The top mostpart is about 100 meter

The top most
part is about 100 meters high, and the base is 500
meters in diameter.

The Golden Mount at Wat Saket.
Built on an artificial man-made hill, the Golden Mount is the temple’s most well-known landmark and is a sacred pilgrimage site during the weeklong worshipping period in November. To get to the top requires a climb up some 300 steps, which encircle the chedi like a loosely coiled snake. The path is well-paved and the climb relatively easy if you avoid going at midday or during peak summer months.

Before beginning the climb, you will find an unusual cemetery built into the base of the Golden Mount. Covered in vines and overgrown trees, it emits a rather spooky out-of-era vibe. Perhaps this is because in the late 18th century, Wat Saket served as the capital's crematorium and the dumping ground for some 60,000 plague victims. Approaching the top of the hill, you will be welcomed by a wall of bells and panoramas of historic Bangkok.


The Wat Saket just outside the old Rattanakosin island area is one of Bangkok’s oldest temples dating back to the Ayutthaya era, which lasted until 1767. The temple was then named Wat Sakae. When King Rama I became the first ruler of the Rattanakosin Kingdom he ordered the temple to be restored and renamed it Wat Saket Ratcha Wora Maha Wihan, or Wat Saket for short.

The structure that Wat Saket is best known for is its 80 meter high hill called “Golden Mount” and the huge gilded stupa on top of it. It was once the highest point in Bangkok.

The hill was created during the reign of King Rama III who ordered a large chedi to be build in the Wat Saket temple complex. During the construction however, the chedi collapsed because the soil it was standing on was too soft to support the weight. Years later King Rama IV had the hill reinforced and made higher with large numbers of logs to prevent the soil from sinking any further, and he had a small stupa build on top. The large gilded stupa existing today dates from the reign of King Chulalongkorn (Rama V). In the 1940’s the hill was reinforced again using concrete.


The climb to the top of the mount
To reach the stupa on top of the Golden Mount requires a 318 steps climb up the hill. On one of the platforms on the way to the top you will find a line of large prayer bells that Buddhist people strike producing a very deep tone. Once upstairs you will have great views of Bangkok in all directions.

The huge chedi contains relics of the Buddha, that were brought over from India. The Wat Saket was used to cremate the deceased who were too poor to afford a funeral or cremation. When an epidemic hit Bangkok during the reign of King Rama II, the remains of tens of thousands of poor people were brought here to be cremated.



The Wat Saket temple itself is located at the base of the hill. Most visitors miss it, just climbing to the stupa on top of the hill. In the temple complex you will find an ordination hall or ubosot, a viharn, a Ho Trai where Buddhist scriptures are kept and the monks living quarters.

