If you have recently cut back on so

If you have recently cut back on soda or eliminated it from your diet entirely, congratulations! You deserve to be proud. Sales of carbonated soft drinks have dropped for the 11th consecutive year in the U.S. This is great news!

The message is spreading that soda is a health disaster, and increasing numbers of Americans are ditching it in favor of their health. This is one more example that we're winning the war against the junk food and beverage industries.

Better still, the rate of decline is increasing. Carbonated soft drink sales declined by 1.2 percent in 2015, as measured by total volume, which is a greater decline than the 0.9 percent drop in 2014.

Soda Consumption at Its Lowest Rate Since 1985

Annual per capita consumption of carbonated soft drinks in 2015 was 650 8-ounce servings, the lowest rate since 1985.1

PepsiCo had the steepest decline — a 3.1 percent volume loss — and their Diet Pepsi product was particularly hard hit with a nearly 6 percent drop. Coke wasn't hit as hard — it had a 1 percent loss. Diet Coke faced similar losses as Diet Pepsi with a 5.6 percent drop.

Diet soda is falling out of favor due to the growing unpopularity of artificial sweeteners like aspartame and sucralose (Splenda).

PepsiCo even replaced the aspartame in Diet Pepsi with Splenda in 2015 in an effort to win back customers who've become wary of aspartame's health effects — but it clearly didn't work.

Coca-Cola has also been trying to stave off further slumps in sales. In 2013, the company rolled out an ad campaign encouraging people to unite in the fight against obesity, but the campaign backfired.2

The ads drew fire from consumers, consumer advocates, and obesity experts, and many saw the campaign as little more than an effort in damage control, considering the overwhelming evidence linking soda consumption to obesity.

Coca-Cola Tries to Convince Americans to Drink Diet Soda

Soon thereafter, Coca-Cola launched another ad campaign, this time assuring the public that diet beverages containing the artificial sweetener aspartame are a safe alternative to regular soda.

They even released an industry-funded study that claimed diet soda drinkers lose weight faster than those who don't drink any soda. That study was also heavily criticized.

Purdue University researcher Susie Swithers, Ph.D., whose own research showed that diet drinks promote heart problems and animals fed artificial sweeteners develop a disrupted metabolic response to real sugar, called the study "fatally flawed."3

