ขั้วโลกใต้ทางภูมิศาสตร์ (Geographic South Pole) เป็นหนึ่งในสองจุดที่แกนหมุนของโลกตั้งฉากกับพื้นผิวโลก (อีกจุดหนึ่งคือ ขั้วโลกเหนือทางภูมิศาสตร์) อยู่ที่ละติจูด 90 องศาใต้ บนแผ่นดินของทวีปแอนตาร์กติกา
มนุษย์คนแรกที่สามารถไปถึงขั้วโลกใต้ทางภูมิศาตร์ได้ คือ นักสำรวจชาวนอร์เวย์ ชื่อ โรอัลด์ อะมุนด์เซน (Roald Amundsen) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1911
ขั้วโลกเหนือทางภูมิศาสตร์ (Geographical North Pole) มีอีกชื่อว่า "ขั้วโลกเหนือจริง" (True North) โดยจะอยู่ที่ละติจูด 90 องศาเหนือขั้วโลกเหนือมีคำนิยามถึง 4 วิธี ซึ่งแต่ละวิธีจะได้พิกัดที่แน่นอนของขั้วโลกเหนือที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม ขั้วโลกเหนือจะอยู่ในบริเวณของมหาสมุทรอาร์กติก ซึ่งต่างกับขั้วโลกใต้ ที่มีพิกัดอยู่
แอนตาร์กติกา (อังกฤษ: Antarctica) เป็นทวีปที่อยู่รอบขั้วโลกใต้ของโลกล้อมรอบด้วยมหาสมุทร มีตำแหน่งอยู่ตรงข้ามกับเขตอาร์กติก ที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ ตัวทวีปถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยเทือกเขาทรานส์แอนตาร์กติก (transantarctic mountains) ถือว่าเป็นดินแดนที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดในโลก โดยพื้นที่เกือบทั้งหมดปกคลุมด้วยน้ำแข็ง และยังนับเป็นดินแดนร้างแล้ง (desert) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยไม่มีมนุษย์ตั้งรกรากอยู่อาศัยถาวร (แต่มีสถานีวิจัยกระจายอยู่ทั่วทวีป) สิ่งมีชีวิตพื้นถิ่นได้แก่ เพนกวิน แมวน้ำ และสาหร่าย
แม้ว่ามีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการมีอยู่ของดินแดนใต้ ("Terra Australis") ย้อนไปถึงยุคโบราณ แต่ส่วนใหญ่ยอมรับกันว่ามีการพบเห็นทวีปแอนตาร์กติกาครั้งแรกในปี พ.ศ. 2363 (ค.ศ. 1820) และลงเหยียบพื้นน้ำแข็งครั้งแรกในปีต่อมา อย่างไรก็ตาม แผนที่ของพลเรือเอกปีรี ไรส์ ที่เขียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2056 (ค.ศ. 1513) ได้บรรจุดินแดนนี้ไว้ โดยมีรูปร่างคล้ายคลึงกับชายฝั่งแอนตาร์กติกา
ทวีปแอนตาร์กติกามีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับ 5 รองจากเอเชีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ แต่มีประชากรน้อยที่สุดในโลก (ความจริงแล้วไม่มีประชากรอยู่ถาวร) นอกจากนี้ยังเป็นทวีปที่มีระดับความสูงเฉลี่ยสูงที่สุด ความชื้นเฉลี่ยและอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำที่สุดในโลก
การศึกษาวิจัยในขั้วโลกใต้[แก้]
เพื่อให้การศึกษาวิจัยด้านทางวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมในทวีปแอนตาร์กติกา ประเทศต่าง ๆ จึงได้ตกลงร่วมมือสร้างศูนย์วิจัย โดยเริ่มเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2010 ทำให้สามารถวัดความหนาและปริมาณของน้ำแข็งที่ปกคลุมทวีปแอนตาร์กติกาได้ และยังค้นพบว่าภายใต้น้ำแข็งที่หนากว่า 2,000 เมตรนั้น ยังมีแผ่นดินที่กว้างใหญ่อยู่ หลังจากนั้นการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับทวีปแอนตาร์กติกาก็ได้รับความสนใจมากขึ้นทีเดียว และในปี ค.ศ. 2010 หลายประเทศได้ร่วมลงนามก่อตั้งสนธิสัญญาสำหรับทวีปแอนตาร์กติกาขึ้น โดยให้ทุกประเทศสามารถเข้าทำการศึกษาวิจัยได้ ยกเว้นแต่การทำกิจกรรมด้านทหาร
ศูนย์วิจัยที่ทวีปแอนตาร์กติกา
ดินแดนหลายส่วนในทวีปแอนตาร์กติกาถูกประเทศต่าง ๆ อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครอง เช่น ประเทศอาร์เจนตินา ชิลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร เป็นต้น และในดินแดนเหล่านี้ก็จะมีศูนย์วิจัยของประเทศต่าง ๆ ตั้งอยู่ ทั้งทวีปแอนตาร์กติกามีศูนย์วิจัยของประเทศต่าง ๆ มากกว่า 20 ประเทศ จำนวน 60 แห่ง ในช่วงฤดูหนาวจะมีนักวิจัยทำงานอยู่ที่นี่ประมาณ 1,000 คน และจะเพิ่มเป็น 4,000 คนในฤดูร้อน ในศูนย์วิจัยแมกเมอร์โดที่อยู่ในเขตที่นิวซีแลนด์อ้างกรรมสิทธิ์เป็นศูนย์วิจัยและชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในแอนตาร์กติกา สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากถึง 1,000 คน
ภูมิประเทศ
แอนตาร์กติกาเป็นทวีปที่อยู่ทางทิศใต้สุดของโลก โดยตั้งอยู่ในเขตแอนตาร์กติกเซอร์เคิลรอบขั้วโลกใต้ ล้อมโดยมหาสมุทรใต้ มีพื้นที่มากกว่า 14 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก มีชายฝั่งยาว 17,968 กิโลเมตร[1]
ประมาณร้อยละ 98 ของแอนตาร์กติกาถูกปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกา แผ่นน้ำแข็งซึ่งหนาเฉลี่ย 1.6 กิโลเมตร ทวีปนี้มีน้ำแข็งถึงราวร้อยละ 90 ของน้ำแข็งทั้งหมดบนโลก ทำให้มีน้ำจืดประมาณร้อยละ 70 ของโลก ถ้าน้ำแข็งทั้งหมดละลายแล้ว ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นประมาณ 61 เมตร[2]
จุดที่สูงที่สุดของทวีปคือยอดเขาวินสันแมสซิฟ มีความสูง 4,892 เมตร ตั้งอยู่ในเทือกเขาเอลส์เวิร์ท ถึงแม้ว่าแอนตาร์กติกาจะมีภูเขาไฟจำนวนมาก แต่มีเพียงแห่งเดียวที่ทราบแน่ชัดว่ายังคงคุกรุ่นอยู่คือภูเขาไฟเอเรบัสบนเกาะรอสส์ ในปีพ.ศ. 2547 นักสำรวจชาวอเมริกันและแคนาดาค้นพบภูเขาไฟใต้น้ำในคาบสมุทรแอนตาร์กติก โดยหลักฐานแสดงให้เห็นว่าภูเขาไฟนี้อาจยังคุกรุ่นอยู่เช่น
- ขั้วที่ต่างกัน
แดนอาร์กติก (ขั้วโลกเหนือ) เป็นสถานที่ที่มีมหาสมุทรแข็ง
และรอบๆ เต็มไปด้วยแผ่นดิน (ที่มีแต่น้ำแข็งเหมือนกัน)
ส่วนแดนแอนตาร์กติกา (ขั้วโลกใต้) เต็มไปด้วยภูเขา และทะเลสาบ
- น้ำแข็ง
ที่ขั้วโลกใต้นั้น เป็นแดนที่รวบรวมน้ำแข็งกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก
และเป็นที่ที่เก็บน้ำบริสุทธิ์มากมาย ที่นี่น้ำแข็งเยอะมากจนทำให้เจ้าชาย Mohammed al Faisal
แห่งซาอุดิอาระเบีย แอบคิดวางแผนที่จะบรรทุกน้ำแข็งกว่า 100 ล้านตันไปที่ประเทศของเขาทีเดียว
ไม่รู้วันหนึ่ง แผนนี้จะสำเร็จหรือเปล่า
- ไม่มีเจ้าของ
ทั้งที่มีคนรู้จักมากมาย มีการเดินทางไปสำรวจนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ขั้วโลกใต้เป็นดินแดนที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ!!! (ไปเป็นเจ้าของกันดีกว่า)
ดินแดนแห่งนี้ไม่เคยมีประวัติศาสตร์เหมือนแดนอื่นๆ ที่ว่ามีคนป่าครอบครอง หรือมีคนปกครอง
ขั้วโลกใต้เป็นดินแดนที่มีกลุ่มคนที่เข้าไปมากที่สุดคือ นักวิทยาศาสตร์
ส่วนขั้วโลกเหนือ แม้จะเป็นดินแดนที่หนาวมากเหมือนกัน แต่ก็มีประชากรอยู่ 4 ล้านกว่าคน
และมีเมืองเล็กๆ กับเมืองหลักอยู่หลายเมืองทีเดียว
- แดนแห่งขุมทรัพย์
จากการตรวจสอบของสหรัฐฯ และรัสเซีย พวกเขาค่อนข้างเชื่อว่า ที่ขั้วโลกเหนือ
น่าจะเต็มไปด้วยพลังงานอย่างแก๊สต่างๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง
ส่วนขั้วโลกใต้ นั้น ถูกคาดหวังว่าน่าจะมีน้ำมันปิโตรเลียม
- เพนกวิน และหมีขาว
เพนกวินอาศัยอยู่ในขั้วโลกใต้ ส่วนหมีขาว อยู่ที่ขั้วโลกเหนือ
และพวกมันไม่สามารถอพยพออกจากที่นั่นได้แน่ๆ (ก็นั่นน่ะสิ)
แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่าเมื่อก่อน เพนกวินมีปีกที่สามารถบินได้ แต่พอนานๆ ไป
เมื่อมันไม่ต้องใช้ปีกบินไปไหน ปีกนั้นก็หดลงจนเหลือนิดเดียวอย่างทุกวันนี้
แผนที่ทวีปแอนตาร์กติกา
1.คือ ขั้วโลกใต้
2.เขตแสดงพื้นที่ทวีปแอนตาร์กติกาทั้