Excess supplyFrom Wikipedia, the fr

Excess supply
From Wikipedia, the free encyclopedia
For the opposite, see excess demand.

In economics, excess supply (also called surplus[1]) is a situation in which the quantity of a good or service supplied is more than the quantity demanded,[2] and the price is above the equilibrium level determined by supply and demand. That is, the quantity of the product that producers wish to sell exceeds the quantity that potential buyers are willing to buy at the prevailing price. It is the opposite of economic shortage.

In cultural evolution, agricultural surplus in the Neolithic period is theorized to have produced a greater division of labor, resulting in social stratification and class.[not verified in body]

Contents [hide]
1 Prices
2 Disequilibrium
3 Market response to excess supply
4 Market spillovers
5 See also
6 References
Prices[edit]
Prices and the occurrence of excess supply illustrate a strong correlation. When the price of a good is set too high, the quantity of the product demanded will be diminished while the quantity supplied will be enhanced, so there is more quantity supplied than quantity demanded. The occurrence of excess supply either leads to the lowering of the price or unsold supply, the latter reflecting excess supply. Lowering the price of a good encourages consumers to purchase more and suppliers to produce less.

Disequilibrium[edit]
Main article: Disequilibrium (economics)
A disequilibrium occurs due to a non-equilibrium price giving a lack of balance between supply and demand.[3] Excess supply is one of the two types of disequilibrium in a perfectly competitive market, excess demand being the other. When quantity supplied is greater than quantity demanded,[4] the equilibrium level does not obtain and instead the market is in disequilibrium. An excess supply prevents the economy from operating efficiently.

Market response to excess supply[edit]
Excess supply in a perfectly competitive market is the "extra" amount of supply, beyond the quantity demanded. As an example, suppose the price of a television is $600, the quantity supplied at that price is 1000 televisions, and the quantity demanded is 300 televisions. This illustrates that sellers are seeking to sell 700 more televisions than buyers are willing to purchase. Hence, an excess supply of 700 televisions exists, indicating that the market is in a state of disequilibrium. In this situation, producers would not be able to sell all the televisions they produce at the price of $600. This will induce them to reduce their price in order to make the product more attractive for the buyers. In response to the reduction in the price of the product, consumers will increase their quantity demanded and producers will not produce as many as before. The market will eventually become balanced as the market is transitioning to an equilibrium price and quantity. [5]

