6 DiscussionA number of studies hav

6 Discussion
A number of studies have indicated that training on drugs and alcohol in Brazilian undergraduate nursing education is
inadequate. The present study data support this observation. Most participants revealed that the class and training time
required to work in this area did not exceed three hours during the undergraduate program, less than the average time
devoted to drug and alcohol education in earlier studies, which ranged from four to six hours . As earlier research
involved samples of public college students , these results demonstrate that alcohol and other drugs have received even
less attention at private colleges. This fact is a source of concern when considering that most nursing schools in Brazil are
affiliated with private colleges.
The analysis of the percentages of participants who scored above the median on the three factors studied shows a slight
predominance of positive attitudes towards alcohol, alcoholism and alcohol addicts, indicating that participants are in
favor of drinking, agree that people should drink if they want to and consider drinking to be normal . These attitudes,
however, seem to be restricted to moderate alcohol use; according to the same students, some people drink and are able to
control their alcohol intake, whereas others are not, indicating that this attitude does not extend to people who are not able to control this behavior. Despite their positive attitudes towards moderate alcohol use, students do not consider alcohol use
to be risk free and are in doubt as to whether small alcohol doses can cause addiction. Despite the presence of
above-median scores for all factors, the percentage of students who scored below the median was significant, ranging
between 43% and 47%. This result is consistent with the notes of Howard and Chung , who concluded that, although
recent changes have enhanced nurses’ acceptance of misusers, a significant number of nurses still consider alcoholics are
immoral, have a weak character and a small probability of recovery. Whereas the percentage difference between the two
groups (positive versus negative attitudes) was small, the methods used in this study may not have been able to detect
possible differences between these groups or other variables that influenced attitudes. Hence, further studies of this kind
are needed to clarify these issues.
As researchers have highlighted in recent decades , the number of undergraduate lectures on drugs and alcohol
exerts a positive influence on students’ attitudes towards alcohol addicts. The results of this study indicated that students
with the largest number of lectures on alcohol and other drugs showed an OR value of 3.53, indicating that these students
have more positive attitudes towards alcohol addicts than those who reported having participated in fewer hours of lectures
on alcohol and drugs during their education.
The general linear model analysis showed no significant influence of gender and race on the participants’ mean scores in
the three factors. However, when analyzing the association between participants’ gender and attitudes through binary
logistic regression, a significant association was found between gender and positive attitudes. In addition, females were
more likely to have a positive attitude towards alcohol (OR=3.42) than male students. A positive influence of age on
students' responses was also found; younger students were more likely to have positive attitudes towards alcoholics
(OR=2.18). Research by Hagemaster et al. revealed similar results, showing that older participants were more prone to
negative and stereotypical views of alcoholics than younger nurses.
This study had many limitations, including the sample size and the fact that it was conducted in just two private nursing
schools in one region of Brazil, indicating that the results cannot be generalized. Future studies should consider including
other socio-demographic and behavioral variables. Most of the variables examined in this study were not significantly
associated with the students’ attitudes and thus, other factors, such as participants’ alcohol and drugs consumption should
be examined to determine whether these factors influence the study results. Despite these limitations, this study presents
advances in Brazilian and international nursing and significantly contributes to the Brazilian literature. The results of this
study are particularly useful in view of the lack of research on nursing and nursing students’ attitudes towards alcohol and
drugs use in Brazil and Latin America. Moreover, this research examines attitudes in regions and institutions that have not
been studied yet. Thus, it contributes to knowledge in this area by providing data that can support future research on
nursing teaching and care with regard to substance misuse.
