ln order to be useful, any criterio

ln order to be useful, any criterion measure also must be sensitive-that is, capable of discriminating
between effective and ineffective employees. Suppose, for example, that quantity of
goods produced is used as a criterion measure in a manufacturing operation. Such a criterion
frequently is used inappropriately when, because of machine pacing, everyone doing a given job
produces about the same number of goods. Under these circumstances, there is little justification
for using quantity of goods produced as a performance criterion, since the most effective workers
do not differ appreciably from the least effective workers. Perhaps the amount of scrap or the
number of errors made by workers would be a more sensitive indicator of real differences in job
performance. Thus, the use of a particular criterion measure is warranted only if it serves to
reveal discriminable differences in job performance.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สั่ง ln จะมีประโยชน์ วัดเกณฑ์ใด ๆ ยังต้องสำคัญ-นั่นคือ ความสามารถในการเหยียดพวกผิวระหว่างพนักงานมีประสิทธิภาพ และไม่มีประสิทธิภาพ สมมติว่า เช่น ปริมาณของสินค้าที่ผลิตจะใช้เป็นเกณฑ์การวัดในการดำเนินการผลิต เกณฑ์ดังกล่าวมักใช้สมเมื่อ เพราะเครื่อง pacing คนทำงานที่กำหนดผลิตเกี่ยวกับจำนวนสินค้าเดียวกัน ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ มีเหตุผลน้อยการใช้ปริมาณของสินค้าที่ผลิตเป็นเกณฑ์ประสิทธิภาพ ตั้งแต่ผู้ปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพสูงสุดไม่แตกต่าง appreciably จากผู้ปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพน้อย บางทีจำนวนของเสียหรือหมายเลขข้อผิดพลาดในการทำงานจะเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญยิ่งของความแตกต่างที่แท้จริงในงานประสิทธิภาพของ ดังนั้น ใช้วัดเกณฑ์เฉพาะเป็น warranted เท่านั้นถ้ามันรองรับการเปิดเผย discriminable ความแตกต่างในการปฏิบัติงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

LN เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ในวัดเกณฑ์ใด ๆ นอกจากนี้ยังจะต้องมีความละเอียดอ่อนที่เป็นความสามารถในการแบ่งแยก
ระหว่างพนักงานที่มีประสิทธิภาพและได้ผล สมมติว่าตัวอย่างเช่นปริมาณของ
สินค้าที่ผลิตจะใช้เป็นเกณฑ์วัดในการดำเนินงานการผลิต เกณฑ์ดังกล่าว
มักถูกนำมาใช้อย่างไม่เหมาะสมเมื่อเดินไปเดินมาเพราะเครื่องทุกคนทำผลงานได้รับการ
ผลิตเกี่ยวกับจำนวนเดียวกันของสินค้า ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้มีเหตุผลเล็ก ๆ น้อย ๆ
สำหรับการใช้ปริมาณของสินค้าที่ผลิตเป็นเกณฑ์ประสิทธิภาพเนื่องจากคนงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ไม่แตกต่างจากการประเมินอย่างน้อยคนงานที่มีประสิทธิภาพ บางทีปริมาณของเศษหรือ
จำนวนข้อผิดพลาดที่ทำโดยคนงานจะเป็นตัวบ่งชี้ความสำคัญมากขึ้นของความแตกต่างที่แท้จริงในงาน
ผลการดำเนินงาน ดังนั้นการใช้มาตรการเกณฑ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการรับประกัน แต่ถ้ามันทำหน้าที่ในการ
แสดงให้เห็นความแตกต่าง discriminable ในการปฏิบัติงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในคำสั่งเป็นประโยชน์ใด ๆ เกณฑ์วัดยังต้องไวนั่นคือสามารถจำแนก
ระหว่างที่มีประสิทธิภาพและไม่ได้ผล พนักงาน ตัวอย่างเช่นสมมติว่าปริมาณ
สินค้าที่ผลิตจะใช้เป็นเกณฑ์วัดในการผลิตงาน เช่นเกณฑ์
บ่อยใช้ไม่เหมาะสมพอ เพราะเดินเครื่อง ทุกคนทำงาน
ผลิตเกี่ยวกับจำนวนเดียวกันของสินค้า ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้มีความชอบธรรมน้อย
ใช้ปริมาณของสินค้าที่ผลิตเป็นเกณฑ์ประสิทธิภาพ เนื่องจาก
คนงานมีประสิทธิภาพมากที่สุดที่ได้ไม่แตกต่างจากแรงงานที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุด บางทีปริมาณของเศษหรือ
จำนวนข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยคนงานจะเป็นตัวบ่งชี้ความอ่อนไหวของความแตกต่างที่แท้จริงในการปฏิบัติงาน

ดังนั้น การใช้มาตรการเฉพาะเกณฑ์การรับประกันเท่านั้นถ้ามันให้

discriminable เปิดเผยความแตกต่างในการปฏิบัติงาน