การที่จะคัดเลือกหุ้นเพื่อที่จะนำมาสร้างพอร์ตการลงทุนที่สามารถเอาชนะตลาดได้นั้นมาจากหลักทรัพย์ที่มีความสามารถในการดำเนินงานดีหรืออัตราส่วนทางการเงินดีเพราะหลักทรัพย์ที่มีความสามารถในการดำเนินงานดีก็จะส่งผลให้ผลตอบแทนดีไปด้วย แต่นอกจากนั้นหุ้นที่มีราคาถูกหรือมูลค่าทางบัญชีต่ำ (หุ้นที่มีค่า P/BV ต่ำ) สามารถนำมาเป็นปัจจัยในการคัดเลือกหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนมากกว่าตลาดได้
โดยการศึกษานี้ใช้อัตราส่วนทางการเงินในการคัดเลือกหลักทรัพย์จาก SET 50 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งฯ มาทำการสร้างพอร์ตการลงทุน 4 พอร์ต ซึ่งแต่ละพอร์ตจะมีหลักทรัพย์ที่มีผลการดำเนินงานดี 10 หลักทรัพย์ และหลักทรัพย์ที่มีอัตราส่วนต่อมูลค่าตลาดทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV) ที่ต่ำ 10 หลักทรัพย์ โดยมีสัดส่วนหลักทรัพย์ดีและหลักทรัพย์ถูกเป็น 1:1 , 7:3 , 3:7, 4:1 เพื่อทดสอบว่าพอร์ตใดมีอัตราผลตอบแทนชนะตลาดและหาค่าเบต้าระหว่างอัตราผลตอบแทนเกินปกติกับแบบจำลองตลาดและทดสอบแบบจำลองCAPMว่าสามารถอธิบายอัตราผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนได้หรือไม่และเปรียบเทียบค่าเบต้าของอัตราผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนกับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดว่าเป็นไปตามทฤษฎีที่ว่าหลักทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนจะมีความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วยหรือไม่
จากผลการศึกษาวิจัยพบว่าพอร์ตการลงทุนที่ลงทุนในหลักทรัพย์ที่ดีและถูกในสัดส่วน 4:1 จะสามารถมีอัตราผลตอบแทนที่ชนะตลาดได้และเมื่อนำค่าสัมประสิทธิ์ของอัตราผลตอบแทนส่วนเกินมาเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนของแบบจำลองตลาดพบว่าค่าสัมประสิทธิ์ผลตอบแทนของแบบจำลองตลาดมากกว่าอัตราผลตอบแทนส่วนเกินและเมื่อนำอัตราผลตอบแทนส่วนเกินไปเปรียบเทียบกับCAPMแล้วพบว่าCAPM สามารถอธิบายอัตราผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนที่ชนะตลาดได้แต่เมื่อดูค่าความเสี่ยงที่เป็นระบบแล้วพบว่าไม่เป็นไปตามทฤษฎีที่ว่าหลักทรัพย์ที่ความเสี่ยงสูงจะให้อัตราผลตอบแทนที่สูงตามไปด้วย