For more on the detrimental effects of diet sodas, including in relation to weight gain, check out our infographic below.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ถ้าคุณเพิ่งลดโซดา หรือกำจัดมันจากอาหารของคุณ ขอแสดงความยินดี คุณสมควรจะภาคภูมิใจ ขายของน้ำอัดลมตก 11 ปีติดต่อกันในสหรัฐอเมริกา นี่คือข่าวดีข้อความมีการแพร่กระจายว่า โซดาภัยสุขภาพ และตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของชาวอเมริกันจะกึ่งในความโปรดปรานของสุขภาพ นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่ว่า เราจะชนะสงครามต่อต้านอาหารขยะและอุตสาหกรรมเครื่องดื่มมากขึ้นยังคงดีขึ้น เพิ่มอัตราการลดลง ดื่มน้ำอัดลมขายที่ปฏิเสธ โดยร้อยละ 1.2 ในปี 2015 ที่วัดได้ โดยปริมาตรทั้งหมด ซึ่งจะลดลงมากขึ้นกว่าการลดลงร้อยละ 0.9 ในปี 2557การใช้โซดาในอัตราต่ำสุดตั้งแต่ปี 1985ใช้ต่อหัวประจำปีของน้ำอัดลมในปี 2015 ถูก 650 8 ออนซ์เสิร์ฟ อัตราต่ำสุดตั้งแต่ 1985.1PepsiCo มีการแข่งขันลดลง — การสูญเสียปริมาณร้อยละ 3.1 — ตียากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบบเกือบหล่น 6 เปอร์เซ็นต์และผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่อาหารของพวกเขา โค้กไม่ได้ตีเป็นยาก — มีการสูญเสียร้อยละ 1 ทโค้กประสบขาดทุนคล้ายเป็นเป๊ปซี่อาหารกับการลดลงร้อยละ 5.6อาหารจะตกจำเลยเนื่องจาก unpopularity การเติบโตของสารให้ความหวานเทียมเช่นแอสปาร์แตมและซูครา (Splenda)PepsiCo แม้แต่แทนที่แอสปาร์แตมในอาหารเป๊ปซี่ ด้วย Splenda 2015 ในความพยายามที่จะชนะกลับลูกค้าที่เป็นผลกระทบต่อสุขภาพของแอสปาร์แตมระวัง — แต่มันชัดเจนไม่ได้โคคาโคล่ายังพยายามป้องกันการพับเพิ่มเติมได้ที่นอนในการขาย ใน 2013 บริษัทเปิดตัวแคมเปญโฆษณาคนรวมกันในการต่อสู้กับโรคอ้วน แต่ backfired.2 ส่งเสริมการขายโฆษณาที่ดึงไฟจากผู้บริโภค ผู้บริโภคสนับสนุน และผู้เชี่ยวชาญโรคอ้วน และหลายคนเห็นแคมเปญเป็นยิ่งกว่าความพยายามในการควบคุมความเสียหาย พิจารณาหลักฐานอย่างท่วมท้นที่เชื่อมโยงการใช้โซดากับโรคอ้วนพยายามโน้มน้าวให้คนอเมริกันดื่มโซดาอาหารโคคาโคล่าเร็ว ๆ นี้หลังจากนั้น โคคาโคล่าเปิดแคมเปญโฆษณาอื่น เวลานี้มั่นใจประชาชนที่อาหารเครื่องดื่มที่ประกอบด้วยแอสปาร์แตมซัคเทียมเป็นทางเลือกปลอดภัยให้โซดาปกตินอกจากนี้พวกเขาได้ออกศึกษาทุนอุตสาหกรรมที่อ้างว่า ผู้ดื่มโซดาอาหารลดน้ำหนักได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ดื่มโซดาใด ๆ วิพากษ์วิจารณ์ว่า การศึกษาเป็นอย่างมากนักวิจัยมหาวิทยาลัยเพอร์ดู Susie Swithers, Ph.D. ซึ่งมีการวิจัยพบว่า เครื่องดื่มอาหารส่งเสริมปัญหาหัวใจ และอาหารสารให้ความหวานเทียมสัตว์พัฒนาตอบสนองชะงักเผาผลาญน้ำตาลจริง เรียกว่า "ติดเหล้าข้อบกพร่อง" การศึกษา 3สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลเสียของอาหารโซดา กับน้ำหนัก ตรวจสอบข้อมูลกราฟิกของเราด้านล่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หากคุณมีการตัดเมื่อเร็ว ๆ นี้กลับมาอยู่บนโซดาหรือกำจัดมันจากอาหารของคุณทั้งหมดขอแสดงความยินดี! คุณควรที่จะเป็นความภาคภูมิใจ ยอดขายของเครื่องดื่มน้ำอัดลมได้ลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 11 ในสหรัฐอเมริกานี้เป็นข่าวที่ดี!

ข้อความที่มีการแพร่กระจายโซดาที่เป็นภัยต่อสุขภาพและตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของชาวอเมริกันจะอร่อยในความโปรดปรานของสุขภาพของพวกเขา นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่เรากำลังชนะสงครามกับอาหารขยะและเครื่องดื่มอุตสาหกรรม.

