Realistic target levels for diabete

Realistic target levels for diabetes treatment are rendom blood glucose levels of 8-11 mmol/L (Hull 2008)
When treating diabetes in the older population, treatment should be individaulised and tailored to people's needs and lifestyle (Mooradian et al 1999, Hull 2008), just as it is in younger age group.
Managing diabetes involves a considerable element of self-care.
Informed decision about care and treatment should be made in partnership with patients and healthcare professionals (National Collaborating Centre for Chronic Condition 2008)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระดับเป้าหมายที่เป็นจริงสำหรับผู้ป่วยเบาหวานระดับน้ำตาลในเลือด rendom 8 11 mmol/L (ฮัลล์ 2008)เมื่อรักษาโรคเบาหวานในประชากรอายุ รักษาควร individaulised และเหมาะกับความต้องการของคนและวิถีชีวิต (Mooradian et al 1999 ฮัลล์ 2008), เช่นเดียวกับที่อยู่ในกลุ่มอายุวัยการจัดการโรคเบาหวานเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบสำคัญของสุขภาพควรทำการตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลและรักษาข้อมูลกับผู้ป่วยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (ศูนย์แห่งชาติร่วมมือกันสำหรับ 2008 สภาพเรื้อรัง)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระดับเป้าหมายที่สมจริงสำหรับการรักษาโรคเบาหวานมีระดับน้ำตาลในเลือดของ rendom 8-11 มิลลิโมล / ลิตร (ฮัลล์ 2008)
เมื่อการรักษาโรคเบาหวานในประชากรที่มีอายุมากกว่าการรักษาควรจะ individaulised และเหมาะกับความต้องการของผู้คนและวิถีการดำเนินชีวิต (Mooradian et al, 1999, ฮัลล์ 2008) เช่นเดียวกับที่มันอยู่ในกลุ่มอายุน้อย.
ผู้จัดการโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบที่สำคัญของการดูแลตนเอง.
ข้อมูลประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลและการรักษาควรจะทำในการเป็นหุ้นส่วนกับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ (แห่งชาติศูนย์ความร่วมมือเพื่อสภาพเรื้อรัง 2008)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระดับเป้าหมายจริงสำหรับการรักษาเบาหวานมี rendom เลือดกลูโคสระดับ 8-11 mmol / L ( ตัวเรือ 2008 )
เมื่อรักษาเบาหวานในประชากรสูงอายุ การรักษา ควร individaulised และปรับแต่งให้ตอบสนองความต้องการของผู้คนและวิถีชีวิต ( mooradian et al 1999 เรือ 2008 ) , เช่นเดียวกับที่มันเป็นในอายุน้อย
การจัดการโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม องค์ประกอบสำคัญของการดูแลตนเอง .
การตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลและการรักษา ควรทำร่วมกับผู้ป่วยและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแห่งชาติร่วมศูนย์อาการเรื้อรัง 2008 )