the increase in productivity per un

the increase in productivity per unit of land. In
intercropping system, all the environmental resources
utilized to maximize crop production per unit area per
unit time. Risk may be minimized in intercropping [3].
Biological efficiency of intercropping gets improved due
to exploration of large soil mass compared to
monocropping [4]. This advanced agriculture techniques
has been practiced in past decades and achieved the goal
of agriculture. There are some socio economic, biological
and ecological advantages [5], [6] in intercropping over
monocropping. Intercropping can also referred to as
mixed cropping or polyculture is the agricultural practice
of cultivating two or more crops in the same space at the
same time [2], [7], [8]. The component crops of an
intercropping system neither necessarily have to be sown
at the same time nor they have to be harvested at the
same time, but they should be grown simultaneously for
a great part of their growth periods. In intercropping,
there is normally one main crop and one or more added
crops, with the main crop being of primary importance
for economic or food production reasons.
This practice is an attractive strategy to smallholder
farmers for increasing productivity and land labour
utilization per unit of area of available land though
intensification of land use [9]. Furthermore,
intercropping cereals with legumes have huge capacity to
replenish soil mineral nitrogen through its ability to
biologically fix atmospheric nitrogen [10].
II. INTERCROPPING: GLOBAL PROSPECTIVE
Various types of intercropping were known and
presumably employed in ancient Greece about 300 B.C.
Theophrastus, among the greatest early Greek
philosophers and natural scientists, notes that wheat,
barley, millets and certain pulses could be planted at
various times during the growing season often integrated
with vines and olives, indicating knowledge of the use of
intercropping [11]. Traditional agriculture, as practiced
through the centuries all around the world, has always
included different forms of intercropping. In fact, many
crops have been grown in association with one another
for hundred years and crop mixtures probably represent
some of the first farming systems practiced [12]. Now a
day, intercropping is commonly used in many temperate,
tropical and subtropical parts of the world particularly by
small-scale traditional farmers [13]. Traditional multiple
cropping systems are estimated to still provide as much
as 16-22% of the world’s food supply [14]. In Latin
America, farmers grow 70-90% of their beans with maize,
potatoes, and other crops, whereas maize is intercropped
on 60% of the maize-growing areas of the region [15].
III. MEANING AND SCOPE OF INTERCROPPING
SYSTEMS
The cropping system is defined as the combination of
crops grown on a given area and time [16]. Intercropping
system is a type of mixed cropping and defined as the
agricultural practice of cultivating two or more than two
crops in the same space at the same time [2], [17]. The
common crop combinations in intercropping systems of
this region are cereal+legume, particularly
maize+cowpea, maize+soybean, maize+pigeonpea,
maize+groundnuts, maize+beans, sorghum+cowpea,
millet+groundnuts, and rice+pulses [18], [19]. This is a
common practice in India, and it is mostly practiced by
smallholder famers. The features of an intercropping
system differ with soil, climatic condition, economic
situation and preferences of the local community [20].
Several scientists have been working with cereallegume
intercropping systems [21]-[29] and proved its
success compared to the monocrops. One of the most
important reasons for smallholder farmers to intercrop is
to minimizing the risk against total crop failures and to
get different produces to take for his family’s food and
income [7], [20], [30]. Moreover, intercropping systems
more efficiently used the growth factors because they
capture more radiation and make better use of the
available water and nutrients, reduce pests, diseases
incidence and suppress weeds and favour soil-physical
conditions, particularly intercropping cereal and legume
crops which also maintain and improve soil fertility [7]
[31]-[34].
IV. BASIC PRINCIPLES AND PRACTICE OF MAIZELEGUME
INTERCROPPING
The success of intercropping system have achieved by
various aspects which are need to be taken into
consideration before and during the cultivation process
[9]. Singh et al. [35] Reported that intercropping of
legume, particularly black gram with maize has been
efficiently utilized the growth resources besides
maintaining the soil health. The biggest complementary
effects and biggest yield advantages occur when the
component crops have different growing periods so make
their major demands on resources at different times [7].
