พื้นที่ปลูกข้าวในนาชลประทานในเขตภาคเหนือตอนบนมีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 1,077,581 ไร่ พันธุ์ข้าวที่นิยมปลูกกัน ได้แก่ พิษณุโลก 2 ขาวดอกมะลิ 105 (KDML105) กข15 กข6 และสันป่าตอง 1 ซึ่งข้าวพิษณุโลก 2 เป็นข้าวนาชลประทานที่เกษตรกรในเขตภาคเหนือตอนบนนิยมปลูกกันมากที่สุด ข้าวพันธุ์พิษณุโลก 2 เป็นพันธุข้าวที่ปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมนาชลประทานในเขตภาคเหนือตอนบน ให้ผลผลิตสูง แต่เป็นข้าวเจ้าไม่หอม มีปริมาณแป้งอะไมโลสสูงประมาณ 28.6 % จึงทำให้ข้าวหุงสุก ร่วน แข็ง ไม่เป็นที่นิยมของผู้บริโภค ดังนั้นงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาข้าวพันธุ์พิษณุโลก 2 ให้มีความหอม และมีปริมาณแป้งอะไมโลสต่ำ โดยใช้ข้าวพิษณุโลก 2 เป็นพันธุ์แม่ และข้าวขาวดอกมะลิ 105 เป็นพันธุ์พ่อ จะทำการพัฒนาประชากรชากรโดยวิธีผสมกลับร่วมกับการใช่เครื่องหมายดีเอ็นเอช่วยในการคัดเลือก เครื่องหมายดีเอ็นเอที่ใช้ตรวจสอบจีโนไทป์มี 2 ตำแหน่งได้แก่ Aromakers และ Waxy จากการตรวจสอบจีโนไทป์ของประชากร BC2F1 จากคู่ผสม PSL-2 × KDML105 จำนวน 35 ต้น และ และคู่ผสม PSL-2 × Basmati จำนวน 58 ต้น พบว่า มีต้นที่แสดงจีโนไทป์เป็น heterozygous ทั้ง 2 ตำแหน่ง จำนวน 5 และ 3 ต้น ตามลำดับ ลักษณะต้นข้าวลูกผสมกลับชั่วที่ BC2F1 ที่ได้จากคู่ผสม PSL-2 × KDML105 มีลักษณะต้นเตี้ยกว่าขาวดอกมะลิ 105 ทรงต้นคล้ายกับพิษณุโลก 2 ส่วนลักษณะต้นข้าวลูกผสมกลับชั่วที่ BC2F1 ที่ได้จากคู่ผสม PSL-2 × Basmati จะมีลักษณะทรงต้นคล้ายกับพิษณุโลก 2 เช่นเดียวกัน เมื่อนำไปผสมกลับหา PSL-2 สามารถผลิตเมล็ดชั่วที่ BC3F1 ได้จำนวน 116 และ 59 เมล็ด ตามลำดับ จากกนั้นมาทำการตรวจจีโนไทป์ พบว่า ประชากรลูกผสมกลับชั่วที่ BC3F1 ที่ได้จากคู่ผสม PSL-2 × KDML105 จำนวน 116 ต้น และคู่ผสม PSL-2 × Basmati จำนวน 59 ต้น พบว่า มีต้นที่แสดงจีโนไทป์เป็น heterozygous ทั้ง 2 ตำแหน่ง จำนวน XXX และ XXX ต้น ตามลำดับ ลักษณะต้นข้าวลูกผสมกลับชั่วที่ BC3F1 ที่ได้จากคู่ผสม PSL-2 × KDML105 และ PSL-2 × Basmati มีลักษณะทรงต้นคล้ายกับข้าวพันธุ์พิษณุโลกค่อนข้างมาก จากนั้นก็จะไปพัฒนาเป็นประชากร BC4F1 ในฐานพันธุกรรมข้าวพิษณุโลก 2 ต่อไป