van Gogh taught in a Methodist boys

van Gogh taught in a Methodist boys school. and also preached to the congregation. Although raised in a religious family. it wasn't until this time to he seriously began to consider life to the church. Hoping become minister, his of Theology in Amsterdam. After a year of studying diligently. he refused to take Prepared to take the entrance exam the School was the Latin exams calling Latin a "dead language" of poor people, and subsequently denied entrance. The same thing happened at the Church of Belgium: In the winter of 1878 van Gogh volunteered to move to an impoverished in the south of coal mine Belgium, a place where preachers were usually sent as punishment. He preached and ministered to the sick, and also drew pictures and their families who called him "Christ of the Coal Mines The evangelical committees were not as pleased. They disagreed with van Gogh's lifestyle, which had begun to take on a tone of mar They refused to renew van Gogh's contract, and he was forced to find another occupation In the fall of 1880, van Gogh decided to move to Brussels and become an artist. Though he had no formal art training, his younger brother Theo who worked as an art dealer, offered to support van Gogh financially. He began taking lessons on his own, studying books like Travaux des champs by Jean-Francois Millet and Cours de dessin by Charles Bargue. Van Gogh had a catastrophic love life. He was attracted to women in trouble, thinking he could help them. His cousin, Kate was recently widowed, and when van Gogh fell in love with her, she was repulsed and fled to her home in Amsterdam. He then moved to The Hague and fell in love with clasina Maria Hoornik, an alcoholic prostitute. She became his companion, mistress and model. When Hoornik went back to prostitution, van Gogh became utterly depressed. In 1882, his family threatened to cut off his money unless he left Hoornik and The Hague. Van Gogh left in mid-September of that year to travel to Drenthe, a somewhat desolate district in the Netherlands. For the next six weeks, he lived a nomadic life, moving throughout the region while drawing and painting the landscape and its people

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตู้เซฟที่สอนในโรงเรียนชายสโต้ และยังมีประกาศให้ที่ชุมนุมชน แม้ว่าการเติบโตในครอบครัวศาสนา มันไม่ได้จนกระทั่งเวลานี้อย่างจริงจังเริ่มพิจารณาชีวิตเพื่อคริสตจักร หวังเป็นรัฐมนตรีว่ากระทรวง เทววิทยาในอัมสเตอร์ดัมของเขา หลังจากปีของการเรียนหมั่น เขาปฏิเสธการ Prepared จะสอบเข้าโรงเรียนสอบติเรียกเป็น "ตายภาษาลาติน" ของคนจน และต่อมาปฏิเสธเข้า เหมือนที่เกิดขึ้นที่คริสตจักรเบลเยียม: ในฤดูหนาวค.ศ. 1878 ตู้เซฟ volunteered ย้ายไปจนใต้ถ่านหินเหมืองเบลเยี่ยม สถานที่บาทหลวงจะส่งเป็นโทษ เขาประกาศ และปฏิบัติกับผู้ป่วย และวาดรูปภาพและครอบครัวของพวกเขาที่เรียกว่าเขา "คริสต์ evangelical คณะกรรมการเหมืองถ่านหินได้ไม่พอใจเป็น พวกเขา disagreed กับตู้เซฟชีวิต ซึ่งเริ่มใช้ในเสียงของพวกเขาปฏิเสธการต่ออายุสัญญาตู้เซฟ mar และเขาถูกบังคับให้หาอาชีพอื่นในฤดูใบไม้ร่วงของ 1880 ตู้เซฟจึงตัดสินใจย้ายไปบรัสเซลส์ และกลายเป็น ศิลปิน แม้ว่าเขาไม่มีศิลปะทางการฝึกอบรม น้องเขาทีที่ทำงานเป็นผู้จำหน่ายเป็นศิลปะ นำเสนอสนับสนุนตู้เซฟเงิน เขาเริ่มการเรียนในตน เรียนหนังสือเช่น Travaux เดช็องเซลีเซ โดยฟ่างฌองรีสฟรนคอยส์และผับ dessin เดโดยชาร์ลส์ Bargue ตู้เซฟมีชีวิตรักรุนแรง กำลังดูดผู้หญิง ปัญหาที่คิดว่า เขาสามารถช่วยให้พวกเขา ก. เคตถูก widowed ล่า และเมื่อตู้เซฟลดลงมือรักเธอ เธอ repulsed และหนีไปบ้านของเธอในอัมสเตอร์ดัม เขาแล้วย้ายไปกรุงเฮก และรักกับ clasina Hoornik มาเรีย โสเภณีเป็นแอลกอฮอล์ เธอเป็นเพื่อนของเขา เล็ก และแบบจำลอง เมื่อ Hoornik ไปค้าประเวณี ตู้เซฟกลายเป็นซึมเศร้าโคตร ใน 1882 ครอบครัวของเขาถูกตัดเงินของเขาเว้นแต่เขาเหลือ Hoornik และเดอะเฮก ตู้เซฟซ้ายในกลางเดือนกันยายนของปีที่จะเดินทางไป Drenthe อำเภอค่อนข้างอ้างว้างในเนเธอร์แลนด์ หกสัปดาห์ถัดไป เขาอาศัยชีวิต nomadic ย้ายทั่วภูมิภาคในขณะที่การวาด และการวาดภาพภูมิทัศน์และคน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แวนโก๊ะสอนในโรงเรียนชายเมธ และประกาศให้การชุมนุม แม้ว่าเลี้ยงดูมาในครอบครัวศาสนา มันไม่ได้จนกว่าจะถึงเวลานี้เขาอย่างจริงจังเริ่มพิจารณาชีวิตให้กับคริสตจักร หวังเป็นรัฐมนตรีของเขาเทววิทยาในอัมสเตอร์ดัม หลังจากปีของการศึกษาอย่างขยันขันแข็ง เขาปฏิเสธที่จะใช้เวลาเตรียมที่จะใช้สอบเข้าโรงเรียนคือการสอบภาษาละตินเรียกละติน "ภาษาตาย" ของคนยากจนและเข้าปฏิเสธในภายหลัง สิ่งเดียวกันที่เกิดขึ้นในคริสตจักรของเบลเยียม: ในช่วงฤดู​​หนาว 1878 ฟานก็อกฮ์อาสาที่จะย้ายไปยังยากจนในภาคใต้ของเหมืองถ่านหินเบลเยียม, สถานที่ที่ถูกส่งไปเทศน์มักเป็นการลงโทษ เพราะพระองค์ทรงเทศน์และปรนนิบัติผู้ป่วยและยังดึงภาพและครอบครัวของพวกเขาที่เรียกเขาว่า "คริสต์เหมืองถ่านหินคณะกรรมการพระเยซูไม่พอใจเป็น. พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการดำเนินชีวิตของแวนโก๊ะซึ่งได้เริ่มที่จะใช้ในน้ำเสียงของ มี.ค. พวกเขา ปฏิเสธที่จะต่อสัญญาของแวนโก๊ะและเขาถูกบังคับให้หาอาชีพอื่นในฤดูใบไม้ร่วงปี 1880 ที่ฟานก็อกฮ์ตัดสินใจที่จะย้ายไปที่กรุงบรัสเซลส์และกลายเป็นศิลปิน. แม้ว่าเขาจะไม่มีการฝึกอบรมศิลปะอย่างเป็นทางการน้องชายของเขาธีโอที่ทำงานเป็นศิลปะ ตัวแทนจำหน่ายที่นำเสนอเพื่อสนับสนุนแวนโก๊ะทางการเงิน. เขาเริ่มการเรียนของตัวเองเรียนหนังสือเช่น Travaux des แชมป์โดย Jean-Francois ข้าวฟ่างและ Cours de Dessin โดยชาร์ลส์ Bargue. แวนโก๊ะมีชีวิตรักของภัยพิบัติ. เขาถูกดึงดูดให้ผู้หญิงใน