Market spillovers[edit]
Excess supply in one market can affect supply or demand in another market. For example, when there is excess supply in the labor market—that is, unemployment—consumer-laborers will be constrained in their disposable income and hence will demand a smaller quantity of goods at any given price. This diminished goods demand resulting from a constraint in the labor market is known as the effective demand for goods.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อุปทานส่วนเกินจากวิกิพีเดีย สารานุกรมฟรีตรงข้าม ดูอุปสงค์ส่วนเกินในเศรษฐศาสตร์ (ยังเรียกว่า surplus[1]) ได้สถานการณ์ที่ปริมาณของดีหรือบริการที่ให้มากกว่าปริมาณที่ต้องการ, [2] และราคาเหนือสมดุลระดับถูกกำหนด โดยอุปสงค์และอุปทานอุปทานส่วนเกิน นั่นคือ ปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่ผู้ผลิตต้องการขายเกินกว่าปริมาณที่ผู้ซื้ออาจเต็มใจที่จะซื้อที่ราคาค่า มันเป็นตรงกันข้ามกับความขาดแคลนทางเศรษฐกิจวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม theorized เกษตรส่วนเกินในช่วงยุคหินใหม่มีการผลิตส่วนใหญ่ของแรงงาน ในสาระทางสังคมและระดับ[ไม่ตรวจสอบร่างกาย]เนื้อหา [ซ่อน] ราคา 12 disequilibrium3 ตอบสนองตลาดอุปทานส่วนเกิน4 ตลาด spillovers5 ดู6 อ้างอิงราคา [แก้ไข]ราคาและการเกิดอุปทานส่วนเกินแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง เมื่อตั้งสูงเกินไป ปริมาณของสินค้าที่ต้องจะลดลงในขณะที่จะเพิ่มปริมาณให้ราคาดี เพื่อให้ได้ปริมาณเพิ่มเติมให้มากกว่าปริมาณที่ต้องการ เกิดอุปทานส่วนเกินจะนำไปสู่การลดราคา หรือจัดหาวัสดุไม่ได้ขายสต็อก อุปทานส่วนเกินข้างหลัง ลดราคาของดีสนับสนุนให้ผู้บริโภคซื้อมากขึ้นและซัพพลายเออร์ในการผลิตน้อยDisequilibrium [แก้ไข]บทความหลัก: Disequilibrium (เศรษฐศาสตร์)Disequilibrium ที่เกิดขึ้นเนื่องจากราคาไม่สมดุลทำให้การขาดความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน[3] อุปทานส่วนเกินเป็นหนึ่งในสองชนิดของ disequilibrium ในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ส่วนเกินความต้องการอื่น ๆ เมื่อปริมาณที่ให้จะมากกว่าปริมาณที่ต้องการ, [4] ไม่ได้ระดับสมดุล และแทน ตลาดอยู่ใน disequilibrium มีอุปทานส่วนเกินป้องกันเศรษฐกิจจากการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลาดตอบสนองอุปทานส่วนเกิน [แก้ไข]อุปทานส่วนเกินในตลาดแข่งขันสมบูรณ์คือ จำนวนอุปทาน เกินกว่าปริมาณที่ต้องการ "เพิ่ม" เป็นตัวอย่าง สมมติว่า ราคาของโทรทัศน์เป็น $600 ปริมาณที่ให้มาในราคาที่เป็นโทรทัศน์ 1000 และปริมาณที่ต้องคือ โทรทัศน์ 300 นี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ขายกำลังจะขาย 700 โทรทัศน์มากกว่าผู้ซื้อยินดีที่จะซื้อ ดังนั้น มีอุปทานส่วนเกินของโทรทัศน์ 700 แล้ว บ่งชี้ว่า ตลาดที่อยู่ในรัฐ disequilibrium ในสถานการณ์นี้ ผู้ผลิตจะไม่สามารถขายโทรทัศน์ทั้งหมดที่พวกเขาผลิตที่ราคา $600 นี้จะก่อให้เกิดการลดราคาของพวกเขาเพื่อให้ผลิตภัณฑ์น่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ซื้อ ตอบสนองต่อการลดลงของราคาผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคจะเพิ่มปริมาณความต้องการ และไม่มีผลิตผู้ผลิตจะเป็นก่อน ตลาดจะในที่สุดกลายเป็นสมดุล ตามตลาดเปลี่ยนสมดุลราคาและปริมาณการ [5]Market spillovers[edit]Excess supply in one market can affect supply or demand in another market. For example, when there is excess supply in the labor market—that is, unemployment—consumer-laborers will be constrained in their disposable income and hence will demand a smaller quantity of goods at any given price. This diminished goods demand resulting from a constraint in the labor market is known as the effective demand for goods.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อุปทานส่วนเกิน