The first Brazilian conference for mental health nurses and addiction specialists on drugs and alcohol, which was held in
2000 at the University of São Paulo, hosted countless discussions and resulted in many recommendations. Although
integrating and including substance misuse content was considered a priority in nursing curricula at that time [18], little has
been achieved in Brazil in this respect. Ten years after these recommendations, schools have incorporated few of the
recommendations, and those that did were primarily public schools. Hence, one could say that private schools continue
paying little or no attention to substance misuse in nursing education. Brazilian addiction specialists need to pressure
authorities to incorporate expert recommendations into nurse education laws, as the recommendations are currently not
obligatory in course curricula and hence, remain secondary priorities at most training institutions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สนทนา 6จำนวนศึกษาได้ระบุว่า อบรมยาเสพติดและแอลกอฮอล์ในการศึกษาระดับปริญญาตรีพยาบาลบราซิลเป็นไม่เพียงพอ การนำเสนอข้อมูลสนับสนุนการสังเกตนี้ ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เปิดเผยที่เวลาเรียนและฝึกอบรมต้องการทำงานในพื้นที่นี้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงระหว่างปริญญา น้อยกว่าเวลาเฉลี่ยทุ่มเทกับการศึกษาเรื่องยาเสพติดและแอลกอฮอล์ในการศึกษาก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ในช่วงจากสี่ถึงหกชั่วโมง เป็นงานวิจัยก่อนหน้านี้ตัวอย่างที่เกี่ยวข้องของนักเรียนวิทยาลัยสาธารณะ ผลลัพธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า แอลกอฮอล์และยาอื่น ๆ ได้รับแม้กระทั่งความสนใจน้อยในวิทยาลัยเอกชน ความจริงเป็นแหล่งที่มาของความกังวลเมื่อพิจารณาโรงเรียนพยาบาลส่วนใหญ่ในประเทศบราซิลใช้สังกัดวิทยาลัยเอกชนการวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์ของผู้เรียนที่ทำคะแนนสูงกว่าค่ามัธยฐานในปัจจัยสามประการที่ศึกษา แสดงเล็กน้อยเด่นของทัศนคติบวกแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์และโรคพิษสุราเรื้อรังติดยาเสพติด บ่งชี้ว่า ผู้เรียนอยู่ในชอบเครื่องดื่ม ยอมรับว่า คนควรดื่มถ้าพวกเขาต้องการ และพิจารณาดื่มเป็นปกติ ทัศนคติเหล่านี้อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะถูกจำกัดให้บรรเทาสุรา ตามนักเรียนที่เดียวกัน บางคนดื่ม และสามารถควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในขณะที่ไม่มี บ่งชี้ว่า ขยายทัศนคตินี้กับคนที่ไม่สามารถควบคุมการทำงานนี้ไม่ แม้ มีการบวกทัศนคติปานกลางสุรา นักเรียนได้พิจารณาใช้แอลกอฮอล์เป็น ความเสี่ยงฟรี และมีข้อสงสัยเกี่ยวกับว่าปริมาณแอลกอฮอล์ขนาดเล็กอาจทำให้ติดยาเสพติด แม้ มีของมีเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนที่คะแนนต่ำกว่าค่ามัธยฐานคะแนนสูงกว่าค่ามัธยฐานสำหรับปัจจัยทั้งหมด สำคัญ ตั้งแต่ระหว่าง 43% และ 47% ผลลัพธ์นี้จะสอดคล้องกับบันทึกย่อของ Howard และ Chung ที่สรุปว่า แม้ว่าเปลี่ยนแปลงล่าสุดได้ปรับปรุงยอมรับพยาบาล misusers จำนวนพยาบาลสำคัญยังคงพิจารณาอยู่ alcoholicsimmoral อักขระที่อ่อนแอและความน่าเป็นขนาดเล็กของกู้คืน