Problems facing wine producersWith

Problems facing wine producers

With increasing trade liberalization, many of the smaller wine growers are unable to compete and are being put out of business.

Wine has been socially and culturally significant to human society for thousands of years. Today there are many thousands of vineyards and wineries around the world producing a wide variety of uniquely flavourful wines. However, with increasing trade liberalization, many of the smaller wine growers are unable to compete and are being put out of business.

On many large wine plantations in developing countries hired workers are not protected from labour abuses.

There are currently Fairtrade certified wine producer organizations in South Africa, Argentina and Chile. Just as each country produces its unique grape varieties and blends, producers in these three countries also face unique economic, social and political challenges.

For vineyard workers in South Africa, the legacy of apartheid has meant limited opportunities for economic advancement. In addition to compliance with the basic Fairtrade standards, a special set of Fairtrade guidelines for South Africa has been implemented to support post-apartheid economic empowerment. These revolutionary programmes, in accordance with Fairtrade standards, mandate that previously disadvantaged workers can own shares of at least 25% of the business entity, for the first time providing land and business ownership opportunity to workers.

Small family farmers cultivating wine grapes in Argentina and Chile are susceptible to low market prices which do not generate enough income to meet their family’s basic needs. This limits their opportunity to invest in improving farming systems, lowers productivity and threatens their livelihood. Fairtrade certification helps farmers cover their costs of production and supports grape growers to maintain ownership of their farms against the pressure of large business competitors.
Benefits of Fairtrade for producers

Small farmers' cooperatives and plantations that produce Fairtrade certified wine and wine grapes are paid the Fairtrade Minimum Price, which aims to cover their average costs of sustainable production, or the market price, whichever is higher. They also receive the Fairtrade Premium to invest in social and economic initiatives in their communities.

Wine and wine grapes are produced on plantations and on small farm cooperatives. For this reason, Fairtrade has established Standards for wine grapes production for both plantations and small farmer organizations.
Standards for wine plantations:

Fairtrade Premium Committee of workers, advisors and management is responsible for managing the Fairtrade Premium. The Premium must be used to improve the socio-economic situation of the workers, their families and communities.
Forced labour and child labour of children under 15 years old is prohibited. Children aged 15 and above are protected from work that compromises their health or education.
Workers have freedom of association and collective agreements, including the right to establish or join an independent union, elect advisors and design their own programs. Working conditions are equitable for all workers. Salaries must be equal to or higher than the regional average or minimum wage in effect. Health and safety measures must be established.

Fairtrade Standards for wine cooperatives:

Producers are small family farms organized in cooperatives (or associations) which they own and govern democratically.
Cooperatives reinvest the Fairtrade Premium into development projects according to their community’s needs, including infrastructure and social services.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปัญหาหันหน้าไปทางผู้ผลิตไวน์กับการเปิดเสรีการค้าเพิ่มขึ้น เกษตรกรไวน์ขนาดเล็กจำนวนมากไม่สามารถที่จะแข่งขัน และกำลังย้ายจากธุรกิจไวน์มีสังคม และวัฒนธรรมอย่างมีนัยสำคัญต่อสังคมมนุษย์พัน ๆ ปี วันนี้มีหลายพันคนของไร่องุ่นและคุ้มทั่วโลกผลิตความหลากหลายของไวน์โดยเฉพาะ flavourful อย่างไรก็ตาม เปิดเสรีการค้าเพิ่มขึ้น เกษตรกรไวน์ขนาดเล็กจำนวนมากไม่สามารถที่จะแข่งขัน และกำลังย้ายจากธุรกิจบนหลายไร่ไวน์ขนาดใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนา คนเข้จะไม่รับการป้องกันจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนแรงงาน ขณะนี้มีความได้รับการรับรององค์กรผู้ผลิตไวน์ในประเทศแอฟริกาใต้ อาร์เจนตินา และชิลี เหมือนแต่ละประเทศผลิตองุ่นพันธุ์เฉพาะความผสม ผลิตในประเทศเหล่านี้สามยังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่ไม่ซ้ำสำหรับผู้ปฏิบัติงานสวนไวน์แอฟริกาใต้ มรดกของการแบ่งแยกสีผิวได้หมายความ จำกัดโอกาสสำหรับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ นอกจากปฏิบัติตามมาตรฐานความพื้นฐาน ชุดพิเศษความเป็นแนวทางสำหรับแอฟริกาใต้มีการใช้การสนับสนุนเสริมสร้างพลังอำนาจทางเศรษฐกิจของการแบ่งแยกสีผิวหลัง โปรแกรมเหล่านี้ปฏิวัติ ตามความมาตรฐาน อาณัติที่ว่า ก่อนหน้านี้ผู้คนสามารถเป็นเจ้าของหุ้นอย่างน้อย 25% ของเอนทิตีธุรกิจ เป็นครั้งแรกโอกาสเป็นเจ้าของที่ดินและธุรกิจให้ผู้ปฏิบัติงานเพาะปลูกองุ่นไวน์ในอาร์เจนตินาและชิลีเกษตรกรครอบครัวมีความไวต่อราคาตลาดต่ำที่สร้างรายได้เพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานของครอบครัว จำกัดโอกาสการลงทุนในการปรับปรุงระบบการทำฟาร์ม ออกผลผลิต และข่มขู่การดำรงชีวิตของพวกเขา รับรองความช่วยเกษตรกรที่ครอบคลุมต้นทุนการผลิต และสนับสนุนเกษตรกรองุ่นเพื่อรักษาความเป็นเจ้าของฟาร์มของตนกับแรงกดดันของคู่แข่งธุรกิจขนาดใหญ่ประโยชน์ของความสำหรับผู้ผลิตสหกรณ์ของเกษตรกรและสวนที่ผลิตความรับรองไวน์ และไวน์องุ่นชำระความต่ำราคา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อครอบคลุมต้นทุนเฉลี่ยผู้ผลิตอย่างยั่งยืน หรือราคาตลาด ใดก็จะสูงขึ้น พวกเขายังได้รับพรีเมี่ยมความการลงทุนในโครงการทางสังคม และเศรษฐกิจในชุมชนของตนมีผลิตไวน์ และไวน์องุ่น ในสวน และสหกรณ์ฟาร์มขนาดเล็ก ด้วยเหตุนี้ ความได้สร้างมาตรฐานสำหรับการผลิตไวน์องุ่นในสวนและชาวนาขนาดเล็กองค์กรมาตรฐานสำหรับปลูกไวน์: กรรมการพิเศษความแรงงาน ปรึกษา และจัดการรับผิดชอบการจัดการพิเศษความ พรีเมี่ยมต้องใช้เพื่อปรับปรุงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจสังคมของคนทำงาน ครอบครัว และชุมชน แรงงานบังคับ และห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีใช้แรงงานเด็ก เด็กอายุ 15 และข้างต้นมีป้องกันจากการทำงานที่ลดระดับในเรื่องของสุขภาพการศึกษา แรงงานมีเสรีภาพ และข้อตกลงรวม รวมถึงสิทธิที่จะสร้าง หรือเข้าร่วมสหภาพการอิสระ เลือกที่ปรึกษา และออกแบบโปรแกรมของตนเอง สภาพการทำงานเป็นธรรมสำหรับผู้ปฏิบัติงานทั้งหมด เงินเดือนต้องเท่ากับ หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคหรือค่าจ้างขั้นต่ำมีผลบังคับ ต้องมีสร้างมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขภาพสหกรณ์ไวน์: ความมาตรฐาน ผู้ผลิตมีฟาร์มครอบครัวขนาดเล็กที่จัดการในสหกรณ์ (หรือสมาคม) ซึ่งพวกเขาเป็นเจ้าของ และควบคุม democratically สหกรณ์ reinvest พรีเมี่ยมความเข้าพัฒนาโครงการตามความต้องการของชุมชนของพวกเขา รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและบริการสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปัญหาหันหน้าไปทางผู้ผลิตไวน์ที่มีการเปิดเสรีการค้าที่เพิ่มขึ้นมากของเกษตรกรผู้ปลูกไวน์ขนาดเล็กไม่สามารถที่จะแข่งขันและจะถูกนำออกจากธุรกิจ. ไวน์ที่ได้รับและสังคมอย่างมีนัยสำคัญทางวัฒนธรรมสังคมมนุษย์เป็นพัน