จากวิกิพีเดียสารานุกรมเสรี
สำหรับตรงข้ามที่เห็นความต้องการส่วนเกิน. เศรษฐศาสตร์อุปทานส่วนเกิน (เรียกว่าส่วนเกิน [1]) เป็นสถานการณ์ที่ปริมาณของสินค้าหรือบริการที่ให้มามากกว่าปริมาณที่เรียกร้อง [ 2] และเป็นราคาที่สูงกว่าระดับสมดุลที่กำหนดโดยอุปสงค์และอุปทาน นั่นคือปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่ผู้ผลิตต้องการที่จะขายเกินกว่าปริมาณที่ซื้อที่มีศักยภาพมีความเต็มใจที่จะซื้อในราคาที่แพร่หลาย อยู่ฝั่งตรงข้ามของการขาดแคลนทางเศรษฐกิจ. ในวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมส่วนเกินการเกษตรในช่วงยุคเป็นมหาเศรษฐีที่จะได้มีการผลิตส่วนที่มากขึ้นของแรงงานที่เกิดขึ้นในสังคมชนชั้นและชั้น. [ไม่ได้ตรวจสอบในร่างกาย] เนื้อหา [ซ่อน] 1 ราคา2 เบี่ยงเบนจากดุลยภาพ3 การตอบสนองของตลาดต่ออุปทานส่วนเกิน4 spillovers ตลาด5 ดูเพิ่มเติม6 อ้างอิงราคา [แก้ไข] ราคาและการเกิดขึ้นของอุปทานส่วนเกินแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง เมื่อราคาของที่ดีมีการตั้งค่าสูงเกินไปปริมาณของสินค้าที่เรียกร้องจะลดลงในขณะที่ปริมาณที่ให้มาจะได้รับการปรับปรุงเพื่อให้มีปริมาณมากขึ้นกว่าปริมาณที่ให้มาเรียกร้อง การเกิดขึ้นของอุปทานส่วนเกินทั้งนำไปสู่การลดลงของราคาหรือแหล่งที่ขายไม่ออกหลังสะท้อนให้เห็นถึงอุปทานส่วนเกิน ลดราคาที่ดีเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคที่จะซื้อมากขึ้นและซัพพลายเออร์ในการผลิตน้อยลง. เบี่ยงเบนจากดุลยภาพ [แก้ไข] บทความหลัก: เบี่ยงเบนจากดุลยภาพ (เศรษฐศาสตร์) . สมดุลเกิดขึ้นเนื่องจากราคาที่ไม่สมดุลให้ขาดความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน [3 ] อุปทานส่วนเกินเป็นหนึ่งในสองประเภทของความไม่สมดุลในตลาดการแข่งขันอย่างสมบูรณ์แบบความต้องการส่วนเกินเป็นอื่น ๆ เมื่อปริมาณที่ให้มามีค่ามากกว่าการเรียกร้องปริมาณ [4] ระดับสมดุลไม่ได้รับและแทนที่จะตลาดอยู่ในสมดุล อุปทานส่วนเกินป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจจากการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ. การตอบสนองของตลาดต่ออุปทานส่วนเกิน [แก้ไข] อุปทานส่วนเกินในตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นจำนวนเงิน "พิเศษ" ของอุปทานเกินกว่าปริมาณที่เรียกร้อง ในฐานะที่เป็นตัวอย่างเช่นสมมติว่าราคาของโทรทัศน์เป็น $ 600, ปริมาณที่ให้มาในราคาที่เป็น 1000 โทรทัศน์และปริมาณการเรียกร้องเป็น 300 โทรทัศน์ นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ขายกำลังมองหาที่จะขาย 700 โทรทัศน์มากกว่าผู้ซื้อมีความเต็มใจที่จะซื้อ ดังนั้นอุปทานส่วนเกินของ 700 โทรทัศน์ที่มีอยู่แสดงให้เห็นว่าตลาดอยู่ในภาวะสมดุล ในสถานการณ์เช่นนี้ผู้ผลิตจะไม่สามารถที่จะขายโทรทัศน์ทั้งหมดที่พวกเขาผลิตในราคา $ 600 นี้จะทำให้เกิดพวกเขาจะลดราคาของพวกเขาเพื่อที่จะทำให้สินค้าที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ซื้อ ในการตอบสนองต่อการลดลงของราคาสินค้าผู้บริโภคจะเพิ่มปริมาณของพวกเขาเรียกร้องและผู้ผลิตจะไม่ผลิตมากที่สุดเท่าที่ก่อน ตลาดก็จะกลายเป็นความสมดุลเป็นตลาดที่มีการเปลี่ยนไปราคาดุลยภาพและปริมาณ [5] spillovers ตลาด [แก้ไข] อุปทานส่วนเกินในตลาดหนึ่งจะมีผลต่ออุปสงค์และอุปทานในตลาดอื่น ตัวอย่างเช่นเมื่อมีอุปทานส่วนเกินในตลาดแรงงานที่มีการว่างงานผู้บริโภคคนงานจะถูก จำกัด ในรายได้ทิ้งของพวกเขาและด้วยเหตุนี้จะมีความต้องการปริมาณขนาดเล็กของสินค้าในราคาที่ใดก็ตาม นี้ลดลงความต้องการสินค้าที่เป็นผลมาจากข้อ จำกัด ในตลาดแรงงานเป็นที่รู้จักกันเป็นความต้องการที่มีประสิทธิภาพสำหรับสินค้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อุปทานส่วนเกิน จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีสำหรับ
ตรงข้ามเห็นความต้องการส่วนเกิน

