Failing to adhere to immunosuppress

Failing to adhere to immunosuppressant medications by renal transplant recipients (RTR) isassociated with elevated morbidity and mortality [1]. For instance, non-adherence is related toa sevenfold increase in rates of graft rejection [2]. Graft rejection can lead to loss of the transplanted organ and a return to end stage renal disease, necessitating return to dialysis, retransplantation, or even causing death [1,3]. Despite potential dangers of failing to adhere toimmunosuppressant medications, rates of medication non-adherence by RTR range between20–70% [4].Existing research has identified several demographic and psychosocial factors related tomedication non-compliance in RTR [5,6]. For instance, social factors such as living alone andbeing unmarried have previously been associated with decreased adherence, as have perceivedlow level of social support, external locus of control, beliefs that medications are not required,and higher levels of anxiety and hostility [6]. However, another risk factor that remains relatively understudied to date involves the role of cognition. Indeed, relative to their healthypeers, adults with chronic kidney disease (CKD) demonstrate weaknesses in memory andexecutive functioning across the course of their illness [7,8] and following successful transplant[9,10]. These cognitive difficulties in CKD and RTR have been theorized to stem from cerebrovascular insufficiencies commonly reported in CKD and in dialysis patients that may not bereversed with transplantation [11].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การไม่ปฏิบัติตามยากดภูมิคุ้มกันโดยผู้รับการปลูกถ่ายไต (RTR) มีความสัมพันธ์กับอัตราการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตที่สูงขึ้น [1] ตัวอย่างเช่น การไม่ปฏิบัติตามมีความสัมพันธ์กับอัตราการปฏิเสธการรับสินบนเพิ่มขึ้นเจ็ดเท่า [2] การปฏิเสธการรับสินบนสามารถนำไปสู่การสูญเสียอวัยวะที่ปลูกถ่ายและกลับไปสู่โรคไตวายระยะสุดท้าย ทำให้ต้องกลับไปฟอกไต การปลูกถ่ายใหม่ หรือแม้แต่ทำให้เสียชีวิตได้ [1,3] แม้ว่าอาจเกิดอันตรายจากการไม่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน แต่อัตราการไม่รับประทานยาโดย RTR อยู่ระหว่าง20–70% [4] การวิจัยที่มีอยู่ได้ระบุปัจจัยทางประชากรศาสตร์และจิตสังคมหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านยาใน RTR [5,6] ตัวอย่างเช่น ปัจจัยทางสังคม เช่น การอยู่คนเดียวและการไม่ได้แต่งงาน ก่อนหน้านี้มีความเกี่ยวข้องกับการยึดมั่นที่ลดลง ดังที่รับรู้ถึงการสนับสนุนทางสังคมในระดับต่ำ อำนาจการควบคุมภายนอก ความเชื่อที่ว่าไม่จำเป็นต้องใช้ยาและระดับความวิตกกังวลและความเกลียดชังที่สูงขึ้น [6 ] อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงอีกประการหนึ่งที่ยังคงมีการศึกษาเกี่ยวข้องจนถึงปัจจุบันเกี่ยวข้องกับบทบาทของความรู้ความเข้าใจ แท้จริงแล้ว เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมงานที่มีสุขภาพดี ผู้ใหญ่ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง (CKD) แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอในความทรงจำและการทำงานของผู้บริหารตลอดช่วงที่เจ็บป่วย [7,8] และหลังจากการปลูกถ่ายสำเร็จ[9,10] ความยากลำบากในการรู้คิดในผู้ป่วย CKD และ RTR ได้รับการตั้งทฤษฎีว่ามีสาเหตุมาจากความไม่เพียงพอของหลอดเลือดสมองที่รายงานโดยทั่วไปในผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังและในผู้ป่วยฟอกไตที่อาจไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการปลูกถ่าย [11]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความล้มเหลวของผู้รับการปลูกถ่ายไตในการยืนยันการใช้ยากดภูมิคุ้มกันคือ
สัมพันธ์กับอุบัติการณ์และการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น[1] ยกตัวอย่างเช่น การไม่ปฏิบัติตาม
อุบัติการณ์ของการปฏิเสธการปลูกถ่ายเพิ่มขึ้น 7 เท่า[2] การปฏิเสธการปลูกถ่ายสามารถนำไปสู่การสูญเสียอวัยวะที่ปลูกถ่ายและการกำเริบของโรคไตระยะสุดท้ายซึ่งจำเป็นต้องได้รับการฟอกไตอีกครั้งการปลูกถ่ายซ้ำและแม้กระทั่งการเสียชีวิต [1,3] แม้จะมีอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติตาม
Immunosuppressants อัตราการไม่ปฏิบัติตามยาของ RTR อยู่ระหว่าง
20-70%[4]。
การศึกษาที่มีอยู่ได้ระบุถึง
การไม่ปฏิบัติตามยาใน RTR [5, 6] ตัวอย่างเช่นปัจจัยทางสังคมเช่นการใช้ชีวิตคนเดียวและ
เป็นที่เชื่อกันว่าก่อนแต่งงานมีความสัมพันธ์กับการลดลงของการปฏิบัติตาม
การสนับสนุนทางสังคมในระดับต่ำจุดควบคุมภายนอกความเชื่อที่ว่าไม่จำเป็นต้องใช้ยา
และระดับความวิตกกังวลและความเป็นปรปักษ์ที่สูงขึ้น[6] Howev

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้รับการปลูกถ่ายไต( RTR )ล้มเหลวในการรักษาด้วยระบบภูมิคุ้มกัน
เกี่ยวข้องกับอัตราการเกิดโรคและการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น[1] ตัวอย่างเช่นการไม่ปฏิบัติตามที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่อไปนี้
อัตราการปฏิเสธการปลูกถ่ายเพิ่มขึ้น7เท่า[2] การปฏิเสธการปลูกถ่ายอาจนําไปสู่การสูญเสียอวัยวะที่ได้รับการปลูกถ่ายและกลับสู่ภาวะไตวายขั้นสุดท้ายซึ่งจําเป็นต้องมีการฟอกไตการปลูกถ่ายย้อนกลับและแม้กระทั่งการเสียชีวิต[ 1,3] แม้จะมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติตาม
ยาเสพติดภูมิคุ้มกัน,RTRอัตราการไม่ปฏิบัติตามยาอยู่ในช่วง
20 - 70 เปอร์เซ็นต์ [4]。
การวิจัยที่มีอยู่ได้ระบุประชากรและปัจจัยทางจิตสังคมหลายประการและ
การรักษาด้วยยาในRTRไม่สอดคล้องกัน[5,6] ตัวอย่างเช่นปัจจัยทางสังคมเช่นการอยู่คนเดียว
อย่างที่เราตระหนักว่า การไม่แต่งงาน เคยถูกคิดว่าเกี่ยวข้องกับ ความภักดีที่ลดลง
ระดับการสนับสนุนทางสังคมต่ํา, จุดควบคุมภายนอก, คิดว่าไม่จําเป็นต้องใช้ยา,
และระดับความวิตกกังวลและความเกลียดชังที่สูงขึ้น[6] อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงอีกประการหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของความรู้ความเข้าใจ จริงๆแล้วเมื่อเทียบกับสุขภาพของพวกเขา
ในวัยผู้ใหญ่ที่มีโรคไตเรื้อรัง( CKD )แสดงความจําและ
ฟังก์ชันการดําเนินงานในระหว่างการเจ็บป่วยและหลังการปลูกถ่ายที่ประสบความสําเร็จ[7,8 ]
[ 9,10 ]ความยากลําบากด้านความรู้ความเข้าใจเหล่านี้ในCKDและRTRได้รับการทฤษฎีว่าเป็นผลมาจากความผิดปกติของหลอดเลือดในสมองซึ่งมักรายงานในผู้ป่วยCKDและผู้ป่วยไตเทียมซึ่งอาจไม่ได้
ตรงกันข้ามกับการปลูกถ่าย[ 11 ]