During the Loy Krathong festival that takes place every year during the night of the 12th Thai full moon usually early November, the Wat Saket hosts a temple fair that lasts 9 days. People carry a long red cloth over their heads climbing the stairs to the top of the Golden Mount and wrap the cloth around the base of the chedi.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ด้านบนสุดส่วนสูงประมาณ 100 เมตร และฐานเป็น 500 เมตรเส้นผ่าศูนย์กลางภูเขาทองที่วัดสระเกศสร้างขึ้นบนเนินเขามนุษย์ประดิษฐ์ ภูเขาทองเป็นรู้จักมากที่สุดของวัด และเป็นเว็บไซต์ที่จาริกแสวงบุญในช่วงเวลานมัสการเชงในเดือนพฤศจิกายน ไป ด้านบนต้องปีนขึ้น 300 ขั้นตอนบางอย่าง ซึ่งล้อมรอบเจดีย์เหมือนงูขดหลวม เส้นเป็นปู และปีนค่อนข้างง่ายถ้าคุณหลีกเลี่ยงไป ในตอนกลางวัน หรือ ช่วงฤดูเดือน ก่อนที่จะเริ่มการปีนขึ้น คุณจะพบสุสานผิดปกติที่ฐานของภูเขาทอง ครอบคลุมในเถาและต้นไม้รก ปล่อยบรรยากาศออกของยุคค่อนข้างเหมือนผี บางทีนี่คือเนื่องจากในศตวรรษที่ 18 ปลาย วัดสระเกศหน้าที่เป็นเมรุของหลวงและพื้น dumping บางเหยื่อกาฬโรค 60,000 ใกล้ด้านบนของเนินเขา คุณจะยินดี โดยแขวนระฆังและพาโนรามาประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯวัดสระเกศก็อยู่นอกพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์เก่าเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพมหานครย้อนหลังไปถึงสมัยอยุธยา ซึ่งกินเวลาจนถึง 1767 วัดแล้วได้ชื่อว่าวัดสะแก เมื่อพระรามผมกลายเป็นไม้บรรทัดแรกของอาณาจักรรัตนโกสินทร์เขาสั่งวัดจะบูรณะ และเปลี่ยนชื่อวัดสระเกศราชวรบุมหาวิหาร หรือวัดสระเกศสั้นโครงสร้างที่วัดสระเกศเป็นที่รู้จักกันดีมีเนินเขาสูง 80 เมตรเรียกว่า "ภูเขาทอง" และเจดีย์ลงรักปิดทองขนาดใหญ่อยู่บนนั้น มันเป็นครั้งเดียวที่จุดสูงสุดในกรุงเทพมหานครเขาถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลสมเด็จที่สั่งเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ถูกสร้างในพระวิหารวัดสระเกศที่ซับซ้อน ในระหว่างการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม เจดีย์ยุบเพราะมันกำลังยืนอยู่บนดินอ่อนเกินไปที่จะรับน้ำหนัก ปีรัชกาลมีเขาเสริมความแข็งแรง และทำให้สูงกว่า ด้วยตัวเลขขนาดใหญ่ของแฟ้มบันทึกเพื่อป้องกันไม่ให้ดินจมใด ๆ เพิ่มเติม และเขามีเจดีย์ขนาดเล็กสร้างด้านบน เจดีย์ลงรักปิดทองขนาดใหญ่ที่มีอยู่วันนี้วันจากรัชสมัยของกษัตริย์จุฬาลงกรณ์ (จุลจอมเกล้า) ในปี 1940 เขาถูกเสริมแรงโดยใช้คอนกรีตการปีนขึ้นไปด้านบนของภูเขาถึงเจดีย์บนภูเขาทองต้องปีน 318 ตอนขึ้นเขา บนแพลตฟอร์มทางไปด้านบนอย่างใดอย่างหนึ่ง คุณจะพบสายสวดมนต์ใหญ่ระฆังตีคนพุทธที่ผลิตเสียงลึกมาก เมื่อชั้นบน คุณจะมีวิวของกรุงเทพฯ ในทุกทิศทางเจดีย์ขนาดใหญ่ประกอบด้วยพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ที่ถูกนำมาจากอินเดีย วัดสระเกศถูกใช้เผาศพผู้เสียชีวิตที่ยากจนเกินกว่าจะจ่ายศพหรือเผาศพ เมื่อการระบาดตีกรุงเทพมหานครพระราม ซากของหมื่นคนจนถูกนำมาที่นี่จะได้รับการเผาวัดสระเกศวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ฐานของเขา นักพลาดมัน เพียงแค่ปีนไปเจดีย์อยู่บนเนินเขา ในวัดซับซ้อนที่คุณจะพบการบวชฮอลล์หรืออุโบสถ วิหาร Trai โฮจิมินห์เป็นที่เก็บพระไตรปิฎก และพระสงฆ์อาศัยอยู่ไตรมาสวัดสระเกศเป็นโฮสต์เป็นวัดที่ใช้เวลา 9 วันในช่วงลอยกระทงเทศกาลที่ขึ้นทุกปีช่วงกลางคืนของดวงจันทร์เต็มไทย 12 มักจะต้นเดือนพฤศจิกายน ท่านนำผ้าสีแดงมาหัวปีนบันไดไปด้านบนของภูเขาทอง และห่อผ้ารอบฐานของเจดีย์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มากที่สุดด้านบน
เป็นส่วนหนึ่งประมาณ 100 เมตรสูงและฐานเป็น 500
เมตรเส้นผ่าศูนย์กลาง.

ภูเขาทองที่วัดสระเกศ.
ที่สร้างขึ้นบนเนินเขาที่มนุษย์สร้างขึ้นเทียมภูเขาทองเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดสถานที่สำคัญและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สถานที่แสวงบุญในช่วงระยะเวลาบูชา weeklong ในเดือนพฤศจิกายน ที่จะได้รับไปด้านบนต้องปีนขึ้น 300 ขั้นตอนซึ่งล้อมรอบเจดีย์เหมือนงูขดหลวม เส้นทางเป็นอย่างดีปูและปีนค่อนข้างง่ายถ้าคุณหลีกเลี่ยงการไปตอนเที่ยงหรือช่วงฤดูร้อนเดือนสูงสุด.

ก่อนที่จะเริ่มปีนขึ้นไปคุณจะพบสุสานที่ผิดปกติที่สร้างขึ้นในฐานของโกลเด้นภูเขา ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์และต้นไม้รกมันปล่อยออกมาค่อนข้างเหมือนผีออกจากยุคกลิ่นอาย บางทีนี่อาจเป็นเพราะในช่วงปลายศตวรรษที่ 18, วัดสระเกศทำหน้าที่เป็นเมรุเผาศพของเงินทุนและพื้นทุ่มตลาดสำหรับบาง 60,000 ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อภัยพิบัติ เข้าใกล้ด้านบนของเนินเขาที่คุณจะได้รับการต้อนรับจากผนังของระฆังและภาพพาโนรามาของประวัติศาสตร์กรุงเทพฯ.