ในเศรษฐศาสตร์ อุปทานส่วนเกิน ( เรียกว่าส่วนเกิน [ 1 ] ) คือสถานการณ์ที่ปริมาณของสินค้าหรือการบริการให้มีมากกว่าปริมาณความต้องการสินค้า [ 2 ] และราคาก็สูงกว่าระดับสมดุล กำหนดโดยอุปสงค์และอุปทาน นั่นคือปริมาณสินค้าที่ผู้ผลิตต้องการขายเกินปริมาณที่ผู้ซื้อเต็มใจที่จะซื้อที่แพร่หลายราคา มันเป็นตรงข้ามของความขาดแคลนทางเศรษฐกิจ .

ในวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม , ส่วนเกินทางการเกษตรในช่วงสมัยหินใหม่คือ theorized ได้ผลิตกองมากขึ้นของแรงงาน ซึ่งในสังคมชนชั้นและชั้น [ ยังไม่ยืนยันความถูกต้องในร่างกาย ]


เนื้อหา [ ซ่อน ]1 ราคา
2
3 การเก็บน้ำตลาดตอบสนองต่อตลาดที่มีอุปทานส่วนเกิน
4
5
6
ดูยังอ้างอิงราคา [ แก้ไข ]
ราคาและการเกิดอุปทานส่วนเกินให้แข็งแรง ) เมื่อราคาดีถูกตั้งค่าสูงเกินไป ปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจะลดลงในขณะที่ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีปริมาณขายมากขึ้นกว่าปริมาณที่ต้องการการเกิดอุปทานส่วนเกิน ให้นำไปสู่การลดราคาหรือสินค้าค้างจ่าย หลังสะท้อนอุปทานส่วนเกิน ลด ราคาดี กระตุ้นผู้บริโภคจะซื้อมากขึ้นและซัพพลายเออร์ที่สามารถผลิตได้น้อย การเก็บน้ำ [ แก้ไข ]


บทความหลัก : การเก็บน้ำ ( เศรษฐศาสตร์ ) : การขาดสมดุลย์เกิดขึ้นเนื่องจากการไม่สมดุลของราคาให้ขาดความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน[ 3 ] อุปทานส่วนเกินเป็นหนึ่งในสองประเภทของการเก็บน้ำในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ อุปสงค์ส่วนเกินถูกอื่น ๆ เมื่อปริมาณขายมีมากกว่าปริมาณความต้องการสินค้า [ 4 ] ระดับสมดุลไม่ขอรับ และแทนตลาดในการเก็บน้ำ . อุปทานส่วนเกินช่วยป้องกันเศรษฐกิจจากการดำเนินงาน

ตลาดการตอบสนองอุปทานส่วนเกิน [ แก้ไข ]
อุปทานส่วนเกินในตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์ เป็น " เงินพิเศษ " ของอุปทานเกินปริมาณที่ต้องการ ตัวอย่าง สมมติว่าราคาของโทรทัศน์คือ $ 600 , ปริมาณที่ให้ในราคาที่โทรทัศน์ 1000 และปริมาณที่ต้องการ คือ ทีวี 300 นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ขายต้องการขาย 700 กว่าโทรทัศน์มากกว่าผู้ซื้อเต็มใจที่จะซื้อ ดังนั้นอุปทานส่วนเกินของโทรทัศน์ 700 ที่มีอยู่ ระบุว่า ตลาดอยู่ในภาวะของการขาดสมดุลย์ . ในสถานการณ์นี้ ผู้ผลิตจะไม่ขายทั้งหมดโทรทัศน์พวกเขาผลิตในราคา $ 600 นี้จะทำให้พวกเขาจะลดราคาของพวกเขาเพื่อที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ซื้อ ในการตอบสนองต่อ การลดลงของราคาผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคจะเพิ่มปริมาณของพวกเขาเรียกร้องและผู้ผลิตจะไม่ผลิตเป็นจำนวนมากเช่นเดิม ตลาดในที่สุดจะกลายเป็นความสมดุล ตามตลาดเปลี่ยนไปราคาดุลยภาพและปริมาณ [ 5 ]

[ ]
แก้ไขตลาดที่มีอุปทานส่วนเกินในตลาดหนึ่งสามารถส่งผลกระทบต่ออุปทานหรือความต้องการในตลาด ตัวอย่างเช่น เมื่อมีอุปทานส่วนเกินในตลาดแรงงานที่การว่างงานของแรงงานจะถูก จำกัด ในรายได้ของพวกเขาและจึงต้องการปริมาณขนาดเล็กของสินค้า ณราคา นี้ลงสินค้าความต้องการที่เกิดจากข้อจำกัดในตลาดแรงงานจะเรียกว่าความต้องการที่มีประสิทธิภาพสำหรับสินค้า