In 1985, Kenneth Lay merged the nat

In 1985, Kenneth Lay merged the natural gas pipeline companies of Houston Natural Gas and InterNorth to form Enron.[6] In the early 1990s, he helped to initiate the selling of electricity at market prices and, soon after, the United States Congress approved legislation deregulating the sale of natural gas. The resulting markets made it possible for traders such as Enron to sell energy at higher prices, thereby significantly increasing its revenue.[7] After producers and local governments decried the resultant price volatility and asked for increased regulation, strong lobbying on the part of Enron and others prevented such regulation.[7][8]

As Enron became the largest seller of natural gas in North America by 1992, its trading of gas contracts earned $122 million (before interest and taxes), the second largest contributor to the company's net income. The November 1999 creation of the EnronOnline trading website allowed the company to better manage its contracts trading business.[9]

In an attempt to achieve further growth, Enron pursued a diversification strategy. The company owned and operated a variety of assets including gas pipelines, electricity plants, pulp and paper plants, water plants, and broadband services across the globe. The corporation also gained additional revenue by trading contracts for the same array of products and services with which it was involved.[10]

Enron's stock increased from the start of the 1990s until year-end 1998 by 311% percent, only modestly higher than the average rate of growth in the Standard & Poor 500 index.[11] However, the stock increased by 56% in 1999 and a further 87% in 2000, compared to a 20% increase and a 10% decrease for the index during the same years. By December 31, 2000, Enron's stock was priced at $83.13 and its market capitalization exceeded $60 billion, 70 times earnings and six times book value, an indication of the stock market's high expectations about its future prospects. In addition, Enron was rated the most innovative large company in America in Fortune's Most Admired Companies survey.[11]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในปี 1985, Kenneth เลย์ผสานบริษัทท่อก๊าซธรรมชาติก๊าซธรรมชาติฮุสตันและ InterNorth ฟอร์ม Enron[6] ในช่วงปี 1990 เขาช่วยเริ่มขายไฟฟ้า ในราคาตลาด และ เร็ว ๆ นี้ รัฐสภาสหรัฐอเมริกาอนุมัติกฎหมายการขายก๊าซธรรมชาติ deregulating การตลาดได้ทำสำหรับผู้ค้าเช่น Enron ขายพลังงานที่ราคาสูงขึ้น เพิ่มรายได้เป็นอย่างมากจึง[7] หลังจากที่ผู้ผลิตและรัฐบาลท้องถิ่น decried ความผันผวนของราคาผลแก่ และขอเพิ่มข้อบังคับ การวิ่งเต้นแข็งแรงในส่วนของ Enron และอื่น ๆ ป้องกันข้อบังคับดังกล่าว[7][8]เป็น Enron เป็น ผู้ขายที่ใหญ่ที่สุดของก๊าซธรรมชาติในอเมริกาเหนือ โดย 1992 ซื้อขายของสัญญาก๊าซได้ 122 ล้านเหรียญ (ก่อนดอกเบี้ยและภาษี), ผู้บริจาคกำไรสุทธิของบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับสอง สร้าง 1999 พฤศจิกายน EnronOnline ค้าเว็บไซต์อนุญาตให้บริษัทเพื่อจัดการสัญญาของธุรกิจการค้า[9]ในความพยายามที่จะบรรลุการเติบโตเพิ่มเติม Enron ติดตามกลยุทธ์วิสาหกิจ บริษัทเป็นเจ้าของ และดำเนินการต่าง ๆ ของสินทรัพย์รวมทั้งท่อส่งแก๊ส โรงไฟฟ้า เยื่อ และกระดาษพืช พืชน้ำ และบริการบรอดแบนด์ทั่วโลก บริษัทยังได้รับรายได้เพิ่มเติม โดยการซื้อขายสัญญาในหลากหลายผลิตภัณฑ์และบริการที่มีการเกี่ยวข้องกัน[10]หุ้นของ Enron ที่เพิ่มขึ้นจากจุดเริ่มต้นของปี 1990 จนถึงสิ้นปี 1998 311% เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นทั้งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของการเจริญเติบโตในดัชนีมาตรฐานและ 500 ดี[11] อย่างไรก็ตาม หุ้นเพิ่มขึ้น 56% ในปี 1999 และ 87% เพิ่มเติมในปี 2000 การเปรียบเทียบกับการเพิ่มขึ้น 20% และ 10% ลดดัชนีในช่วงปีเดียวกัน โดย 31 ธันวาคม 2000 หุ้นของ Enron มีราคาที่ $83.13 และมูลค่าของตลาดรวมเกิน $60 พันล้าน รายได้ 70 ครั้ง และ 6 ครั้ง มูลค่า การบ่งชี้ความคาดหวังที่สูงของตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคตของ นอกจากนี้ Enron ได้อันดับบริษัทขนาดใหญ่สุดในอเมริกาจากการสำรวจของฟอร์จูน บริษัทชื่นชมมากที่สุด[11]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 1985 เคนเน ธ เลย์รวม บริษัท ท่อส่งก๊าซธรรมชาติของฮูสตันก๊าซธรรมชาติและ InterNorth ในรูปแบบ Enron. [6] ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เขาช่วยในการเริ่มต้นการขายไฟฟ้าในราคาที่ตลาดและไม่นานหลังจากที่รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาได้รับการอนุมัติ กฎหมาย deregulating การขายก๊าซธรรมชาติ ตลาดส่งผลทำให้มันเป็นไปได้สำหรับผู้ประกอบการค้าเช่น Enron จะขายพลังงานในราคาที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจะช่วยเพิ่มรายได้. [7] หลังจากที่ผู้ผลิตและรัฐบาลท้องถิ่นประณามความผันผวนของราคาและขอให้ผลการควบคุมที่เพิ่มขึ้นวิ่งเต้นที่แข็งแกร่งในส่วนของ Enron และอื่น ๆ ป้องกันไม่ให้เกิดการควบคุมดังกล่าว. [7] [8] ในฐานะที่เป็น Enron กลายเป็นผู้ขายที่ใหญ่ที่สุดของก๊าซธรรมชาติในทวีปอเมริกาเหนือโดยปี 1992 ซื้อขายของสัญญาก๊าซได้รับ $ 122,000,000 (ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี) ผู้สนับสนุนใหญ่เป็นอันดับสองในการสุทธิของ บริษัท ฯ เงินได้ พฤศจิกายน 1999 การสร้างเว็บไซต์ซื้อขาย EnronOnline อนุญาตให้ บริษัท ที่ดีในการจัดการสัญญาธุรกิจการค้าของตน. [9] ในความพยายามที่จะบรรลุการเจริญเติบโต, Enron ดำเนินกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง บริษัท ที่เป็นเจ้าของและดำเนินการความหลากหลายของสินทรัพย์รวมทั้งระบบท่อส่งก๊าซโรงไฟฟ้าและโรงงานเยื่อกระดาษ, พืชน้ำและบริการบรอดแบนด์ทั่วโลก บริษัท ยังได้รับรายได้เพิ่มเติมจากสัญญาซื้อขายอาร์เรย์เดียวกันของผลิตภัณฑ์และบริการด้วยความที่มันมีส่วนเกี่ยวข้อง. [10] หุ้น Enron เพิ่มขึ้นจากจุดเริ่มต้นของปี 1990 จนถึงสิ้นปี 1998 ร้อยละ 311% เพียงอย่างถ่อมตัวสูงกว่า อัตราเฉลี่ยของการเจริญเติบโตใน Standard & Poor 500 ดัชนี. [11] อย่างไรก็ดีราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 56% ในปี 1999 และอีก 87% ในปี 2000 เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้น 20% และลดลง 10% สำหรับดัชนีในช่วงเดียวกัน ปี วันที่ 31 ธันวาคม 2000 หุ้น Enron เป็นราคาที่ $ 83.13 และมูลค่าตลาดเกิน $ 60000000000, 70 ครั้งกำไรและหกครั้งมูลค่าตามบัญชีที่บ่งบอกถึงการลงทุนในตลาดหุ้นของความคาดหวังสูงเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคต นอกจากนี้ Enron ถูกจัดอันดับ บริษัท ขนาดใหญ่ที่ทันสมัยที่สุดในอเมริกาในการยกย่องมากที่สุดของการสำรวจ บริษัท ฟอร์จูน. [11]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในปี 1985 , เคนเนธ เลย์ รวมทั้งท่อส่งก๊าซธรรมชาติ บริษัท ก๊าซธรรมชาติในฮูสตันและ internorth ฟอร์มเอน [ 6 ] ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เขาได้เริ่มขายไฟฟ้าในราคาที่ตลาด และหลังจากนั้นไม่นาน รัฐสภาสหรัฐฯอนุมัติกฎหมาย deregulating ขายก๊าซธรรมชาติส่งผลให้ตลาดที่ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับผู้ค้าเช่น Enron เพื่อขายพลังงานในราคาที่สูงขึ้น จึงมีการเพิ่มรายได้ของ . [ 7 ] หลังจากที่ผู้ผลิตและรัฐบาลท้องถิ่น decried ความผันผวนของราคาดังกล่าว และขอเพิ่มการควบคุม , การล็อบบี้ที่แข็งแกร่งในส่วนของ Enron และผู้อื่นให้ระเบียบดังกล่าว . [ 7 ] [ 8 ]