ในขณะที่เปอร์เซ็นต์ความแตกต่างระหว่างทั้งสองกลุ่ม (บวกกับทัศนคติเชิงลบ) เล็ก วิธีการที่ใช้ในการศึกษานี้อาจไม่สามารถตรวจพบได้ให้ความแตกต่างระหว่างกลุ่มหรือตัวแปรอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติ ดังนั้น เพิ่มเติมการศึกษาชนิดนี้มีความจำเป็นต้องชี้แจงปัญหาเหล่านี้เป็นนักวิจัยได้เน้นในทศวรรษล่าสุด บรรยายระดับปริญญาตรีจำนวนยาเสพติดและแอลกอฮอล์exerts อิทธิพลทัศนคตินักเรียนติดยาเสพติดแอลกอฮอล์ ผลการศึกษานี้บ่งชี้ที่นักเรียนมีจำนวนบรรยายแอลกอฮอล์และยาอื่น ๆ พบว่าค่า OR ของ 3.53 ระบุที่นักเรียนยิ่งบวกทัศนคติติดยาเสพติดแอลกอฮอล์มากกว่าผู้ที่รายงานการมีส่วนร่วมในชั่วโมงบรรยายน้อยลงได้แอลกอฮอล์และยาเสพติดในระหว่างการศึกษา การวิเคราะห์โมเดลเชิงเส้นทั่วไปพบว่าไม่มีอิทธิพลที่สำคัญของเพศและการแข่งขันในคะแนนเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมในปัจจัยสาม อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเพศและทัศนคติผ่านฐานสองคนถดถอยโลจิสติก ความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญพบระหว่างเพศและทัศนคติบวก นอกจากนี้ ฉันได้แนวโน้มที่จะมีทัศนคติบวกต่อแอลกอฮอล์ (หรือ = 3.42) มากกว่านักเรียนชาย อิทธิพลของอายุในนอกจากนี้ยังพบคำตอบของนักเรียน นักเรียนอายุน้อยกว่ามีแนวโน้มที่จะมีทัศนคติบวก alcoholics(หรือ = 2.18) วิจัยโดย Hagemaster et al. เปิดเผยผลลัพธ์คล้ายกัน แสดงว่า คนรุ่นเก่ามีแนวโน้มที่จะมุมมองลบ และ stereotypical ของ alcoholics กว่าพยาบาลอายุ การศึกษานี้มีข้อจำกัดมากมาย รวมถึงขนาดตัวอย่างและความจริงที่ว่า มันถูกดำเนินการในพยาบาลส่วนตัวเพียงสองโรงเรียนในภูมิภาคหนึ่งของประเทศบราซิล บ่งชี้ว่า ผลลัพธ์ไม่ได้ตั้งค่าทั่วไป การศึกษาในอนาคตควรพิจารณารวมทั้งแบบสังคมประชากร และพฤติกรรมการ ที่สุดของตัวแปรในการศึกษานี้ไม่มากเกี่ยวข้องกับทัศนคติของนักเรียน และทำ ปัจจัยอื่น ๆ เช่นการใช้แอลกอฮอล์และยาเสพติดของผู้เข้าร่วมควรสามารถตรวจสอบเพื่อพิจารณาว่า ปัจจัยเหล่านี้มีอิทธิพลต่อผลการศึกษา แม้ มีข้อจำกัดเหล่านี้ การศึกษานี้นำเสนอความก้าวหน้าของพยาบาลบราซิล และประเทศ และสนับสนุนวรรณคดีบราซิลอย่างมีนัยสำคัญ ผลลัพธ์นี้การศึกษาจะมีประโยชน์มุมมองการขาดวิจัยพยาบาล และพยาบาลนักเรียนทัศนคติแอลกอฮอล์ และใช้ยาเสพติดในบราซิลและสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ งานวิจัยนี้ตรวจสอบทัศนคติในภูมิภาคและสถาบันที่ไม่มีการศึกษายัง ดังนั้น รวมความรู้ด้านนี้ โดยการให้ข้อมูลที่สามารถสนับสนุนงานวิจัยในอนาคตในพยาบาลสอนและดูแลเกี่ยวกับสารผิดการประชุมที่บราซิลครั้งแรกสำหรับการพยาบาลสุขภาพจิตและผู้เชี่ยวชาญการติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ซึ่งจัดขึ้นใน2000 ที่มหาวิทยาลัยของเซาเปาลู โฮสต์สนทนานับไม่ถ้วน และให้คำแนะนำมากมาย ถึงแม้ว่ารวม และรวมเนื้อหาของสารผิดถูกถือว่ามีความสำคัญในหลักสูตรพยาบาลศาสตร์ในขณะนั้น [18] น้อยมีได้รับความในบราซิลได้ในนี้ สิบปีหลังจากคำแนะนำเหล่านี้ โรงเรียนได้รวมไม่กี่คำแนะนำ และผู้ที่ไม่มีโรงเรียนเป็นหลัก ดังนั้น หนึ่งอาจพูดว่า โรงเรียนเอกชนต่อไปจ่ายความสนใจน้อย หรือไม่มีการนำสารในพยาบาลศึกษา ผู้เชี่ยวชาญติดบราซิลต้องดันหน่วยงานเพื่อรวมคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญในกฎหมายการศึกษาพยาบาล เป็นคำแนะนำอยู่ไม่บังคับในหลักสูตรหลักสูตร และสถาบันการฝึกอบรมมากที่สุด สำคัญรองที่ยังคงอยู่ดังนั้น การ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