วัดสระเกศนอกเก่าพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพฯย้อนกลับไปในยุคอยุธยาซึ่งกินเวลาจนถึง 1767 วัดถูกแล้วชื่อวัดสะแก เมื่อรัชกาลที่กลายเป็นเจ้าเมืองคนแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ราชอาณาจักรเขาสั่งให้วัดที่จะเรียกคืนและเปลี่ยนชื่อเป็นวัดสระเกศราชวรมหาวิหารหรือวัดสระเกศสั้น.

โครงสร้างที่วัดสระเกศเป็นที่รู้จักกันดีคือ 80 เมตรบนเนินเขาสูง เรียกว่า "โกลเด้นเมาท์" และเจดีย์ทองขนาดใหญ่ด้านบนของมัน มันเคยเป็นจุดที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ.

เนินเขาที่ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของรัชกาลที่สามที่สั่งเจดีย์ขนาดใหญ่ที่จะสร้างในวัดซับซ้อนวัดสระเกศ ในระหว่างการก่อสร้างอย่างไรก็ตามเจดีย์ทรุดเพราะดินมันก็ยืนอยู่บนนุ่มเกินไปที่จะรองรับน้ำหนัก ปีต่อมารัชกาลที่มีเนินเขาเสริมและทำสูงกว่าที่มีจำนวนมากของการบันทึกเพื่อป้องกันไม่ให้ดินจากการจมเพิ่มเติมใด ๆ และเขาก็มีเจดีย์ขนาดเล็กสร้างอยู่ด้านบน ขนาดใหญ่ลงรักปิดทองพระเจดีย์ที่มีอยู่ในวันนี้จากวันที่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า (ที่จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ในปี 1940 ฮิลล์ได้รับการเสริมแรงอีกครั้งโดยใช้คอนกรีต.


ปีนขึ้นไปบนยอดภูเขา
ไปถึงเจดีย์ที่ด้านบนของภูเขาทองต้องมีขั้นตอน 318 ปีนขึ้นไปบนเนินเขา ที่หนึ่งของแพลตฟอร์มทางไปด้านบนที่คุณจะได้พบกับสายของระฆังสวดมนต์ขนาดใหญ่ที่ผู้คนนับถือศาสนาพุทธตีการผลิตเสียงที่ลึกมาก เมื่อชั้นบนคุณจะมีมุมมองที่ดีของกรุงเทพฯในทุกทิศทาง.

เจดีย์ขนาดใหญ่ที่มีพระธาตุของพระพุทธเจ้าที่ถูกนำมาจากอินเดีย วัดสระเกศถูกใช้ในการเผาศพผู้เสียชีวิตที่ยากจนเกินไปที่จะจ่ายงานศพหรือเผาศพ เมื่อมีการแพร่ระบาดของโรคตีกรุงเทพฯระหว่างรัชสมัยของรัชกาลที่ครั้งที่สองยังคงเป็นของนับหมื่นของคนยากจนที่ถูกนำมาที่นี่เพื่อจะเผา.



วัดวัดสระเกศตัวเองเป็นที่ตั้งอยู่ที่ฐานของเนินเขา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่พลาดไม่ได้เพียงแค่ปีนขึ้นไปเจดีย์บนยอดเขา ในพระวิหารที่ซับซ้อนที่คุณจะได้พบกับอุโบสถหรือพระอุโบสถเป็นวิหารเป็นหอไตรที่พระไตรปิฎกจะถูกเก็บไว้และพระสงฆ์ที่อยู่อาศัย.