Therefore, crops which mature at different times thus
separating their periods of maximum demand to nutrients
an

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพิ่มขึ้นในการผลิตต่อหน่วยของที่ดิน ใน
ระบบการปลูกทั้งหมดทรัพยากรสิ่งแวดล้อม
มาใช้เพื่อเพิ่มการผลิตพืชต่อหน่วยพื้นที่ต่อ
หน่วยเวลา ความเสี่ยงที่อาจจะลดลงในแซม [3].
ประสิทธิภาพทางชีวภาพของแซมได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเนื่องจาก
การสำรวจของดินที่มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับมวล
monocropping [4] นี้เทคนิคการเกษตรที่ทันสมัย
​​ได้รับการฝึกในทศวรรษที่ผ่านมาและประสบความสำเร็จในเป้าหมาย
ของการเกษตร มีบางทางเศรษฐกิจทางสังคมทางชีวภาพมี
ข้อดีและระบบนิเวศ [5] [6] ในแซมมากกว่า
monocropping แซมยังสามารถเรียกว่า
การปลูกพืชผสมหรือแบบผสมผสานคือการปฏิบัติทางการเกษตร
ของการเพาะปลูกสองคนหรือมากกว่าการปลูกพืชในพื้นที่เดียวกันใน
เวลาเดียวกัน [2] [7] [8] พืชองค์ประกอบของ
ระบบการปลูกไม่จำเป็นต้องหว่าน
ในเวลาเดียวกันหรือพวกเขาจะต้องเก็บเกี่ยวใน
เวลาเดียวกัน แต่พวกเขาควรจะเติบโตไปพร้อม ๆ กันสำหรับการ
เป็นส่วนหนึ่งของระยะเวลาการเจริญเติบโตของพวกเขา ในการปลูก,
มีปกติหนึ่งพืชหลักและหนึ่งหรือเพิ่ม
พืชที่มีความเป็นพืชหลักที่มีความสำคัญหลัก
เหตุผลทางเศรษฐกิจหรือการผลิตอาหาร.
การปฏิบัตินี้เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจให้กับรายย่อย
เกษตรกรในการเพิ่มผลผลิตและแรงงานที่ดิน
ใช้ประโยชน์ต่อหน่วยของ พื้นที่ของที่ดินที่มีอยู่แม้ว่า
แรงขึ้นของการใช้ประโยชน์ที่ดิน [9] นอกจากนี้
แซมธัญพืชกับพืชตระกูลถั่วมีความจุขนาดใหญ่เพื่อ
เติมเต็มแร่ธาตุไนโตรเจนในดินผ่านความสามารถในการ
ทางชีวภาพแก้ไขบรรยากาศไนโตรเจน [10].
ครั้งที่สอง การปลูก: GLOBAL คาดหวัง
ประเภทต่างๆของแซมเป็นที่รู้จักและ
สันนิษฐานว่าการจ้างงานในสมัยกรีกโบราณประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล
ธีโอฟาธัหมู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกรีกในช่วงต้นของ
นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติตั้งข้อสังเกตว่าข้าวสาลี
ข้าวบาร์เลย์ Millets และพับางอย่างอาจจะปลูกที่
หลาย ๆ ครั้งในช่วงที่เพิ่มขึ้นของ ฤดูกาลมักจะบูรณาการ
กับองุ่นและมะกอกแสดงให้เห็นความรู้เกี่ยวกับการใช้งานของ
แซม [11] การเกษตรแบบดั้งเดิมเช่นการฝึกฝน
ผ่านศตวรรษทั่วทุกมุมโลกได้เสมอ
รวมถึงรูปแบบที่แตกต่างกันของแซม ในความเป็นจริงหลาย
พืชได้รับการเติบโตในการเชื่อมโยงกับอีกคนหนึ่ง
สำหรับร้อยปีและสารผสมพืชอาจเป็นตัวแทน
บางส่วนของระบบการทำฟาร์มแรกที่ได้รับการฝึกฝน [12] ตอนนี้
วันแซมเป็นที่นิยมใช้ในเมืองหนาวหลาย
เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนส่วนของโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เกษตรกรแบบดั้งเดิมขนาดเล็ก [13] แบบดั้งเดิมหลาย
ระบบการปลูกพืชคาดว่าจะยังคงให้มากที่สุดเท่าที่
เป็น 16-22% ของแหล่งอาหารของโลก [14] ในละติน
อเมริกาเกษตรกรเติบโต 70-90% ของพวกเขาด้วยถั่วข้าวโพด
มันฝรั่งและพืชอื่น ๆ ในขณะที่ข้าวโพดเป็นแซม
60% ของพื้นที่ปลูกข้าวโพดเติบโตของภูมิภาค [15].
III ความหมายและขอบเขตของการปลูก
SYSTEMS
ระบบการปลูกพืชที่ถูกกำหนดให้เป็นส่วนผสมของ
พืชที่ปลูกในพื้นที่ที่กำหนดและเวลา [16] แซม
ระบบเป็นชนิดของการปลูกพืชผสมและกำหนดเป็น
การปฏิบัติทางการเกษตรของการเพาะปลูกสองหรือมากกว่าสอง
พืชในพื้นที่เดียวกันในเวลาเดียวกัน [2], [17]
รวมกันพืชที่พบบ่อยในระบบการปลูกพืชแซม
ภูมิภาคนี้มีธัญพืช + ถั่วโดยเฉพาะ
ข้าวโพด + ถั่วพุ่มข้าวโพด + ถั่วเหลืองข้าวโพด + ถั่วมะแฮะ,
ข้าวโพด + ถั่วลิสงข้าวโพด + ถั่วข้าวฟ่าง + ถั่วพุ่ม,
ข้าวฟ่าง + ถั่วลิสงและข้าว + พัลส์ [18 ], [19] นี่คือ
การปฏิบัติร่วมกันในประเทศอินเดียและเป็นที่ได้รับการฝึกฝนโดยส่วนใหญ่เป็น
เกษตรกรรายย่อย คุณสมบัติของแซม
ระบบที่แตกต่างกันกับพื้นดินสภาพภูมิอากาศเศรษฐกิจ
สถานการณ์และความต้องการของชุมชนท้องถิ่น [20].
นักวิทยาศาสตร์หลายคนได้รับการทำงานร่วมกับ cereallegume
ระบบแซม [21] - [29] และพิสูจน์แล้วว่ามัน
ประสบความสำเร็จเมื่อเทียบกับ monocrops มากที่สุดแห่งหนึ่ง
ในเหตุผลสำคัญสำหรับเกษตรกรรายย่อยเพื่อแซมคือ
การลดความเสี่ยงกับความล้มเหลวของการเพาะปลูกทั้งหมดและ
ได้รับแตกต่างกันที่จะใช้ผลิตอาหารของครอบครัวของเขาและ
รายได้ [7] [20] [30] นอกจากนี้ระบบแซม
มีประสิทธิภาพมากขึ้นใช้ปัจจัยการเจริญเติบโตเพราะพวกเขา
จับรังสีมากขึ้นและทำให้การใช้งานที่ดีขึ้นของ
น้ำที่มีอยู่และสารอาหารลดศัตรูพืชโรค
อุบัติการณ์และปราบปรามวัชพืชและเป็นที่โปรดปรานของดินทางกายภาพ
เงื่อนไขโดยเฉพาะอย่างยิ่งแซมธัญพืชและพืชตระกูลถั่ว
พืชซึ่งยังรักษา และปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน [7]
[31] -. [34]
IV หลักการพื้นฐานและการปฏิบัติของ MAIZELEGUME
แซม
ความสำเร็จของระบบแซมได้ประสบความสำเร็จจาก
แง่มุมต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นที่จะต้องนำมา
พิจารณาก่อนและในระหว่างขั้นตอนการเพาะปลูก
[9] ซิงห์, et al [35] รายงานว่าแซมของ
พืชตระกูลถั่วกรัมสีดำโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้รับการ
ใช้อย่างมีประสิทธิภาพทรัพยากรการเจริญเติบโตนอกจากนี้
การรักษาสุขภาพดิน เสริมที่ใหญ่ที่สุด
ผลกระทบและข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นเมื่อ
พืชองค์ประกอบที่มีระยะเวลาการเจริญเติบโตที่แตกต่างกันเพื่อให้
ตอบสนองความต้องการที่สำคัญของพวกเขาเกี่ยวกับทรัพยากรเวลาที่ต่างกัน [7].
