Rapid evolution of influenza RNA vi

Rapid evolution of influenza RNA virus has resulted in limitation of vaccine effectiveness, increased emergence
of drug-resistant viruses and occurrence of pandemics. A new effective antiviral is therefore
needed for control of the highly mutative influenza virus. Teas prepared by the infusion method were
tested for their anti-influenza activity against clinical influenza A (H1N1) isolates by a 19-h influenza
growth inhibition assay with ST6Gal I-expressing MDCK cells (AX4 cells) using fluorogenic quantification
and chromogenic visualization. Guava tea markedly inhibited the growth of A/Narita/1/2009 (amantadine-
resistant pandemic 2009 strain) at an IC50 of 0.05% and the growth of A/Yamaguchi/20/06 (sensitive
strain) and A/Kitakyushu/10/06 (oseltamivir-resistant strain) at similar IC50 values ranging from 0.24% to
0.42% in AX4 cells, being 3.4- to 5.4-fold more potent than green tea (IC50 values: 0.27% for the 2009 pandemic
strain and 0.91% to 1.44% for the seasonal strains). In contrast to both teas, oseltamivir carboxylate
(OC) demonstrated high potency against the growth of A/Narita/1/09 (IC50 of 3.83 nM) and A/Yamaguchi/
20/06 (IC50 of 11.57 nM) but not against that of A/Kitakyushu/10/06 bearing a His274-to-Tyr substitution
(IC50 of 15.97 lM). Immunofluorescence analysis under a confocal microscope indicated that both teas
inhibited the most susceptible A/Narita/1/2009 virus at the initial stage of virus infection. This is consistent
with results of direct inhibition assays showing that both teas inhibited viral hemagglutination at
concentrations comparable to their growth inhibition concentrations but inhibited sialidase activity at
about 8-times higher concentrations. Guava tea shows promise to be efficacious for control of epidemic
and pandemic influenza viruses including oseltamivir-resistant strains, and its broad target blockage
makes it less likely to lead to emergence of viral resistance.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิวัฒนาการอย่างรวดเร็วของไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งส่งผลให้เกิดข้อจำกัดประสิทธิผลของวัคซีน การดื้อยาเพิ่มขึ้น
ของไวรัสและการเกิดของเซียนนา มิลเลอร์ . ใหม่ที่มีประสิทธิภาพไวรัสจึง
ที่จำเป็นสำหรับการควบคุมของไวรัสไข้หวัดใหญ่สูงซึ่งเปลี่ยนแปลง . ชาเตรียมโดยแช่วิธี
การทดสอบของพวกเขาต่อต้านไข้หวัดใหญ่กิจกรรมกับทางคลินิก ไข้หวัดใหญ่ ( H1N1 ) ไอโซเลทโดย 19-h ไข้หวัดใหญ่
ยับยั้งการเจริญเติบโตตรวจสอบด้วย st6gal i-expressing mdck เซลล์ ( เซลล์ ax4 ) โดยใช้ปริมาณการสนทนาผ่านข้อความโต้ตอบแบบทันที fluorogenic
และการมองเห็น ชาฝรั่งอย่างเด่นชัดยับยั้งการเจริญเติบโต / นาริตะ / 1 / 2552 ( อะมันตาดีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 -
) ที่ ic50 ของ 005 ) และการเจริญเติบโตของ / ยามา / 20 / 06 ( ไว
สายพันธุ์ ) และ A / คิตะกีวชู / 10 / 06 ( สายพันธุ์ดื้อยาทามิฟลู ) ที่ค่า ic50 คล้ายกันตั้งแต่ 0.24 %
0.42 % ใน ax4 เซลล์เป็น 3.4 - 5.4-fold ที่มีศักยภาพมากขึ้นกว่าชาเขียว ( ic50 ค่า : 0.27 % สำหรับ 2009 ระบาด
เมื่อยและ 0.91 ตามลำดับร้อยละ 1.44 % สำหรับสายพันธุ์ตามฤดูกาล ) ในทางตรงกันข้ามกับทั้งชา โอเซลทามิเวียคาร์บอกซิเลต
( OC ) แสดงให้เห็นศักยภาพสูงต่อการเจริญเติบโตของ / นาริตะ / 1 / 09 ( ic50 ของ 3.83 nm ) / ยามา /
20 / 06 ( ic50 ของ 11.57 nm ) แต่ไม่ต่อต้านของ / คิตะกีวชู / 10 / 06 มีเครื่อง his274 ไป tyr ทดแทน
( ic50 ของ 15.97 LM ) วิธีวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่าทั้งชา
( ไวที่สุด / นาริตะ / 1 / 2009 ไวรัสในช่วงแรกของการติดเชื้อไวรัส ซึ่งสอดคล้องกับผลของการยับยั้งยีน
ตรงแสดงว่าทั้งชายับยั้งไวรัสการทดสอบการเกาะกลุ่ม ของเม็ดเลือดแดงที่ความเข้มข้นเทียบเท่ากับของพวกเขา
ยับยั้งการเจริญเติบโตความเข้มข้นแต่ยับยั้งไซ ลิเดสกิจกรรมที่
เกี่ยวกับ 8-times ความเข้มข้นสูงชาฝรั่งแสดงสัญญาเป็นด้านที่สำหรับการควบคุมโรคระบาดและไวรัสระบาดรวมทั้ง
สายพันธุ์ที่ทนโอเซลทามีเวียร์ และเป้าหมายของมันกว้างจุก
ทำให้โอกาสน้อยที่จะนำไปสู่การเกิดขึ้นของความต้านทานโรค