ยังดีกว่าอัตราการลดลงจะเพิ่มขึ้น อัดลมยอดขายเครื่องดื่มลดลงร้อยละ 1.2 ในปี 2015 โดยวัดจากปริมาณรวมซึ่งเป็นลดลงมากกว่าร้อยละ 0.9 ลดลงในปี 2014

การบริโภคโซดาในอัตราที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1985

การบริโภคต่อหัวประจำปีของเครื่องดื่มน้ำอัดลมในปี 2015 เป็น 650 เสิร์ฟ 8 ออนซ์อัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ 1,985.1

PepsiCo มีการลดลงลาดชัน - การสูญเสียปริมาณร้อยละ 3.1 - และผลิตภัณฑ์ของตนเป๊ปซี่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างหนักกับการลดลงเกือบร้อยละ 6 โค้กไม่ได้ถูกตีอย่างหนัก - มันมีการสูญเสียร้อยละ 1 Diet Coke ต้องเผชิญกับความสูญเสียที่คล้ายกันเป็นเป๊ปซี่กับลดลงร้อยละ 5.6.

โซดาอาหารจะลดลงจากความโปรดปรานเนื่องจากการไม่เป็นที่นิยมที่เพิ่มขึ้นของสารให้ความหวานเทียมเช่นสารให้ความหวานและซูคราโลส (Splenda).

PepsiCo แม้แทนที่สารให้ความหวานในอาหารของเป๊ปซี่กับ Splenda ในปี 2015 ใน ความพยายามที่จะชนะกลับลูกค้าที่ได้กลายเป็นที่ระมัดระวังของสารให้ความหวานของผลกระทบต่อสุขภาพ - แต่มันชัดเจนไม่ได้ทำงาน.

Coca-Cola ยังได้รับการพยายามที่จะเจาะทะลุออกฟุบต่อไปในการขาย ในปี 2013 บริษัท ฯ รีดออกแคมเปญโฆษณาส่งเสริมให้คนที่จะรวมกันในการต่อสู้กับโรคอ้วน แต่แคมเปญ backfired.2

โฆษณาดึงไฟจากผู้บริโภคสนับสนุนของผู้บริโภคและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอ้วนและหลายคนเห็นแคมเปญน้อยกว่า ความพยายามในการควบคุมความเสียหายพิจารณาหลักฐานเชื่อมโยงการบริโภคโซดากับโรคอ้วน.

Coca-Cola พยายามโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันที่จะดื่มโซดาอาหาร

หลังจากนั้นไม่นาน Coca-Cola เปิดตัวแคมเปญโฆษณาอีกครั้งมั่นใจประชาชนว่าเครื่องดื่มที่รับประทานอาหารที่มีสารให้ความหวานสารให้ความหวานเทียม เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยในการโซดาปกติ.

พวกเขายังได้รับการปล่อยตัวจากการศึกษาอุตสาหกรรมกองทุนที่อ้างว่าการรับประทานอาหารดื่มโซดาลดน้ำหนักได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ดื่มโซดาใด ๆ การศึกษาที่ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก.

มหาวิทยาลัยเพอร์ดูนักวิจัยซูซี่ Swithers, Ph.D. , ที่มีการวิจัยแสดงให้เห็นว่าตัวเองเครื่องดื่มอาหารส่งเสริมปัญหาหัวใจและสัตว์เลี้ยงให้ความหวานเทียมพัฒนาตอบสนองต่อการเผาผลาญน้ำตาลกระจัดกระจายจริงที่เรียกว่าการศึกษา "ข้อบกพร่องสาหัส." 3

