The Modern Welfare StateIn the dyin

The Modern Welfare State

In the dying days of World War 2 Britain voted for a new government, and the campaigning of the Labour government bought them into power (Beveridge wasn't elected.) As all the main parties were in favour of the reforms, as Labour had campaigned for them and promoted them as a just reward for the war effort, they commenced, and a series of acts and laws were passed. These included the National Insurance Act in 1945, creating compulsory contributions from employees and relief for unemployment, death, sickness and retirement; the Family Allowances Act providing payments for large families; the Industrial Injuries Act of 1946 providing a boost for people harmed at work; Aneurin Bevan's 1948 National Health Act, which created a universal, free for all social healthcare system; the 1948 National Assistance Act to help all in need. The 1944 Education act covered the teaching of children, more acts provided Council Housing, and reconstruction began to eat into unemployment. The vast network of volunteer welfare services merged into the new government system. As the acts of 1948 are seen as key, this year is often called the start of Britain's modern Welfare State.
Evolution

The Welfare State was not forced; in fact it was widely welcomed by a nation which had largely demanded it after the war. Once the Welfare State was created it continued to evolve over time, partly due to the changing economic circumstances in Britain, but partly due to the political ideology of the parties which moved in and out of power. The general consensus of the forties, fifties and sixties began to change in the late seventies, when Margaret Thatcher and the Conservatives began a series of reforms regarding the size of the government. They wanted less taxes, less spending, and so a change in welfare, but equally were faced with a welfare system that was starting to become unsustainable and top heavy. There were thus cuts and changes and private initiatives began to grow in importance, starting a debate over the role of the state in welfare which continued through to the election of the Tories under David Cameron in 2010, when a 'Big Society' with a return to a mixed welfare economy was touted.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รัฐสวัสดิการสมัยใหม่ในวันตายของสงครามโลกครั้งที่ 2 สหราชอาณาจักรที่ลงคะแนนสำหรับรัฐบาลใหม่ และการรณรงค์หาเสียงของรัฐบาลแรงงานซื้อพวกเขาเข้าสู่อำนาจ (เบเวอริดจ์ไม่ได้เลือก) ทั้งฝ่ายหลักที่สนับสนุนการปฏิรูป รณรงค์ให้แรงงาน และส่งเสริมให้เป็นรางวัลสำหรับความพยายามทำสงครามเพียง พวกเขาเริ่ม และถูกส่งผ่านชุดของการกระทำและกฎหมาย เหล่านี้รวมพระราชบัญญัติประกันสังคมในปี 1945 สร้างเงินสมทบภาคบังคับจากพนักงานและลดภาวะการว่างงาน ตาย การเจ็บป่วย และเกษียณ อายุ พระราชบัญญัติครอบครัวอนุญาตให้ชำระเงินสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ พระราชบัญญัติอุตสาหกรรมบาดเจ็บ 1946 ให้เพิ่มอันตรายในการทำงาน คน Aneurin Bevan 1948 ชาติทำ ซึ่งสร้างสากล ฟรีสำหรับระบบสุขภาพสังคมทั้งหมด พระราชบัญญัติแห่งชาติช่วยเหลือ 1948 เพื่อช่วยในการจำทั้งหมด พระราชบัญญัติการศึกษา 1944 ครอบคลุมการสอนเด็ก กระทำเพิ่มเติมให้สภาที่อยู่อาศัย และบูรณะเริ่มกินเป็นว่างงาน เครือข่ายใหญ่ของบริการสวัสดิการอาสาผสานเข้าไปในระบบรัฐบาลใหม่ จะเห็นการกระทำของ 1948 เป็นคีย์ ปีนี้มักเรียกว่าการเริ่มต้นของรัฐสวัสดิการสมัยใหม่ของสหราชอาณาจักรวิวัฒนาการรัฐสวัสดิการถูกบังคับ ในความเป็นจริงคือยินดีอย่างแพร่หลาย โดยประเทศที่มีส่วนใหญ่เรียกร้องมันหลังจากสงคราม เมื่อสร้างรัฐสวัสดิการ มันยังคงวิวัฒนาการในช่วงเวลา ส่วนหนึ่งเนื่อง จากสถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงในสหราชอาณาจักร แต่บางส่วนเนื่อง จากอุดมการณ์ทางการเมืองของบุคคลที่ย้ายเข้าและออกจากอำนาจ มติทั่วไปในเซี่ยงไฮ้ แบก และ sixties เริ่มการเปลี่ยนแปลงในด้านปลาย เมื่อมาร์กาเรตแทตเชอร์และพรรคอนุรักษ์นิยมเริ่มชุดปฏิรูปเกี่ยวกับขนาดของรัฐบาล พวกเขาต้องการหักภาษี หักค่าใช้จ่าย และการเปลี่ยนแปลงในสวัสดิการ แต่อย่างเท่าเทียมกัน ก็ต้องเผชิญกับระบบสวัสดิการที่กำลังเริ่มจะเป็น หนักไม่ยั่งยืน และสุด จึงมีตัด และการเปลี่ยนแปลงและริเริ่มส่วนตัวเริ่มเติบโตในความสำคัญ การเริ่มต้นการอภิปรายผ่านบทบาทของรัฐในสวัสดิการที่ยังคงผ่านการเลือกตั้งของ Tories ใต้เดวิดคาเมรอนใน 2010 เมื่อมีการโน้มน้าวที่ 'ใหญ่ 'สังคมกับผลตอบแทนที่เศรษฐกิจแบบสวัสดิการผสม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รัฐสวัสดิการโมเดิร์น

ในวันตายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ของสหราชอาณาจักรได้รับการโหวตให้รัฐบาลใหม่และการรณรงค์ของรัฐบาลที่ซื้อพวกเขาเข้าสู่อำนาจ (เวริไม่ได้รับการเลือกตั้ง.) ในฐานะที่ทุกฝ่ายเป็นหลักในความโปรดปรานของการปฏิรูป เป็นแรงงานได้รณรงค์สำหรับพวกเขาและส่งเสริมพวกเขาเป็นเพียงรางวัลสำหรับความพยายามทำสงครามที่พวกเขาเริ่มและชุดของการกระทำและกฎหมายผ่าน เหล่านี้รวมถึงพระราชบัญญัติประกันภัยแห่งชาติในปี 1945, การสร้างผลงานที่ได้รับคำสั่งจากพนักงานและบรรเทาปัญหาการว่างงาน, ความตาย, ความเจ็บป่วยและการเกษียณอายุ; เบี้ยเลี้ยงพระราชบัญญัติครอบครัวให้การชำระเงินสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่; ได้รับบาดเจ็บอุตสาหกรรมพระราชบัญญัติ 1946 เพิ่มให้สำหรับคนที่ได้รับอันตรายในที่ทำงาน; Aneurin Bevan 1948 พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติซึ่งสร้างสากลฟรีสำหรับระบบการดูแลสุขภาพทางสังคม 1948 แห่งชาติให้ความช่วยเหลือพระราชบัญญัติที่จะช่วยให้ทั้งหมดในความต้องการ ศึกษา 1944 พระราชบัญญัติครอบคลุมการเรียนการสอนของเด็กการกระทำอื่น ๆ ที่จัดไว้ให้สภาที่อยู่อาศัยและการฟื้นฟูบูรณะเริ่มที่จะกินเข้าไปว่างงาน เครือข่ายที่กว้างขวางของบริการสวัสดิการอาสาสมัครรวมเข้าไปในระบบรัฐบาลใหม่ ขณะที่การกระทำของปี 1948 จะเห็นเป็นสำคัญในปีนี้มักจะเรียกว่าจุดเริ่มต้นของรัฐสวัสดิการที่ทันสมัยของสหราชอาณาจักร.
วิวัฒนาการ