ในช่วงเทศกาลลอยกระทงที่เกิดขึ้นทุกปีในช่วงคืนวันที่ 12 พระจันทร์เต็มดวงของไทยมักจะ ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่วัดสระเกศเป็นเจ้าภาพจัดงานยุติธรรมวัดที่มีระยะเวลา 9 วัน คนพกผ้าสีแดงยาวเหนือหัวของพวกเขาปีนบันไดขึ้นไปบนยอดภูเขาทองและห่อผ้ารอบฐานของเจดีย์ที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สุดยอดที่สุดส่วนสูงประมาณ 100 เมตร และฐานเป็น 500เมตรเส้นผ่าศูนย์กลาง .ที่ภูเขาทอง วัดสระเกศ .สร้างขึ้นบนเนินเขาเป็นมนุษย์เทียม ภูเขาทอง เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของลูกค้าเป็นเว็บไซต์แสวงบุญศักดิ์สิทธิ์ในช่วงการนมัสการ weeklong ในเดือนพฤศจิกายน ที่จะได้รับไปด้านบนต้องปีนขึ้นบาง 300 ขั้น ซึ่งล้อมรอบเจดีย์อย่างหลวม ๆขดงู เส้นทางเป็นอย่างดีปูพื้นและปีนค่อนข้างง่ายถ้าคุณหลีกเลี่ยงไปในเที่ยงวันหรือช่วงฤดูร้อนเดือนสูงสุดก่อนที่จะเริ่มปีนขึ้นไป คุณจะพบความผิดปกติสุสานที่สร้างขึ้นในฐานของภูเขาทอง ปกคลุมด้วยเถาวัลย์และต้นไม้รก มันส่งเสียงค่อนข้างน่ากลัวออกมาจากยุค VIBE อาจเป็นเพราะในศตวรรษที่ 18 สาย วัดสระเกศทำหน้าที่เป็นเมืองหลวง เมรุ และทิ้งพื้นดินบาง 60000 โรคระบาดเหยื่อ ใกล้ด้านบนของภูเขา คุณจะได้รับการต้อนรับโดยผนังของระฆังและพาโนรามาของเขตประวัติศาสตร์วัดดอยสะเก็ดเพียงนอกพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์เก่าของกรุงเทพฯ วัดเก่าแก่ย้อนหลังไปถึงสมัยอยุธยา ซึ่ง lasted จนกว่า 1767 . วัดแล้วชื่อวัดสะแก . เมื่อรัชกาลที่ได้เป็นผู้ปกครองอาณาจักรแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ เขาสั่งให้วัดได้รับการบูรณะและเปลี่ยนชื่อมันวัดสระเกศกรุงเทพฯการใช้งานมหาวิหาร หรือวัดสระเกศเป็นเวลาสั้นๆโครงสร้างที่วัดสระเกศเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดคือ 80 เมตร เนินสูง เรียกว่า " ภูเขาทอง " และเจดีย์สีทองขนาดใหญ่อยู่ด้านบน มันเคยเป็นจุดที่สูงที่สุดในเขตกรุงเทพมหานครเนินเขาที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 ที่สั่งให้สร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ในวัดสระเกศ วัดที่ซับซ้อน ในระหว่างการก่อสร้างแต่เจดีย์ล้มเพราะดินมันยืนอยู่บนมันอ่อนเกินไป เพื่อรองรับน้ำหนัก ปีต่อมารัชกาลที่ 4 มีเนินเขาที่เสริมให้สูงขึ้น ด้วยตัวเลขขนาดใหญ่ของบันทึกเพื่อป้องกันดินทรุดอีก และเขาได้สร้างเจดีย์เล็ก ๆบน ปิดทองเจดีย์ขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในวันนี้วันที่จากรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 5 ) ใน 1940 ของเนินเขาถูกเสริมอีกครั้งโดยใช้คอนกรีตปีนไปด้านบนของภูเขาไปถึงเจดีย์บนภูเขาทอง ต้องใช้ 318 ขั้นตอนปีนขึ้นเนินเขา ในหนึ่งของแพลตฟอร์มบนทางด้านบนคุณจะพบบรรทัดของระฆังสวดมนต์ขนาดใหญ่พุทธคนโจมตีการผลิตเสียงลึกมาก เมื่อขึ้นไปคุณจะมีมุมมองที่ดีของกรุงเทพฯ ทุกเส้นทางเจดีย์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากประเทศอินเดีย วัดดอยสะเก็ดใช้เผาศพผู้ตายที่ยากจนเกินไปที่จะซื้อศพหรือการเผาศพ เมื่อโรคระบาดตีกรุงเทพฯ ในสมัยรัชกาลที่ 2 ซากของนับหมื่นของคนจนถูกพาตัวมาที่นี่ เพื่อจะเผาที่วัดสระเกศ วัดเอง ตั้งอยู่ที่ฐานของภูเขา ผู้เข้าชมส่วนใหญ่พลาด แค่ปีนไปยังเจดีย์บนยอดเขา ในวิหารที่ซับซ้อน คุณจะพบห้องโถงหรืออุโบสถบวช , ปราสาทพระวิหาร , หอไตรที่พระไตรปิฎกจะถูกเก็บไว้และพระสงฆ์อยู่อาศัย .ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ที่จัดขึ้นทุกปีในช่วงคืนวันที่ 12 ไทยพระจันทร์เต็มดวงมักจะช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่วัดสระเกศ เจ้าภาพงานวัดที่เป็นเวลา 9 วัน คนถือผ้าสีแดงยาวเหนือหัว ปีนบันไดไปด้านบนของภูเขาทอง และห่อผ้ารอบฐานของเจดีย์