Existing evidence suggests that the

Existing evidence suggests that the early adopters of microgeneration systems are higher income groups [22]. If policies designed to encourage DG are focused on households installing and paying for small-scale generation technologies (as is the case for the current FIT scheme, and the Low Carbon Buildings Programme),21 Walker [89] argues that there is the risk of middle classes actively investing in such technologies, whilst the low-income groups rely on traditional electricity and gas supplies. If technology advances mean that investors in microgeneration benefit from falling energy costs, then the problem of fuel poverty will be exacerbated. Walker [89] instead argues that national and local governments, housing associations and/or energy providers should actively pursue the provision of microgeneration technologies in alternative ways, for example via fuel poverty programmes that provide grant funding for low-income groups

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลักฐานที่มีอยู่แสดงให้เห็นว่า ผู้รับบุตรบุญธรรมก่อนระบบ microgeneration เป็นกลุ่มรายได้สูงขึ้น [22] ถ้านโยบายมาให้ DG จะมุ่งเน้นครัวเรือนที่ติดตั้ง และจ่ายเงินสำหรับเทคโนโลยีการผลิตขนาดเล็ก (เป็นกรณีกับแผนปัจจุบัน และโปรแกรมอาคารคาร์บอนต่ำ) Walker 21 [89] แย้งว่า มีความเสี่ยงของชนชั้นกลางที่กำลังลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าว ในขณะที่กลุ่มมีรายได้ต่ำพึ่งพาเครื่องใช้ไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติแบบดั้งเดิม หากเทคโนโลยีก้าวหน้าหมายความ ว่า นักลงทุนในโครงการ microgeneration จากต้นทุนพลังงานที่ลดลง แล้วปัญหาความยากจนเชื้อเพลิงจะมา วอล์คเกอร์ [89] แต่แย้งว่า รัฐบาลท้องถิ่น และระดับชาติ สมาคมที่อยู่อาศัย หรือผู้ให้บริการพลังงานควรกระตือรือร้นติดตามของเทคโนโลยี microgeneration ในทางเลือก เช่นผ่านทางโปรแกรมยากจนเชื้อเพลิงที่ให้เงินช่วยเหลือเงินทุนสำหรับกลุ่มรายได้ต่ำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลักฐานที่มีอยู่แสดงให้เห็นว่าในช่วงเริ่มต้นของระบบการ microgeneration กลุ่มรายได้สูง [22] หากนโยบายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้ DG จะมุ่งเน้นไปที่ผู้ประกอบการติดตั้งและการจ่ายเงินสำหรับเทคโนโลยีรุ่นขนาดเล็ก (เป็นกรณีสำหรับโครงการ FIT ปัจจุบันและอาคารคาร์บอนต่ำโครงการ) 21 วอล์คเกอร์ [89] ระบุว่ามีความเสี่ยงของ ชนชั้นกลางกระตือรือร้นในการลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวในขณะที่กลุ่มที่มีรายได้ต่ำพึ่งพาไฟฟ้าและก๊าซวัสดุแบบดั้งเดิม หากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีหมายความว่านักลงทุนใน microgeneration Bene Fi T จากต้นทุนพลังงานที่ลดลงแล้วปัญหาของความยากจนน้ำมันเชื้อเพลิงจะเลวร้ายลง วอล์คเกอร์ [89] แทนระบุว่ารัฐบาลแห่งชาติและระดับท้องถิ่น, สมาคมที่อยู่อาศัยและ / หรือผู้ให้บริการพลังงานอย่างแข็งขันควรติดตามการจัดหาเทคโนโลยี microgeneration ในรูปแบบทางเลือกเช่นผ่านโปรแกรมเชื้อเพลิงความยากจนที่ให้เงินทุนสำหรับกลุ่มรายได้ต่ำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลักฐานที่มีอยู่แสดงให้เห็นว่า adopters ต้นของระบบ microgeneration สูงกว่ารายได้กลุ่ม [ 22 ] ถ้านโยบายที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ DG เน้นครัวเรือนติดตั้งและจ่ายสำหรับเทคโนโลยีรุ่นเล็ก ( เป็นกรณีสำหรับโครงการเหมาะสมในปัจจุบันและคาร์บอนต่ำอาคารโครงการ 21 วอล์คเกอร์ [ 89 ] ระบุว่ามีความเสี่ยงของชนชั้นกลางอย่างการลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าว ขณะที่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยใช้ไฟฟ้าแบบดั้งเดิม และแก๊สซัพพลาย ถ้ามีความก้าวหน้าเทคโนโลยีหมายความว่านักลงทุนใน microgeneration ดีจึงไม่ตกลงมาต้นทุนพลังงาน แล้วปัญหาความยากจนเชื้อเพลิงจะทวีความรุนแรงขึ้น วอล์คเกอร์ [ 89 ] แทนระบุว่ารัฐบาลทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น สมาคมที่อยู่อาศัยและ / หรือผู้ให้บริการพลังงานควรอย่างไล่ตามบทบัญญัติของ microgeneration เทคโนโลยีด้วยวิธีการอื่น เช่น ผ่านโปรแกรมที่ให้เชื้อเพลิงความยากจนให้เงินทุนสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย