนาคารชั้นนำที่จะต่อสู้ต่อไปด้วยการเพิ่มขึ้นของการจัดเตรียมและเงินทุนและกลายเป็นมากขึ้นไม่เต็มใจที่จะปล่อยกู้ให้กับภาคเศรษฐกิจจริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อัตราดอกเบี้ยเริ่มลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2541 ( ตารางที่ 5 ) ,
ถึงแม้ว่ามันสามารถเห็นได้ว่า อัตรานายกรัฐมนตรีได้ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น

ผลต่อภาคเศรษฐกิจจริงได้รับการขาดแคลนอย่างรุนแรงของสภาพคล่อง
เศรษฐกิจมีหินคลายเกลียวกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจนำไปสู่ NPL เพิ่มเติม

7าธนาคารที่จะต่อสู้ต่อไปกับความต้องการ เพิ่มทุน และยิ่ง
มากขึ้นไม่เต็มใจที่จะให้ยืมไปที่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง