AbstractIntroduction: This study ai

Abstract
Introduction: This study aimed to evaluate the effects of an educational program based on Health
Belief Model on knowledge, attitudes and practice (KAP) in patients with Pemphigus vulgaris (PV)
referred to Razi Hospital in Iran. Materials and Methods: This quasi-experimental study was conducted
on 88 patients in 2013-2014. Subjects were divided into two intervention and control
groups using block randomization. In addition to their usual care for both groups, the intervention
group sat through a six-month self-care educational program in a specialized outpatient clinic. A
self-designed questionnaire was used to gather information about demographic characteristics,
PV related variables, and KAP-related questions. Data were analyzed using SPSS Software. p value
of less than 0.05 was set as statistically significant. Results: mean scores of KAP increased significantly
after intervention compared to control groups when adjusted for baseline differences of
these scores and house ownership and employment status differences in two groups. Conclusion:
study results show the effectiveness of an HBM based educational program on KAP in PV patients
that can lead to adoption of self care behaviors and help them gain self efficacy in controlling their
disease and assisting their treatment process, counting as a tertiary preventive measure.
Keywords
KAP, HBM, Intervention, Pemphigus vulgaris

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อบทนำ: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลของโปรแกรมการศึกษาขึ้นอยู่กับสุขภาพรูปแบบความเชื่อความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติ (กาบ) ในผู้ป่วยที่มี vulgaris Pemphigus (PV)เรียกว่าโรงพยาบาล Razi ในอิหร่าน วัสดุและวิธีการ: ดำเนินการการศึกษากึ่งทดลองนี้ในผู้ป่วยที่ 88 ในปี 2013-2014 วิชาถูกแบ่งออกเป็นสองแทรกแซงและควบคุมกลุ่มที่ใช้บล็อก randomization นอกจากผู้ดูแลปกติทั้งกลุ่ม แทรกแซงกลุ่มเสาร์ผ่านโปรแกรมศึกษา 6 เดือนสุขภาพในคลินิกผู้ป่วยนอกเฉพาะ Aแบบสอบถามด้วยตนเองมาใช้ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทางประชากรPV ที่เกี่ยวข้องกับตัวแปร และคำถามที่เกี่ยวข้องกับกาบ มีวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ ค่า pของน้อยกว่า 0.05 ถูกกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ผลลัพธ์: คะแนนเฉลี่ยของกาบที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากการแทรกแซงเพื่อควบคุมกลุ่มเมื่อปรับความแตกต่างพื้นฐานของการเปรียบเทียบคะแนนเหล่านี้และบ้านเป็นเจ้าของและการจ้างงานสถานะแตกต่างกัน 2 กลุ่ม สรุป:แสดงผลการศึกษาประสิทธิภาพของการ HBM ตามโปรแกรมศึกษากาบในผู้ป่วย PVที่สามารถนำไปสู่การยอมรับของพฤติกรรมการดูแลตนเอง และช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพตนเองในการควบคุมของพวกเขาโรคและช่วยกระบวนการรักษา นับเป็นมาตรการระดับตติยภูมิคำสำคัญกาบ HBM แทรกแซง Pemphigus vulgaris

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อ
บทนำ: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลกระทบของโปรแกรมการศึกษาบนพื้นฐานของสุขภาพ
แบบแผนความเชื่อเกี่ยวกับความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติ (กาพย์) ในผู้ป่วยที่มี Pemphigus ขิง (PV)
เรียกว่าโรงพยาบาล Razi ในอิหร่าน วัสดุและวิธีการ: การศึกษากึ่งทดลองได้ดำเนินการ
เมื่อวันที่ 88 ผู้ป่วยใน 2013-2014 อาสาสมัครถูกแบ่งออกเป็นการแทรกแซงและการควบคุมสอง
กลุ่มโดยใช้บล็อกสุ่ม นอกเหนือจากการดูแลตามปกติของพวกเขาสำหรับทั้งสองกลุ่มแทรกแซง
กลุ่มนั่งผ่านหกเดือนการดูแลตนเองโปรแกรมการศึกษาในคลินิกผู้ป่วยนอกที่มีความเชี่ยวชาญ
แบบสอบถามตัวเองได้รับการออกแบบถูกใช้ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทางประชากร
ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง PV และคำถามกาพย์ที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ซอฟแวร์โปรแกรม SPSS ค่า P
น้อยกว่า 0.05 ได้รับการกำหนดให้เป็นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผล: คะแนนเฉลี่ยความกาพย์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หลังจากการแทรกแซงเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมเมื่อปรับพื้นฐานความแตกต่างของ
คะแนนเหล่านี้และเป็นเจ้าของบ้านและการจ้างงานที่แตกต่างกันสถานะในทั้งสองกลุ่ม สรุป:
ผลการศึกษาแสดงให้เห็นประสิทธิภาพของ HBM ตามโปรแกรมการศึกษาในกาพย์ในผู้ป่วย PV
ที่สามารถนำไปสู่การยอมรับพฤติกรรมการดูแลตนเองและช่วยให้พวกเขาได้รับรู้ความสามารถของตนเองในการควบคุมของพวกเขา
โรคและการให้ความช่วยเหลือการรักษาของพวกเขานับเป็นมาตรการป้องกันในระดับอุดมศึกษา
คำ
กาพย์, HBM, แทรกแซง Pemphigus ขิง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทนำ
: บทคัดย่อการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการศึกษาตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ
ต่อความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติ ( คับ ) ในผู้ป่วยที่มีความดำแบบ ( PV )
เรียกว่า Razi โรงพยาบาลในอิหร่าน วัสดุและวิธีการ : เป็นการวิจัยกึ่งทดลองศึกษา
ผู้ป่วย 88 ในศิลปะ . กลุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็นสองการแทรกแซงและควบคุม
กลุ่มที่ใช้ป้องกันควบคุม นอกจากการดูแลตามปกติของทั้งสองกลุ่ม กลุ่ม
นั่งผ่านโปรแกรมการศึกษาเป็นเวลา 6 เดือน ในการดูแลตนเอง เฉพาะผู้ป่วยนอก คลินิก a
ออกแบบแบบสอบถามเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทางประชากรศาสตร์
PV ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง และกับคำถามที่เกี่ยวข้อง . วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS ค่า P
น้อยกว่า 0.05 ถูกตั้งค่าเป็นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการศึกษา : ค่าเฉลี่ยของคะแนนความรู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หลังการทดลองเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม เมื่อปรับความแตกต่างพื้นฐานของ
คะแนนเหล่านี้เป็นเจ้าของบ้านและการจ้างงานและสถานะที่แตกต่างกันเป็นสองกลุ่ม สรุป :
ผลการศึกษาแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของการใช้โปรแกรมการศึกษาห์ต่อผู้ป่วย
คับที่สามารถนำไปสู่การยอมรับพฤติกรรมการดูแลตนเองและช่วยให้พวกเขาได้รับความสามารถของตนเองในการควบคุมโรคของตนเอง และช่วยกระบวนการบำบัดของพวกเขา
นับเป็นระบบการป้องกัน .

คับห์คำหลัก , แทรกแซง , ความดำเพิ่ม