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบที่เป็นอันตรายของโซดาอาหารรวมทั้งในความสัมพันธ์กับการเพิ่มน้ำหนักให้ตรวจสอบ Infographic ของเราด้านล่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ถ้าคุณได้รับเมื่อเร็ว ๆนี้ตัดกลับโซดาหรือตัดออกจากอาหารของคุณทั้งหมด ยินดีด้วย ! คุณควรจะภูมิใจ ขายเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมได้ลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 11 ในสหรัฐอเมริกา นี้เป็นข่าวที่ดี !ส่งข้อความไปที่โซดาคือ ภัยสุขภาพ และการเพิ่มจำนวนของชาวอเมริกันที่ถูกทิ้งมันในความโปรดปรานของสุขภาพของพวกเขา นี้คือตัวอย่างหนึ่งที่เราจะชนะในสงครามกับอุตสาหกรรมอาหารขยะและเครื่องดื่มดีขึ้น แต่อัตราการลดลงของเพิ่มขึ้น น้ำอัดลมขายลดลงร้อยละ 1.2 ในปี 2015 ซึ่งวัดโดยปริมาณรวม ซึ่งลดลงมากกว่าร้อยละ 0.9 ลดลงในปี 2014โซดาบริโภคของราคาตั้งแต่ปี 1985การบริโภคต่อหัวต่อปีของเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมในปี 2015 650 เสิร์ฟ 8 ออนซ์ ซึ่งเป็นอัตราตั้งแต่ 1985.1กำลังมีการลดลง - สิ่งที่เป็นร้อยละ 3.1 ปริมาณการสูญเสียของผลิตภัณฑ์อาหารและเป๊ปซี่ก็ยิ่งยากที่จะตีด้วยเกือบร้อยละ 6 ลดลง โค้กไม่ใช่ตีแรงมันมีการสูญเสีย 1 เปอร์เซ็นต์ ไดเอ็ทโค้กเผชิญความสูญเสียที่คล้ายกับอาหารเป๊ปซี่กับร้อยละ 5.6 ลดลงโซดาอาหารที่ตกออกมาจากกระป๋อง เนื่องจากการเติบโต unpopularity สารให้ความหวานเทียมเช่นและซูคราโลสสารให้ความหวาน ( น้ำตาลเทียม )กำลังจะเปลี่ยนสารให้ความหวานในอาหารเป๊ปซี่ ที่มี Splenda ในปี 2015 ในความพยายามที่จะชนะกลับลูกค้าที่กลายเป็นระมัดระวังผลกระทบสุขภาพสารให้ความหวาน แต่มันไม่ได้ผลโคคา - โคล่า ยังพยายามที่จะขจัด slumps เพิ่มเติมในการขาย ในปี 2013 บริษัทรีดออกโฆษณารณรงค์ให้ประชาชนรวมตัวกันในการต่อสู้กับโรคอ้วน แต่แคมเปญนี้ backfired .โฆษณาดึงไฟจากผู้บริโภค / ผู้บริโภค และโรคอ้วน ผู้เชี่ยวชาญ และหลายคนเห็นแคมเปญเป็นมากกว่าความพยายามในการควบคุมความเสียหาย จากการพิจารณาหลักฐานที่เชื่อมโยงการบริโภคโซดายุ่งยากโรคอ้วนโคคา - โคล่า พยายามโน้มน้าวให้คนอเมริกันดื่มโซดาอาหารหลังจากนั้นไม่นาน โค้กเปิดตัวแคมเปญโฆษณาอีก คราวนี้มั่นใจประชาชนที่อาหารและเครื่องดื่มที่มีสารให้ความหวานสารให้ความหวานเทียมเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยเพื่อโซดาปกติพวกเขายังออกอุตสาหกรรมเงินทุนการศึกษาที่อ้างว่าอาหารโซดาดื่มลดน้ำหนักได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มโซดา เรียนก็หนัก วิจารณ์มหาวิทยาลัยเพอร์ดูนักวิจัยซูซี่ swithers , Ph.D . , ที่มีเอง การวิจัยแสดงให้เห็นว่าอาหารเครื่องดื่มส่งเสริมปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและสัตว์เลี้ยงสารให้ความหวานเทียมพัฒนาหยุดชะงักการสลายน้ำตาลแท้ เรียกว่า " สาหัสศึกษาข้อบกพร่อง " 3สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลเสียของอาหาร sodas ซึ่งสัมพันธ์กับน้ำหนัก ดูภาพด้านล่าง