นอกจากนี้วัยรุ่นจำนวนมากยังใช้เวลาในแต่ละวันอยู่กับโทรศัพท์มือถือโดยใช้พูดคุยกับเพื่อน/แฟน เล่นเกมส์ ฟังเพลง ถ่ายรูป ฯลฯ มากกว่าจะใช้เวลากับพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ทุกวันนี้วัยรุ่นจำนวนมากคิดว่าโทรศัพท์มือถือเป็นแทบทุกอย่างสำหรับพวกเขา เป็นทั้งเครื่องมือแก้เหงา เครื่องมือคลายเครียด เครื่องมือเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเพื่อน และแฟน ฯลฯ วัยรุ่นจึงให้ความสำคัญกับโทรศัพท์มือถือมากจนเกินความจำเป็น ส่งผลให้เกิดประเด็นปัญหาทางสังคมตามมา ทั้งนี้การที่เด็กและวัยร่นใช้โทรศัพท์มือถือมากจนเกินไปมีโอกาสเสี่ยงต่อคลื่นโทรศัพท์มือถือ ที่ผ่านเข้าไปในสมองทำให้เกิดอาการตากๆ มากมายตามมา หากมีการใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน พบว่ามีอาการปวดหัว นอนไม่หลับ สูญเสียความจำในช่วงเวลาสั้นๆ เลือดกำเดาไหล และผู้ใช้โทรศัพท์ที่เป็นเด็ก มีอาการเป็นโรคลมบ้าหมูมากขึ้น ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมีโอกาสเป็นเนื้องอกในม่านตาเพิ่มขึ้นสามเท่า ทั้งหมดนี้เป็นงานวิจัยหลายชิ้นที่พยายามชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของการใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน
จริงอยู่ว่าโทรศัพท์เป็นอำนาจอย่างหนึ่งในแง่ของการสื่อสาร เมื่อระบบเวลายังเร่งเร้าให้ชีวิตของคนในสังคมเกิดความเครียด หากว่าโทรศัพท์มือถือถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความสอดคล้องจำเป็นกับภาระอันหนักอึ้งไปได้ แม้ว่าผู้ใหญ่บางท่าน ผู้ใหญ่ใช้โทรศัพท์มือถือนั้นดีกว่าเด็กใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะเพียงจะอ้างเอาว่าให้รายได้ในมือเพิ่มขึ้น เช่น ถ้าคุณรับจ้างตัดหญ้า คุณไม่มีเบอร์โทรศัพท์มือถือ ก็ขาดลูกค้า ถ้ามีเบอร์โทรติดต่อ ก็จะทำให้จัดคิวผู้จ้างคุณได้ง่าย เป็นต้น ก็คงจะเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตผู้ใหญ่มาเทียบอ้างกับเด็กวัยรุ่นไม่ได้ ถ้าคุณยังกลัวเด็กน้อยหน้าคนอื่น กลัวมีไม่เท่าเทียมคนอื่น ก็อย่าเอ่ยปากมาดีกว่า พูดไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์ ควรจะเข้าใจก่อน แล้วสร้างกรอบคิดและกรอบการใช้โทรศัพท์มือถือให้เกิดประโยชน์และรู้จักมัธยัสถ์อย่างแท้จริง