สวัสดิการรัฐไม่ได้บังคับ; ในความเป็นจริงมันได้รับการต้อนรับอย่างกว้างขวางโดยประเทศซึ่งส่วนใหญ่ได้เรียกร้องหลังจากสงคราม เมื่อรัฐสวัสดิการที่ถูกสร้างขึ้นมันจะยังคงที่จะพัฒนาขึ้นในช่วงเวลาส่วนหนึ่งเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงในสหราชอาณาจักร แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอุดมการณ์ทางการเมืองของทั้งสองฝ่ายซึ่งย้ายเข้าและออกจากอำนาจ มติทั่วไปของวัยสี่สิบห้าสิบหกสิบก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในยุคปลายเมื่อมาร์กาเร็ตแทตเชออนุรักษ์นิยมเริ่มชุดของการปฏิรูปเกี่ยวกับขนาดของรัฐบาล พวกเขาต้องการภาษีน้อยกว่าการใช้จ่ายน้อยลงและเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงในการจัดสวัสดิการ แต่อย่างเท่าเทียมกันถูกต้องเผชิญกับระบบสวัสดิการที่เริ่มเป็นที่ไม่ยั่งยืนและด้านบนหนัก นอกจากนั้นจึงตัดและการเปลี่ยนแปลงและความคิดริเริ่มส่วนตัวเริ่มที่จะเติบโตในความสำคัญเริ่มต้นการอภิปรายเรื่องบทบาทของรัฐในการจัดสวัสดิการที่เดินผ่านไปสู่การเลือกตั้งดังสนั่นภายใต้เดวิดคาเมรอนในปี 2010 เมื่อมี 'บิ๊กสมาคมกับผลตอบแทน ไปสู่เศรษฐกิจสวัสดิการผสมโน้มน้าว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รัฐสวัสดิการที่ทันสมัยในวันตายของสงครามโลกครั้งที่ 2 สหราชอาณาจักรเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ และการรณรงค์ของรัฐบาลที่ทำงานซื้อมาเป็นพลังงาน ( เบเวอริดจ์ไม่ได้เลือก ) เป็นกิจการหลักอยู่ในความโปรดปรานของการปฏิรูป ขณะที่แรงงานมีให้พวกเขาและสนับสนุนพวกเขาเป็นรางวัลสำหรับความพยายามทำสงคราม พวกเขา เริ่ม , และชุดของการกระทำและกฎหมายผ่าน ได้แก่ ประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับในปี 1945 , การสร้างผลงานจากพนักงาน และบรรเทาการเจ็บป่วย ความตาย เจ็บป่วย และเกษียณอายุ ; เบี้ยเลี้ยงครอบครัวทำให้เงินสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ การบาดเจ็บอุตสาหกรรมพระราชบัญญัติ 1946 ให้เพิ่มบุคคลอันตรายในการทำงาน ของ Aneurin Bevan พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2491 ซึ่งสร้างสากลฟรี สำหรับระบบการดูแลสุขภาพทั้งหมด สังคมแห่งชาติพระราชบัญญัติ 1948 ความช่วยเหลือเพื่อช่วยให้ทุกคนที่ต้องการ 1944 พระราชบัญญัติการศึกษา ครอบคลุมการสอนเด็กมากขึ้น ทำให้คณะกรรมการการเคหะและการเริ่มรับประทานในการว่างงาน เครือข่ายที่กว้างใหญ่ของสวัสดิการ อาสาสมัคร รวมไว้ในระบบการปกครองใหม่ เป็นพระราชบัญญัติ 2491 จะเห็นเป็นหลัก ในปีนี้มักจะเรียกว่าเริ่มต้นของรัฐสวัสดิการที่ทันสมัยของสหราชอาณาจักร .วิวัฒนาการสวัสดิการรัฐก็ไม่ได้บังคับ ในความเป็นจริงมันได้รับการต้อนรับอย่างกว้างขวาง โดยประเทศที่ส่วนใหญ่ต้องการมัน หลังจากสงคราม เมื่อสวัสดิการของรัฐถูกสร้างขึ้นมันยังคงมีวิวัฒนาการตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สถานการณ์ในอังกฤษ แต่ส่วนหนึ่งเนื่องจากอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคซึ่งย้ายเข้าและออกจากอำนาจ มติทั่วไปของอายุสี่สิบ ห้าสิบ และอายุหกสิบเศษเริ่มเปลี่ยนแปลงในตอนปลายยุค เมื่อมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ และอนุรักษ์นิยมเริ่มต้นชุดของการปฏิรูปเกี่ยวกับขนาดของรัฐบาล พวกเขาต้องการภาษีน้อยลง ใช้จ่ายน้อยลง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงในสวัสดิการ แต่ในทางกลับกันต้องเผชิญกับระบบสวัสดิการที่เริ่มจะไม่ยั่งยืนและด้านบนหนัก มีดังนั้นตัดและการเปลี่ยนแปลงและการริเริ่มส่วนตัวเริ่มเติบโตในความสำคัญ เริ่มต้นการอภิปรายเรื่องบทบาทของรัฐในการจัดสวัสดิการซึ่งยังคงผ่านการเลือกตั้งของดังสนั่นตามเดวิดคาเมรอนใน 2010 , เมื่อใหญ่ " สังคม " กับผลตอบแทนเศรษฐกิจสวัสดิการผสมโน้มน้าว .