ดังนั้นพืชซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันจึง
แยกช่วงเวลาของพวกเขาจากความต้องการสูงสุดสารอาหาร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพิ่มผลผลิตต่อหน่วยของที่ดิน ในและ สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรระบบทั้งหมดใช้เพื่อเพิ่มการผลิตพืชต่อพื้นที่ต่อหน่วยเวลา อาจจะลดความเสี่ยงในระบบ [ 3 ]ประสิทธิภาพของระบบได้รับการปรับปรุงจากชีวภาพการสํารวจของมวลดินขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับ) [ 4 ] ขั้นสูงเทคนิคการเกษตรได้รับการฝึกในทศวรรษที่ผ่านมาและบรรลุเป้าหมายของเกษตร มีบางทางเศรษฐกิจและสังคม ทางชีวภาพและนิเวศวิทยาประโยชน์ [ 5 ] [ 6 ] แซมมากกว่าเดี่ยว . และยังสามารถเรียกว่าเป็นการปลูกพืช หรือผสม polyculture คือการปฏิบัติทางการเกษตรของการปลูกพืชสองหรือมากกว่าในพื้นที่เดียวกันที่เวลาเดียวกัน [ 2 ] , [ 7 ] , [ 8 ] ส่วนประกอบของพืชระบบการปลูกเป็นพืชร่วม ไม่จําเป็นต้องหว่านในเวลาเดียวกัน หรือพวกเขาต้องเก็บเกี่ยวที่เวลาเดียวกัน แต่พวกเขาควรจะโตพร้อมกันสำหรับส่วนดีของระยะเวลาการเจริญเติบโตของพวกเขา แซม ,เคยมีหนึ่งหลักพืชและหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งเพิ่มพืชกับพืชหลักที่สำคัญหลักสำหรับอาหารด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจหรือการผลิตการปฏิบัตินี้เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจให้กับโครงสร้างเกษตรกรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานและที่ดินการใช้ต่อหน่วยของพื้นที่ของที่ดิน แม้ว่าแรงของการใช้ที่ดิน [ 9 ] นอกจากนี้การปลูกธัญพืชกับพืชตระกูลถั่วมีขนาดใหญ่ความจุเติมไนโตรเจนในดินแร่ผ่านความสามารถของมันได้แก้ไขไนโตรเจนในบรรยากาศ [ 10 ]2 . แซม : ทั่วโลกในอนาคตประเภทต่างๆของการปลูกและรู้จักน่าจะใช้ในประเทศกรีซโบราณประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาลทีโอฟราสตุส ในหมู่มากที่สุดก่อน กรีกนักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ บันทึกว่า ข้าวสาลีข้าวบาร์เลย์ ข้าวฟ่าง และบางอย่างอาจจะปลูกถั่วเวลาต่าง ๆ ในช่วงฤดูปลูกรวมบ่อยๆกับองุ่นและมะกอก แสดงความรู้การใช้แซม [ 11 ] การเกษตรแบบดั้งเดิม เป็นท่าตลอดหลายศตวรรษทั่วโลกได้เสมอรวมแบบฟอร์มที่แตกต่างกันของระบบ . ในความเป็นจริง , หลายพืชที่ได้รับการปลูกในสมาคมกับคนอื่นสำหรับ 100 ปีและผสมพืชอาจจะแสดงบางส่วนของระบบการเลี้ยงก่อนฝึก [ 12 ] ตอนนี้วัน และใช้กันทั่วไปในหลายกาลเทศะเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนส่วนของโลกโดยเฉพาะโดยขนาดเล็กแบบดั้งเดิม เกษตรกร [ 13 ] หลายแบบดั้งเดิมระบบการปลูกพืชซึ่งคาดว่ายังคงมีมากเป็น 