Of the job satisfaction theories th

Of the job satisfaction theories that have been put forth, it appean that three have
garnered the most research support: Locke's value-percept theory, the job characteristics
model, and the dispositional approach. It is interesting to note that one
of these theories is, essentially, a situational theory (job characteristics model),
another is a person theory (dispositional approach), and another is a penonsituation
interactional theory (value-percept model). Although this outcome may
lead one to assume that these theories are competing or incompatible explanations
of job satisfaction, this is not necessarily the case. Judge et al. (1997), in
seeking to explain how core self-evaluations would be related to job satisfaction,
proposed that intrinsic job characteristics would mediate this relationship.
Indeed, Judge et al. (1998) showed that individuals with positive core selfevaluations
perceived more intrinsic value in their work, and Judge, Bono, and
Locke (2000) showed that the link between core self-evaluations and intrinsic
job characteristics was not solely a perceptual process-

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ของทฤษฎีความพึงพอใจงานที่วางไว้ มัน appean ที่สามมีรวบรวมมากที่สุดสนับสนุนงานวิจัย: ทฤษฎีของล็อคค่า percept ลักษณะงานแบบจำลอง และวิธีการโอนการครอบครอง เป็นที่น่าสนใจหนึ่งของทฤษฎีเหล่านี้เป็น หลัก ทฤษฎีสถานการณ์ (รุ่นลักษณะงาน),อีกทฤษฎีคน (วิธีการโอนการครอบครอง), และอื่น penonsituationทฤษฎี interactional (percept ค่านางแบบ) แม้ว่าผลลัพธ์นี้อาจนำหนึ่งสมมติว่า ทฤษฎีเหล่านี้กำลังแข่งขันหรือคำอธิบายที่เข้ากันไม่ได้ความพึงพอใจในงาน กรณีนี้ไม่จำเป็นต้องการ ตัดสิน et al. (1997), ในต้องอธิบายว่า หลัก self-evaluations จะสัมพันธ์กับความพึงพอใจในงานเสนอว่า ลักษณะงานที่แท้จริงจะเป็นสื่อกลางความสัมพันธ์นี้แน่นอน ผู้พิพากษา et al. (1998) พบว่าบุคคลที่ มีหลักบวก selfevaluationsรับรู้มูลค่าที่แท้จริงมากขึ้นในการทำงาน และผู้พิพากษา Bono และล็อค (2000) พบว่าการเชื่อมโยง ระหว่างหลัก self-evaluations และ intrinsicลักษณะงานคือไม่ เพียงการรับรู้กระบวนการ - <: แร่ self-evaluations ถูกที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จที่แท้จริงของงานซับซ้อน เนื่องจากความซับซ้อนของงาน synonymowมีลักษณะงานที่แท้จริง ผลนี้แสดงว่าส่วนหนึ่งของเหตุผลบุคคลที่ มี self-evaluations หลักบวกมองว่าท้าทายมากขึ้นงานและการรายงานระดับสูงของความพึงพอใจในงานคือ ว่า พวกเขาจะมีได้รับเพิ่มเติมซับซ้อน (และ thw ท้าทาย และภายในเพิ่มคุณค่า) งานนี้การทำงานของผู้พิพากษาและเพื่อนร่วมงาน thw โอนการครอบครองที่แสดงแนวทาง และรูปแบบลักษณะงานค่อนข้างเข้ากันได้กับอีกคนหนึ่ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีพึงพอใจในงานที่ได้รับการวางไว้ก็ appean ที่สามได้
รวบรวมการสนับสนุนการวิจัยมากที่สุด: ทฤษฎีมูลค่าสำเหนียกล็อคลักษณะงาน
รูปแบบและวิธีการ dispositional เป็นที่น่าสนใจที่จะทราบว่าหนึ่งใน
ทฤษฎีนี้เป็นหลักทฤษฎีสถานการณ์ (ลักษณะงานรูปแบบ)
อีกอย่างก็คือทฤษฎีคน (วิธี dispositional) และอื่น ๆ เป็น penonsituation
ทฤษฎีปฏิสัมพันธ์ (value สำเหนียก Model) ถึงแม้ว่าผลที่อาจ
นำไปสู่หนึ่งที่จะสรุปว่าทฤษฎีเหล่านี้มีการแข่งขันหรือคำอธิบายที่เข้ากันไม่ได้
พึงพอใจในงานนี้เป็นกรณีที่ไม่จำเป็น ผู้พิพากษา, et al (1997) ใน
การแสวงหาเพื่ออธิบายวิธีการหลักของการประเมินผลตนเองจะเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจในงาน
เสนอว่าลักษณะงานที่แท้จริงจะเป็นสื่อกลางในความสัมพันธ์นี้.
อันที่จริงผู้พิพากษา, et al (1998) แสดงให้เห็นว่าบุคคลที่มี selfevaluations หลักบวก
รับรู้มูลค่าที่แท้จริงมากขึ้นในการทำงานของพวกเขาและผู้พิพากษา Bono และ
ล็อค (2000) แสดงให้เห็นว่าการเชื่อมโยงระหว่างหลักตนเองการประเมินผลและที่แท้จริง
ลักษณะงานไม่ได้ แต่เพียงผู้เดียวกระบวนการรับรู้ <: การประเมินผลตนเองแร่ได้รับการ
ที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นจริงของงานที่ซับซ้อน เพราะความซับซ้อนของงานนี้ synonymow
กับลักษณะงานที่แท้จริงผลนี้แสดงให้เห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่
บุคคลที่มีบวกหลักตนเองการประเมินผลการรับรู้ที่ท้าทายมากขึ้น
งานและรายงานระดับที่สูงขึ้นของความพึงพอใจในการทำงานคือการที่พวกเขาเป็นจริงได้
รับความซับซ้อนมากขึ้น (และ THW ท้าทายและภายใน สมบูรณ์) งาน.
การทำงานของผู้พิพากษาและเพื่อนร่วมงาน THW แสดงให้เห็นว่าวิธีการ dispositional และ
รูปแบบลักษณะงานจะค่อนข้างเข้ากันได้กับอีกคนหนึ่ง