6 คำอธิบาย
จากการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าการฝึกอบรมเกี่ยวกับยาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการศึกษาพยาบาลระดับปริญญาตรีบราซิล
ไม่เพียงพอ ข้อมูลการศึกษาในปัจจุบันสนับสนุนการสังเกตนี้ ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่พบว่าการเรียนและเวลาการฝึกอบรม
ที่จำเป็นในการทำงานในพื้นที่นี้ไม่เกินสามชั่วโมงในช่วงโปรแกรมระดับปริญญาตรีน้อยกว่าเวลาเฉลี่ยที่
ทุ่มเทให้กับการศึกษายาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการศึกษาก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ในช่วง 4-6 ชั่วโมง เป็นงานวิจัยก่อนหน้านี้
ที่เกี่ยวข้องกับตัวอย่างของนักศึกษาประชาชนผลลัพธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติดอื่น ๆ ที่ได้รับแม้กระทั่ง
ความสนใจน้อยกว่าที่วิทยาลัยเอกชน ความจริงเรื่องนี้เป็นที่มาของความกังวลเมื่อพิจารณาว่าส่วนใหญ่โรงเรียนพยาบาลในบราซิลจะ
มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิทยาลัยเอกชน.
วิเคราะห์ร้อยละของผู้เข้าร่วมที่ได้คะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยในสามปัจจัยที่ศึกษาแสดงให้เห็นเล็กน้อย
เด่นของทัศนคติที่ดีต่อการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โรคพิษสุราเรื้อรังและ ติดยาเสพติดแอลกอฮอล์แสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมอยู่ใน
ความโปรดปรานของการดื่มยอมรับว่าทุกคนควรจะดื่มถ้าพวกเขาต้องการและพิจารณาดื่มจะเป็นปกติ ทัศนคติเหล่านี้
แต่ดูเหมือนจะถูก จำกัด ให้ใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับปานกลาง; ตามที่นักเรียนเดียวกันบางคนดื่มและสามารถที่จะ
ควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของพวกเขาในขณะที่คนอื่น ๆ ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าทัศนคตินี้ไม่รวมถึงคนที่ไม่สามารถที่จะควบคุมพฤติกรรมนี้ แม้จะมีทัศนคติที่ดีต่อการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับปานกลาง, นักเรียนไม่พิจารณาการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
จะเป็นความเสี่ยงฟรีและมีข้อสงสัยว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณขนาดเล็กที่สามารถทำให้เกิดการติดยาเสพติด แม้จะมีการปรากฏตัวของ
คะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของปัจจัยทั้งหมดร้อยละของนักเรียนที่ได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่
ระหว่าง 43% และ 47% ผลที่ได้นี้มีความสอดคล้องกับบันทึกของฮาวเวิร์ดและจุงซึ่งได้ข้อสรุปว่าแม้ว่า
การเปลี่ยนแปลงล่าสุดมีการปรับปรุงการยอมรับพยาบาลของ misusers เป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญของพยาบาลยังคงพิจารณาติดสุรามี
ศีลธรรมมีลักษณะอ่อนแอและความน่าจะเป็นขนาดเล็กของการกู้คืน ในขณะที่เปอร์เซ็นต์ความแตกต่างระหว่างทั้งสอง
กลุ่ม (บวกกับทัศนคติเชิงลบ) มีขนาดเล็กวิธีการที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้อาจจะไม่ได้รับสามารถที่จะตรวจสอบ
ความแตกต่างที่เป็นไปได้ระหว่างกลุ่มเหล่านี้หรือตัวแปรอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติ ดังนั้นการศึกษาเพิ่มเติมของชนิดนี้
มีความจำเป็นที่จะชี้แจงปัญหาเหล่านี้.
