The first people to make chocolate

The first people to make chocolate were the ancient tribes of Mexico and Central America, including the Incas, Aztec and Mayans. They mixed ground cacao seeds with various seasonings to make a spicy, frothy drink which they called chocolatl.


Research has revealed that the flavonoid in chocolate helps prevent some cancers and stops fat from clogging up our blood vessels. Chocolate increases the blood circulation, thereby reducing the risk of high-blood pressure, and also helps alleviate diarrhea. The theobromine present in chocolate acts like caffeine and works to stop chronic coughs. Chocolate is also known to brighten the skin, to the extent that many have even applied chocolate to their skins during their spa sessions. It is believed that vitamin A and E in chocolate helps keep in the skin's moisture, thereby slowing the process of aging and wrinkling. Magnesium in chocolate helps relax fatigued muscles. But nothing's perfect. Phenylethylamine, theobromine and caffeine tend to increase the sugar level in the blood system as well as blood pressure. Chocolate is also a source of energy as a result of its riches of carbohydrate, iron, and vitamins A, D and K, but there is such as thing as too much of a good thing. This kind of energy can trigger ailments such as obesity and high-blood pressure.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คนแรกจะทำให้ช็อกโกแลตมีชนเผ่าโบราณของเม็กซิโกและอเมริกากลาง ชาวอินคา Aztec และ Mayans พวกเขาผสมเมล็ด cacao ล่างกับเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เพื่อให้เครื่องดื่มรสเผ็ด น้ำซึ่งพวกเขาเรียกว่า chocolatl


วิจัยได้เปิดเผยว่า flavonoid ในช็อกโกแลตช่วยป้องกันมะเร็งบาง และหยุดไขมันจากการอุดตันของหลอดเลือดขึ้น ช็อคโกแลตช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงของความดันเลือดสูง และยัง ช่วยบรรเทาโรคท้องร่วง Theobromine ที่อยู่ในกิจการช็อกโกแลตคาเฟอีนและงานหยุด coughs เรื้อรัง ช็อคโกแลตเป็นที่รู้จักส่องผิว แค่หลายแม้ใช้ช็อกโกแลตสกินของพวกเขาในระหว่างรอบเวลาของสปา เชื่อว่าวิตามิน A และ E ในช็อกโกแลตช่วยให้ความชุ่มชื้นของผิวหนัง จึงชะลอการคำนวณอายุ และ wrinkling แมกนีเซียมในช็อกโกแลตช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ fatigued แต่ไม่เหมาะ Phenylethylamine, theobromine และคาเฟอีนมักจะ เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดรวมทั้งความดันโลหิต ช็อกโกแลตยังเป็นแหล่งของพลังงานจากของริชเชสคาร์โบไฮเดรต เหล็ก และวิตามิน A, D และ K แต่มีเป็นเช่นสิ่งมากเกินไปของสิ่งดี พลังงานชนิดนี้สามารถก่อโรคเช่นโรคอ้วนและความดันโลหิตสูง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บุคคลแรกที่จะให้ช็อกโกแลตเป็นชนเผ่าโบราณของเม็กซิโก และอเมริกากลาง รวมทั้ง Incas Aztec และมายัน พวกเขาผสมเมล็ดโกโก้บดปรุงรสให้เผ็ด เป็นฟองน้ำที่พวกเขาเรียกว่า chocolatl


มีการวิจัยพบว่าฟลาโวนอยด์ในช็อกโกแลต ช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด และหยุดไขมันจากการอุดตันของหลอดเลือดช็อกโกแลต เพิ่มการไหลเวียนของเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง และยังช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ทรีโออยู่ในช็อกโกแลตเหมือนคาเฟอีน และทำงานเพื่อหยุดอาการไอเรื้อรัง ช็อกโกแลตเป็นที่รู้จักกันเพื่อเพิ่มความสว่างให้ผิว เท่าที่หลายคนได้ใช้ช็อกโกแลตกับผิวหนังของพวกเขาในช่วงที่สปาของพวกเขาเชื่อกันว่า วิตามินเอและอี ในช็อกโกแลตช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวจึงช่วยชะลอกระบวนการของความชราและ wrinkling . แมกนีเซียมในช็อกโกแลตช่วยผ่อนคลายเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ แต่ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ เฟนิลไทลามินทรีโอ , คาเฟอีนและมีแนวโน้มเพิ่มปริมาณน้ำตาลในระบบเลือด รวมทั้งความดันโลหิตช็อกโกแลตยังเป็นแหล่งของพลังงานที่เป็นผลของความมั่งคั่งของคาร์โบไฮเดรต เหล็ก และวิตามิน A , D และ K แต่ไม่มีเช่นสิ่งเป็นมากเกินไปในสิ่งที่ดี ชนิดของพลังงานนี้สามารถก่อโรคเช่นโรคอ้วนและความดันโลหิตสูงได้