I think that Trust A and C could re

I think that Trust A and C could refer
to objects. For instance, people rely on their watches which
is a form of Trust A. If the watch allows them to arrive on
time to appointments, they could develop the epistemic
attitude that the watch is electronically or mechanically
sound, exemplifying Trust C. The watch, however, could not be
judged to be morally trustworthy, as in Trust B, because the
watch has no moral will. This dimension of trust is necessary
in the development of a normative understanding of trust.
Trust B is intertwined with Trust A and Trust C in actual
practice. When Dr X or Nurse X is trusted with the care of a
patient, he/she is required to use judgment when he/she is
using his/her knowledge and abilities. This judgment has a
moral dimension because the well-being of the patient should
be primary.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คิดว่า น่าเชื่อถือ A และ C สามารถอ้างอิงวัตถุ ตัวอย่าง คนใช้นาฬิกาของพวกเขาที่เป็นรูปแบบของความน่าเชื่อถือ ถ้านาฬิกาช่วยให้พวกเขาที่เวลาการนัดหมาย พวกเขาสามารถพัฒนาการ epistemicทัศนคติที่เป็นนาฬิกากลไก หรือทางอิเล็กทรอนิกส์เสียง exemplifying ค.ความน่าเชื่อถือ นาฬิกา อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถตัดสินให้ถือคุณธรรม ใน B เชื่อถือ เนื่องจากการดูได้จะไม่มีแรง ความน่าเชื่อถือขนาดนี้เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาความเข้าใจ normative ของความน่าเชื่อถือบริษัท B จะเจอกับความน่าเชื่อถือ A และ C ที่เชื่อถือในจริงปฏิบัติการ เมื่อดร. X หรือ X พยาบาลรับความเชื่อถือกับดูแลการผู้ป่วย เขาจะต้องใช้วิจารณญาณเมื่อจะใช้ความรู้และความสามารถเขา/เธอ คำพิพากษานี้ได้ศีลธรรมมิติเนื่องจากควรให้ความเป็นอยู่ของผู้ป่วยเป็นหลัก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผมคิดว่าเชื่อถือ A และ C สามารถใช้อ้างอิง
กับวัตถุ ยกตัวอย่างเช่นคนที่พึ่งพานาฬิกาของพวกเขาซึ่ง
เป็นรูปแบบของความน่าเชื่อถือ A. ถ้านาฬิกาช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จใน
เวลาที่จะนัดหมายพวกเขาสามารถพัฒนา epistemic
ทัศนคติว่านาฬิกาเป็นทางอิเล็กทรอนิกส์หรือทางกลไก
เสียงตัวอย่าง Trust C. นาฬิกา, แต่อาจจะไม่ได้รับการ
ตัดสินให้เป็นที่น่าเชื่อถือทางศีลธรรมในขณะที่เชื่อถือ B เพราะ
ดูจะไม่มีทางศีลธรรม มิติของความไว้วางใจนี้เป็นสิ่งจำเป็น
ในการพัฒนาความเข้าใจเชิงบรรทัดฐานของความไว้วางใจ.
Trust B เป็นพันด้วยความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือที่เกิดขึ้นจริงซีใน
การปฏิบัติ เมื่อดร X หรือ X พยาบาลเป็นที่เชื่อถือได้ด้วยการดูแลของ
ผู้ป่วยที่เขา / เธอจะต้องใช้ดุลยพินิจเมื่อเขา / เธอจะ
ใช้ / ความรู้และความสามารถของเขาและเธอ คำพิพากษานี้มี
มิติทางศีลธรรมเพราะความเป็นอยู่ของผู้ป่วยควร
จะเป็นหลัก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ฉันคิดว่าจะเชื่อใจและ C สามารถอ้างอิง
กับวัตถุ ตัวอย่าง คนพึ่งนาฬิกาซึ่ง
เป็นรูปแบบของเชื่อ . . ถ้าชมช่วยให้พวกเขามาถึงในเวลาที่นัดหมาย
, พวกเขาได้พัฒนาความสัมพันธ์
ทัศนคติว่าดูเป็นทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ เสียงกลไก
ชิเชื่อ C ดู แต่ไม่สามารถ
การตัดสินจะศีลธรรมเชื่อถือได้ ที่เชื่อเพราะ
Bดูไม่มีศีลธรรมจะ มิติของความไว้วางใจเป็นสิ่งจำเป็น
ในการพัฒนาความเข้าใจเชิงบรรทัดฐานของความไว้วางใจ .
ไว้ใจ B เป็นพันกับไว้ใจและเชื่อใจ C ในการปฏิบัติจริง

เมื่อ ดร. X หรือพยาบาล x ได้รับความไว้วางใจกับการดูแลของผู้ป่วย
, เขา / เธอจะต้องใช้วิจารณญาณเมื่อเขา / เธอ
ใช้ของเขา / เธอ ความรู้ และความสามารถ การตัดสินใจนี้มี
มิติทางศีลธรรม เพราะความเป็นอยู่ของผู้ป่วยควร

เป็นหลัก