ในฐานะที่เป็นนักวิจัยได้เน้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจำนวนของการบรรยายในระดับปริญญาตรีกับยาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ออกแรงอิทธิพลเชิงบวกเกี่ยวกับทัศนคติของนักเรียนที่มีต่อการติดยาเสพติดแอลกอฮอล์ ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่านักเรียน
ที่มีจำนวนมากที่สุดของการบรรยายเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติดอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าค่าหรือ 3.53 แสดงให้เห็นว่านักเรียนเหล่านี้
มีทัศนคติที่เป็นบวกมากขึ้นต่อการติดยาเสพติดแอลกอฮอล์กว่าผู้ที่รายงานการมีส่วนร่วมในเวลาที่น้อยลงของการบรรยาย
เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาเสพติดในระหว่างการศึกษาของพวกเขา.
การวิเคราะห์แบบจำลองเชิงเส้นทั่วไปแสดงให้เห็นอิทธิพลของเพศและการแข่งขันในการเข้าร่วมค่าเฉลี่ยใน
สามปัจจัย อย่างไรก็ตามเมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเพศผู้เข้าร่วมและทัศนคติที่ผ่านไบนารี
การถดถอยโลจิสติก, การเชื่อมโยงอย่างมีนัยสำคัญระหว่างเพศและทัศนคติที่ดี นอกจากนี้ผู้หญิงมี
แนวโน้มที่จะมีทัศนคติที่ดีต่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (OR = 3.42) สูงกว่านักเรียนชาย อิทธิพลเชิงบวกของอายุใน
การตอบสนองของนักเรียนก็พบ; เด็กนักเรียนมีแนวโน้มที่จะมีทัศนคติที่ดีต่อการติดสุรา
(OR = 2.18) การวิจัยโดย Hagemaster และคณะ เปิดเผยผลที่คล้ายกันแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมที่มีอายุมากกว่ามีแนวโน้มที่จะ
ลบความคิดเห็นและโปรเฟสเซอร์สุรากว่าพยาบาลที่มีอายุน้อยกว่า.