ปัญหาคิดว่าเขาสามารถช่วยให้พวกเขา. ญาติของเขาเคทเป็นม่ายเมื่อเร็ว ๆ นี้และเมื่อแวนโก๊ะตกหลุมรักกับเธอเด็ดขาดและหนีไปที่บ้านของเธอในกรุงอัมสเตอร์ดัม. จากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่ที่กรุงเฮกและตกหลุมรักกับ clasina มาเรีย Hoornik เป็นโสเภณีที่มีแอลกอฮอล์ เธอกลายเป็นที่รักของเขา, และรูปแบบ เมื่อ Hoornik กลับไปค้าประเวณีแวนโก๊ะก็มีความสุขอย่างเต็มที่ ในปี ค.ศ. 1882 ครอบครัวของเขาขู่ว่าจะตัดเงินของเขาถ้าเขาซ้าย Hoornik และกรุงเฮก แวนโก๊ะที่เหลืออยู่ในช่วงกลางเดือนกันยายนของปีที่จะเดินทางไปยังเดรันต์ย่านค่อนข้างรกร้างในประเทศเนเธอร์แลนด์ หกสัปดาห์ต่อมาเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนย้ายทั่วทั้งภูมิภาคในขณะที่วาดภาพและการวาดภาพภูมิทัศน์และประชาชน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แวนโก๊ะสอนในระเบียบเด็กโรงเรียน และยังประกาศที่จะชุมนุม แม้ว่าจะเติบโตมาในครอบครัวที่เคร่งศาสนา . มันไม่ได้จนกว่าจะถึงเวลาให้เขาเริ่มคิดถึงชีวิตในโบสถ์จริงๆ หวังเป็นรัฐมนตรี ของเทววิทยาในอัมสเตอร์ดัม หลังจากปีของการศึกษาอย่างจริงจังเขาปฏิเสธที่จะใช้เตรียมสอบเข้า โรงเรียนเป็นภาษาละตินภาษาละตินเรียกสอบ " ภาษาที่ตายแล้ว " ของคนจน และต่อมาได้ปฏิเสธการเข้า เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โบสถ์ของเบลเยียมในฤดูหนาว 1878 แวนโก๊ะอาสาที่จะย้ายไปที่ยากจนทางตอนใต้ของเหมืองถ่านหินเบลเยียม , สถานที่ที่นักเทศน์มักจะส่งเป็นการลงโทษเขาประกาศ และปรนนิบัติคนป่วย และก็วาดรูป และครอบครัวของพวกเขาที่เรียกเขาว่า " พระเจ้าของเหมืองถ่านหินคณะกรรมการศาสนาอย่างไม่พอใจ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการใช้ชีวิตของแวน โก๊ะ ซึ่งได้เริ่มใช้ในเสียงของมาร์ เขาปฏิเสธที่จะต่ออายุสัญญาของแวน โก๊ะ และเขาถูกบังคับให้ต้องไปหาอาชีพอื่นในฤดูใบไม้ร่วงของปีค.ศ. 1880แวน โก๊ะ ที่ตัดสินใจย้ายไปบรัสเซลส์และกลายเป็นศิลปิน แม้ว่าเขาจะได้จัดการฝึกอบรมศิลปะของเขา น้องชายธีโอซึ่งทำงานเป็นพ่อค้างานศิลปะ เสนอ เพื่อสนับสนุนทางการเงิน แวนโก๊ะ เขาเริ่มเรียนด้วยตัวเอง อ่านหนังสือเหมือนของ des Champs โดยฌอง ฟรังซัวส์ ข้าวฟ่างและกูร์เดอ เดสซินโดยชาร์ลส์ bargue . แวน โก๊ะ มีความรักที่รุนแรงในชีวิตเขาถูกดึงดูดให้ผู้หญิงมีปัญหา และคิดว่าเขาสามารถช่วยพวกเขาได้ ญาติของเขา เคทเพิ่งเป็นหม้าย และเมื่อ Van Gogh ตกหลุมรักเธอ เธอผลักหนีเข้าไปในบ้าน ใน อัมสเตอร์ดัม จากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่ที่กรุงเฮก และตกหลุมรัก clasina มาเรีย hoornik , โสเภณีขี้เมา เธอกลายเป็นเพื่อนแบบผู้หญิงและ . เมื่อ hoornik กลับไปขายตัวแวนโก๊ะก็โคตรเศร้า ใน 1882 , ครอบครัวของเขาขู่จะตัดเงินของเขา ถ้าเขาทิ้ง hoornik และเฮก แวนโก๊ะแล้วในเดือนกันยายน ช่วงกลางของปีที่เดินทางไป เดรนเธ่ , ตำบลค่อนข้างเปลี่ยวในเนเธอร์แลนด์ ในอีก 6 สัปดาห์ เขาใช้ชีวิตเร่ร่อน ไปทั่วภูมิภาคในขณะที่วาดภาพทิวทัศน์และผู้คน