เป็นผู้ขายที่ใหญ่ที่สุดของ Enron เป็นก๊าซธรรมชาติในทวีปอเมริกาเหนือโดย 1992 การซื้อขายของสัญญา ก๊าซได้รับ $ 122 ล้านบาท ( ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี ) , ผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดที่สองของ บริษัท เงินได้สุทธิ พฤศจิกายน 1999 การสร้างของ enrononline การซื้อขายเว็บไซต์อนุญาตให้ บริษัท จัดการของสัญญาการซื้อขายธุรกิจ [ 9 ]

ในความพยายามเพื่อให้บรรลุต่อการเจริญเติบโตรอนติดตามความหลากหลายของกลยุทธ์ บริษัท เป็นเจ้าของและดำเนินการความหลากหลายของสินทรัพย์รวมถึงท่อก๊าซ , โรงงานไฟฟ้า , กระดาษและเยื่อกระดาษ พืช พรรณไม้น้ำ และบริการบรอดแบนด์ทั่วโลก บริษัท ยังได้รับรายได้เพิ่มโดยการซื้อขายสัญญาเดียวกัน array ของผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง [ 10 ]

รอนของหุ้นเพิ่มขึ้นจากการเริ่มต้นของยุค 90 จนถึงสิ้นปี 1998 โดย 311 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ปรับตัวสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของการเติบโตในมาตรฐาน&ดี 500 ดัชนี [ 11 ] อย่างไรก็ตาม หุ้นเพิ่มขึ้นจาก 56% ในปี 1999 และอีก 87% ในปี 2000 เมื่อเทียบกับเพิ่มขึ้น 20% และ ลด 10 % สำหรับดัชนีในช่วงปีเดียวกัน โดยวันที่ 31 ธันวาคม 2000 ของ Enron สต็อก ราคาอยู่ที่ $ 83 .13 และมูลค่าตลาดเกิน $ 60 และ 70 ครั้งกำไรและมูลค่าหกครั้ง ข้อบ่งชี้ของตลาดหุ้นความคาดหวังสูงเกี่ยวกับอนาคตของ นอกจากนี้ นร อยู่ในนวัตกรรมมากที่สุด บริษัท ขนาดใหญ่ในอเมริกาในฟอร์จูนชื่นชมมากที่สุดของ บริษัท สำรวจ [ 11 ]