การศึกษาครั้งนี้มีข้อ จำกัด จำนวนมากรวมทั้งขนาดของกลุ่มตัวอย่างและความจริงที่ว่ามันจะถูกดำเนินการในเวลาเพียงสองพยาบาลเอกชน
โรงเรียนในภูมิภาคหนึ่งของบราซิล แสดงให้เห็นว่าผลที่ได้ไม่สามารถทั่วไป การศึกษาในอนาคตควรพิจารณารวมถึง
ตัวแปรทางสังคมและประชากรและพฤติกรรมอื่น ๆ ส่วนใหญ่ของตัวแปรที่ตรวจสอบในการศึกษาครั้งนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญ
ที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนทัศนคติและทำให้ปัจจัยอื่น ๆ เช่นการเข้าร่วมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติดควร
มีการตรวจสอบเพื่อตรวจสอบว่าปัจจัยเหล่านี้มีอิทธิพลต่อผลการศึกษา แม้จะมีข้อ จำกัด เหล่านี้การศึกษานี้ได้นำเสนอ
ความก้าวหน้าในการพยาบาลบราซิลและต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญและก่อให้เกิดวรรณคดีบราซิล ผลของการนี้
การศึกษาเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในมุมมองของการขาดการวิจัยเกี่ยวกับทัศนคติของนักศึกษาพยาบาลและการพยาบาลที่มีต่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และ
ยาเสพติดใช้ในบราซิลและละตินอเมริกา นอกจากนี้งานวิจัยนี้ตรวจสอบทัศนคติในภูมิภาคและสถาบันการศึกษาที่ไม่ได้
รับการศึกษายัง ดังนั้นจึงก่อให้เกิดความรู้ในพื้นที่นี้โดยการให้ข้อมูลที่สามารถสนับสนุนการวิจัยในอนาคตเกี่ยวกับ
การเรียนการสอนการพยาบาลและการดูแลในเรื่องเกี่ยวกับการใช้ผิดประเภทสาร.
การประชุมครั้งแรกของบราซิลสำหรับพยาบาลสุขภาพจิตและผู้เชี่ยวชาญด้านการติดยาเสพติดยาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งจัดขึ้นใน
ปี 2000 ที่ มหาวิทยาลัยเซาเปาโลเป็นเจ้าภาพการอภิปรายนับไม่ถ้วนและส่งผลให้คำแนะนำหลาย ๆ แม้ว่า
การบูรณาการและรวมถึงเนื้อหาในทางที่ผิดสารได้รับการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญในหลักสูตรการพยาบาลในเวลานั้น [18] เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้
รับการประสบความสำเร็จในประเทศบราซิลในแง่นี้ สิบปีหลังจากที่คำแนะนำเหล่านี้โรงเรียนได้รวมไม่กี่
คำแนะนำและผู้ที่ไม่ได้เป็นโรงเรียนของรัฐเป็นหลัก ดังนั้นหนึ่งอาจกล่าวได้ว่าโรงเรียนเอกชนยังคง
ให้ความสนใจน้อยหรือไม่มีทางที่ผิดสารในการศึกษาพยาบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านการติดยาเสพติดบราซิลต้องดัน
หน่วยงานที่จะรวมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเข้าไปในกฎหมายการศึกษาพยาบาลเป็นข้อเสนอแนะที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่ได้
บังคับในหลักสูตรการเรียนการสอนและด้วยเหตุนี้ยังคงจัดลำดับความสำคัญรองที่มากที่สุดสถาบันฝึกอบรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

6 สนทนา
จํานวนของการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าการยาเสพติดและแอลกอฮอล์ในบราซิลพยาบาลระดับปริญญาตรีการศึกษา