16-22 % ของอุปทานอาหารของโลก [ 14 ] ในภาษาละตินอเมริกา เกษตรกรที่ปลูก 70-90% ของเมล็ดของพวกเขาด้วยข้าวโพดมันฝรั่งและพืชอื่นๆ ในขณะที่ข้าวโพดชุด60 % ของพื้นที่ปลูกข้าวโพดในภูมิภาค [ 15 ]ความหมายและขอบเขตของระบบนั้นระบบในระบบการปลูกพืช หมายถึง การรวมกันของพืชที่ปลูกในพื้นที่และเวลาที่กำหนด [ 16 ] และระบบเป็นชนิดของการผสมและการปลูกพืช หมายถึงการปฏิบัติทางการเกษตรปลูกฝังสองหรือมากกว่าสองพืชในพื้นที่เดียวกันในเวลาเดียวกัน [ 2 ] , [ 17 ] ที่โดยทั่วไปพืชผสมในระบบและภูมิภาคนี้มีถั่วธัญพืช + โดยเฉพาะข้าวโพดข้าวโพดถั่วเหลือง + ถั่ว + ข้าวโพด + แฮะ , ,ข้าวโพด + ถั่วลิสง ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่วพุ่ม ถั่ว + + , ,ข้าวฟ่าง + ถั่วลิสง และข้าว + ถั่ว [ 18 ] , [ 19 ] นี้คือการปฏิบัติทั่วไปในอินเดีย และส่วนใหญ่จะฝึกโดยโครงสร้างชาวนา . คุณสมบัติของระบบพืชร่วมระบบต่างกับดิน ภูมิอากาศ สภาวะทางเศรษฐกิจสถานการณ์และความต้องการของชุมชนท้องถิ่น [ 20 ]นักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้ cereallegumeการปลูกพืชร่วมระบบ [ 21 ] - [ 29 ] และพิสูจน์ของความสำเร็จเมื่อเทียบกับ monocrops . หนึ่งในมากที่สุดเหตุผลที่สำคัญสำหรับโครงสร้างเกษตรกรพืชแซม คือเพื่อลดความเสี่ยงต่อความล้มเหลวของเกษตรทั้งหมด และรับผลิตอาหารแตกต่างกันไป ครอบครัวของเขา และรายได้ [ 7 ] , [ 20 ] [ 30 ] นอกจากนี้ การปลูกพืชร่วมระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ปัจจัยการเติบโตเพราะพวกเขาจับรังสีมากขึ้น และให้ใช้ดีกว่าของสารอาหารของน้ำ ลดโรคและศัตรูพืชอุบัติการณ์และปราบวัชพืชและความโปรดปรานของดินทางกายภาพเงื่อนไขโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกธัญพืชและถั่วพืชที่สามารถรักษาและปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน [ 7 ][ 31 ] - [ 34 ]หลักการพื้นฐานและการปฏิบัติของ maizelegume IVและความสำเร็จของการปลูกพืชร่วมระบบได้รับโดยด้านต่าง ๆ ซึ่งจะต้องไปการพิจารณาก่อนและในระหว่างกระบวนการเพาะปลูก[ 9 ] Singh et al . [ 3 ] รายงานว่า ระบบของถั่ว โดยเฉพาะข้าวโพดได้รับดำกรัมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ทรัพยากรและการเจริญเติบโตการดูแลรักษาสุขภาพของดิน คู่ที่ใหญ่ที่สุดผลกระทบและประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นเมื่อผลผลิตพืชองค์ประกอบจะมีระยะเวลาปลูกที่แตกต่างกันเพื่อให้ที่สําคัญของความต้องการทรัพยากรที่เวลาที่ต่างกัน [ 7 ]ดังนั้น พืชผล ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในช่วงเวลาต่าง ๆดังนี้การแยกของพวกเขาช่วงความต้องการสูงสุดถึงรังเป็น