ๆ ปี วันนี้มีหลายพันของไร่องุ่นและโรงงานผลิตไวน์ทั่วโลกการผลิตที่หลากหลายของไวน์ที่รสชาติไม่ซ้ำกัน แต่ด้วยการเพิ่มการเปิดเสรีทางการค้าหลายแห่งปลูกไวน์ขนาดเล็กไม่สามารถที่จะแข่งขันและจะถูกนำออกจากธุรกิจ. ในไร่ไวน์ขนาดใหญ่จำนวนมากในประเทศกำลังพัฒนาได้รับการว่าจ้างคนงานจะไม่ได้รับการคุ้มครองจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนแรงงาน. ปัจจุบันมีการได้รับการรับรององค์กร Fairtrade ผลิตไวน์ ในแอฟริกาใต้อาร์เจนตินาและชิลี เช่นเดียวกับที่แต่ละประเทศผลิตองุ่นพันธุ์ไม่ซ้ำกันและผสมของผู้ผลิตในทั้งสามประเทศยังเผชิญไม่ซ้ำกันทางเศรษฐกิจ, ความท้าทายทางสังคมและการเมือง. สำหรับคนงานในไร่องุ่นในแอฟริกาใต้มรดกของการแบ่งแยกสีผิวมีความหมาย จำกัด โอกาสสำหรับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการปฏิบัติตามมาตรฐาน Fairtrade พื้นฐานชุดพิเศษของแนวทาง Fairtrade สำหรับแอฟริกาใต้ได้รับการดำเนินการเพื่อรองรับการโพสต์การแบ่งแยกการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจ โปรแกรมเหล่านี้ปฏิวัติตามมาตรฐาน Fairtrade อาณัติที่ก่อนหน้านี้คนงานที่ด้อยโอกาสสามารถเป็นเจ้าของหุ้นไม่น้อยกว่า 25% ขององค์กรธุรกิจเป็นครั้งแรกที่ให้โอกาสที่ดินและเป็นเจ้าของธุรกิจกับแรงงาน. เกษตรกรครอบครัวขนาดเล็กการเพาะปลูกไวน์องุ่นในอาร์เจนตินาและ ชิลีมีความอ่อนไหวต่อราคาในตลาดต่ำซึ่งไม่ได้สร้างรายได้มากพอที่จะตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของครอบครัว ซึ่งจะ จำกัด โอกาสของพวกเขาที่จะลงทุนในการปรับปรุงระบบการทำฟาร์มลดการผลิตและการคุกคามชีวิตของพวกเขา รับรอง Fairtrade จะช่วยให้เกษตรกรครอบคลุมค่าใช้จ่ายของการผลิตและสนับสนุนการปลูกองุ่นเพื่อรักษาความเป็นเจ้าของฟาร์มของพวกเขากับแรงกดดันจากคู่แข่งทางธุรกิจขนาดใหญ่. ประโยชน์ของ Fairtrade สำหรับผู้ผลิตสหกรณ์เกษตรกรขนาดเล็กและสวนที่ผลิตไวน์ที่ได้รับการรับรอง Fairtrade และไวน์องุ่นจะได้รับเงิน Fairtrade ราคาต่ำสุดซึ่งมีเป้าหมายที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของการผลิตอย่างยั่งยืนหรือราคาตลาดแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า พวกเขายังได้รับพรีเมี่ยม Fairtrade ที่จะลงทุนในการริเริ่มทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนของพวกเขา. องุ่นไวน์และไวน์ที่มีการผลิตในไร่และสหกรณ์ฟาร์มขนาดเล็ก ด้วยเหตุนี้ Fairtrade ได้จัดตั้งมาตรฐานสำหรับการผลิตไวน์องุ่นทั้งสวนและองค์กรเกษตรกรรายย่อย. มาตรฐานสำหรับการเพาะปลูกไวน์: Fairtrade คณะกรรมการพรีเมี่ยมของคนงานที่ปรึกษาและการจัดการเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการพรีเมี่ยม Fairtrade พรีเมี่ยมจะต้องใช้ในการปรับปรุงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมของแรงงานครอบครัวและชุมชนของพวกเขา. การบังคับใช้แรงงานและการใช้แรงงานเด็กของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเป็นสิ่งต้องห้าม เด็กอายุ 15 ปีขึ้นไปได้รับการคุ้มครองจากการทำงานที่บั่นทอนสุขภาพหรือการศึกษาของพวกเขา. แรงงานมีเสรีภาพในการสมาคมและข้อตกลงร่วมกันรวมทั้งสิทธิที่จะสร้างหรือเข้าร่วมสหภาพแรงงานอิสระที่ปรึกษาการเลือกตั้งและการออกแบบโปรแกรมของตัวเอง เงื่อนไขในการทำงานมีความเท่าเทียมกันสำหรับคนงานทั้งหมด เงินเดือนจะต้องเท่ากับหรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคหรือค่าจ้างขั้นต่ำมีผลบังคับใช้ สุขภาพและมาตรการด้านความปลอดภัยจะต้องจัดตั้งขึ้น. มาตรฐาน Fairtrade สหกรณ์ไวน์: . ผลิตฟาร์มครอบครัวเล็ก ๆ ที่จัดอยู่ในสหกรณ์ (หรือสมาคม) ซึ่งพวกเขาเองและควบคุมประชาธิปไตยสหกรณ์ลงทุนพรีเมี่ยม Fairtrade เป็นโครงการพัฒนาตามความต้องการของชุมชนของพวกเขารวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและ บริการสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปัญหาที่เผชิญหน้ากับผู้ผลิตไวน์

กับการเปิดเสรีทางการค้ามากขึ้น หลายไร่ไวน์เล็กไม่สามารถแข่งขันและมีการใส่ออกจากธุรกิจ .

ไวน์ถูกสังคมและทางวัฒนธรรมที่สำคัญกับสังคมมนุษย์มานานหลายปี วันนี้มีหลายพันของไร่องุ่นและไวน์ทั่วโลกผลิตความหลากหลายของเอกลักษณ์ flavourful ไวน์ อย่างไรก็ตาม