ไม่เพียงพอ ข้อมูลการศึกษาสนับสนุนข้อสังเกตนี้ ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่พบว่าชั้นเรียนและเวลาการฝึกอบรม
ต้องทำงานในพื้นที่นี้ ไม่เกิน 3 ชั่วโมง ระหว่างโปรแกรมการศึกษาน้อยกว่า
เวลาเฉลี่ยอุทิศให้กับยาเสพติดและแอลกอฮอล์ในการศึกษาการศึกษาก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ระหว่างสี่ถึงหกชั่วโมง การวิจัยก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวข้องกับนักศึกษาวิทยาลัยสาธารณะ
ตัวอย่าง ผลลัพธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติดอื่น ๆได้รับความสนใจน้อยแม้
วิทยาลัยเอกชน ความจริงนี้เป็นแหล่งที่มาของความกังวล เมื่อพิจารณาว่าส่วนใหญ่พยาบาลโรงเรียนในบราซิลที่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยเอกชน

.การวิเคราะห์อัตราร้อยละของผู้ได้คะแนนสูงกว่าค่ามัธยฐานใน 3 ปัจจัยที่ศึกษา โชว์ฟอร์มเด่นเล็กน้อย
ของเจตคติต่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ติดยาเสพติด ระบุว่า ผู้ที่อยู่ในความโปรดปรานของการดื่ม
เห็นด้วยว่าควรดื่มหากพวกเขาต้องการและดื่มเป็นปกติ เหล่านี้ทัศนคติ
อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะ จำกัด การใช้แอลกอฮอล์ในระดับปานกลาง นักศึกษาเหมือนกัน บางคนดื่ม และสามารถควบคุมการบริโภคแอลกอฮอล์

ของพวกเขาในขณะที่คนอื่นไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าทัศนคตินี้ไม่ขยายไปถึงคนยังไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมนี้ แม้ของพวกเขาบวก ทัศนคติต่อการใช้แอลกอฮอล์ปานกลาง นักเรียนไม่ควร
ใช้แอลกอฮอล์มีความเสี่ยงฟรีและมีข้อสงสัยเป็นไปได้ว่าปริมาณแอลกอฮอล์น้อย จะทำให้ติด แม้จะมีการแสดงตนของ
ข้างบนคะแนนมัธยฐานสำหรับปัจจัยทั้งหมด , ร้อยละของนักเรียนที่ได้คะแนนต่ำกว่าค่ามัธยฐานอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่
ระหว่าง 43% และ 47 เปอร์เซ็นต์ ผลที่ได้นี้สอดคล้องกับบันทึกของโฮเวิร์ด ชุง ที่สรุปได้ว่า แม้ว่า
การเปลี่ยนแปลงล่าสุดได้เพิ่มการยอมรับของ misusers พยาบาล , พยาบาลพิจารณาเป็นจำนวนมาก ยังเป็นโต้โผ
ผิดศีลธรรม มีลักษณะอ่อนและความน่าจะเป็นขนาดเล็กของการกู้คืน ในขณะที่ร้อยละความแตกต่างระหว่าง 2
( บวกกับทัศนคติเชิงลบ ) กลุ่มเล็ก วิธีการที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ อาจไม่ได้รับสามารถที่จะตรวจสอบ
เป็นไปได้ความแตกต่างระหว่างกลุ่มเหล่านี้ หรือตัวแปรอื่น ๆที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติ ดังนั้น การศึกษาประเภทนี้จะต้องชี้แจงประเด็นนี้
.
เป็นนักวิจัยได้เน้นในทศวรรษที่ผ่านมาจำนวนของนักศึกษาระดับปริญญาตรี บรรยายเรื่องยาเสพติดและแอลกอฮอล์
exerts มีอิทธิพลในเชิงบวกต่อทัศนคติของนักศึกษาที่มีต่อแอลกอฮอล์ติดยาเสพติด . ผลการศึกษาพบว่า นักศึกษา
กับตัวเลขที่ใหญ่ที่สุดของการบรรยายเกี่ยวกับแอลกอฮอล์และยาเสพติดอื่น ๆแสดงหรือมูลค่า 3.53 แสดงว่านักเรียนมีเจตคติทางบวกต่อ
เหล่านี้ติดยาเสพติดแอลกอฮอล์มากกว่าผู้ที่รายงานว่า มี เข้าร่วม มีชั่วโมงบรรยาย
ดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติดในระหว่างการศึกษาของพวกเขา
การวิเคราะห์แบบเชิงเส้นทั่วไป พบว่าไม่พบอิทธิพลของเพศและการแข่งขันกับผู้เข้าร่วม ' หมายถึงคะแนน
3 ปัจจัย อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเพศและทัศนคติของผู้เข้าร่วมด้วยการถดถอยโลจิสติกทวิภาค
, ความสัมพันธ์ที่พบระหว่างเพศ และทัศนคติที่เป็นบวก นอกจากนี้ เพศเมีย
มีแนวโน้มที่จะมีเจตคติที่ดีต่อแอลกอฮอล์ ( OR = 3.42 ) มากกว่านักเรียนชาย บวกกับอิทธิพลของอายุ
นักเรียนตอบสนองพบ ; น้องนักเรียนมีแนวโน้มที่จะมีเจตคติที่ดีต่อผู้ติดสุรา
( OR = 2.18 ) การวิจัยโดย hagemaster et al . พบผลลัพธ์ที่คล้ายกัน แสดงว่า คนรุ่นเก่าก็ยิ่งเสี่ยง
ลบและแสดงมุมมองของ Alcoholics กว่าน้องพยาบาล
มีการศึกษาข้อจำกัดมากมาย รวมถึงขนาดตัวอย่างและข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นเพียงสองส่วนการพยาบาล
โรงเรียนในภูมิภาคหนึ่งของบราซิล ระบุว่า ผลไม่ทั่วไป . การศึกษาในอนาคตควรพิจารณาด้านประชากรศาสตร์และพฤติกรรมอื่น ๆรวมทั้ง
และตัวแปรที่สุดของตัวแปรที่ศึกษา ในการศึกษาครั้งนี้ไม่พบ
มีความสัมพันธ์กับทัศนคติของนักศึกษา ดังนั้น ปัจจัยอื่น ๆเช่น ผู้เข้ารับการอบรมมีแอลกอฮอล์และสารเสพติด การบริโภคควร
ถูกตรวจสอบเพื่อตรวจสอบว่า ปัจจัยเหล่านี้มีอิทธิพลต่อผลการศึกษา . แม้จะมีข้อ จำกัด เหล่านี้ งานวิจัยนี้เสนอ
ความก้าวหน้าในบราซิลและการพยาบาลนานาชาติ และอย่างมากมีส่วนช่วยในวรรณคดีบราซิล ผลการศึกษา
มีประโยชน์อย่างยิ่งในมุมมองของการขาดการวิจัย ทัศนคติของนักศึกษาพยาบาล และพยาบาลต่อแอลกอฮอล์
ใช้ยาในบราซิล และละตินอเมริกา นอกจากนี้ งานวิจัยนี้ได้ศึกษาทัศนคติในภูมิภาคและสถาบันที่มิได้
ศึกษาเลยดังนั้น จึงก่อให้เกิดความรู้ในพื้นที่นี้โดยการให้ข้อมูลที่สามารถสนับสนุนการสอนการพยาบาลและการดูแลบน
เกี่ยวกับการใช้สาร
ครั้งแรกบราซิลการประชุมสุขภาพจิตพยาบาลและผู้เชี่ยวชาญในการติด ยาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจัดขึ้นใน
2000 ที่มหาวิทยาลัยเซาเปาลู จัดอภิปราย นับไม่ถ้วน และส่งผลให้การแนะนำมากมาย แม้ว่า
การบูรณาการ และรวมถึงเนื้อหาสารที่สำคัญในการพิจารณาหลักสูตรพยาบาลในเวลานั้น [ 18 ] น้อย
ได้รับในบราซิลในส่วนนี้ สิบปีหลังจากที่ข้อเสนอแนะเหล่านี้ โรงเรียนมีการรวมบางส่วนของ
แนะนำ และที่ไม่ได้เป็นหลักสาธารณะโรงเรียน ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า โรงเรียนเอกชน
ต่อไปจ่ายน้อย หรือ ไม่มีความสนใจที่จะใช้สารในการศึกษาพยาบาล ผู้เชี่ยวชาญติดยาเสพติดบราซิลต้องเจ้าหน้าที่กดดัน
รวมคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญในกฎหมายการศึกษาพยาบาล เป็นข้อเสนอแนะที่ไม่อยู่ในบังคับในหลักสูตรหลักสูตร
และจึงยังคงความสำคัญรองจากสถาบันฝึกอบรมมากที่สุด