The author is president of Kyoto Un

The author is president of Kyoto University in Japan. Japan has reached an important turning point. After World War II, the miracle of Japan's economic growth was achieved through technological innovation and a cheap, well-trained labor force. This innovation, however, was based on introducing basic technologies or concepts from the United States or Europe and improving them. The economic success of this “catch-up”' approach ended about a decade ago because of the strength of the Japanese yen, an increase in labor costs, and the growth of other countries in East and Southeast Asia. To achieve further economic development, Japan must develop breakthrough technologies that promise more benefits. This change is not easy, however, because all sectors of Japanese society—including political circles, the administration, industry, and education—have previously been oriented toward catching up economically.

Promotion of basic research is especially important for breakthrough technological innovation. To reach this goal, science and technology policies must be reformed. Science education has an important role to play in this reorientation toward fostering creative scientists. Japan's educational policy used to focus on raising the overall average of all students. This tended to produce excellent economic foot soldiers rather than true leaders, although it was successful in the catch-up phase of economic growth. The ability to cooperate was considered more important than individuality and creativity, and teachers put more effort into giving students technical knowledge than evoking an interest in science.

The Central Council for Education, an advisory body to the Ministry of Education, Science, Sports and Culture (Monbusho), is now discussing the reform of primary and secondary education. Its major goal would be to give more free time to schoolchildren and foster their interest in nature, science, and technology. Cultivation of individuality is another important goal. And in higher education, developing the creativity of gifted students is an important challenge.

Japanese universities have been undergoing radical changes in the past several years. Many are in the process of curricular reform, faculty development, and evaluation of teaching, in accordance with new policies for science education. University faculties, which used to be rather research-oriented, are slowly beginning to pay more attention to teaching. Before the war, graduate schools were small and attended only by academic researchers. Although the situation has slowly been changing in recent decades, the ratio of graduate to undergraduate students in Japan in 1993 (5.5%) was much smaller than the ratio in the United States (15.4%), the United Kingdom (37.2%), or France (18.3%). Over the past several years, Monbusho has encouraged universities to found or expand graduate schools, and the number of students is increasing very rapidly. It is more important, however, to change graduate education in order to respond to the public criticism that Ph.D. students in Japan are too specialized. Broader knowledge is required to open research frontiers and adapt to the rapid progress of science and technology. Finally, the rapid increase in the number of graduate students has necessitated an increase in financial support. Fellowships for doctoral students provided by the Japan Society for the Promotion of Science have expanded year by year, with 2200 recipients in 1996.

In order to promote science in Japan, the Science and Technology Basic Law was enacted in 1995 by the Diet; and in June 1996, the governmental Council for Science and Technology adopted a Basic Plan to achieve the law's goals. The plan calls for a stepwise increase in research grants from the government, increases in support staff and fellowship programs, and the renewal of research facilities. Although one cannot be too optimistic because of budgetary restraints faced by the government, it is hoped that this action plan will strengthen Japan's science and technology infrastructure. More important for the future of science in Japan is education, because educating a generation of capable scientists takes longer than setting up infrastructure, and the quality of science education determines the economic and industrial potential of a society. It is especially crucial for Japan now, as it makes the transition from catching up to joining, both economically and scientifically, the countries at the global forefront.

Science Next Wave's Asian Forum

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผู้เขียนเป็นประธานของมหาวิทยาลัยเกียวโตประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่นได้ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ หลังจากสงครามโลก มิราเคิลเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นสำเร็จผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีและราคาถูก อบรมแรงงาน นวัตกรรมนี้ อย่างไรก็ตาม ตามแนะนำพื้นฐานเทคโนโลยีหรือแนวคิดจากสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป และปรับปรุงพวกเขา ความสำเร็จทางเศรษฐกิจของ "พูด" นี้ ' วิธีการสิ้นสุดเกี่ยวกับทศวรรษที่ผ่านมาเนื่องจากความแรงของเยน การเพิ่มขึ้นของต้นทุนแรงงาน และการเติบโตของประเทศอื่น ๆ ในตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้บรรลุการพัฒนาเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นต้องพัฒนาเทคโนโลยีก้าวหน้าที่สัญญาเพิ่มเติมผลประโยชน์ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ เนื่องจากทุกภาคส่วนของสังคมญี่ปุ่น — รวมทั้งแวดวงการเมือง การจัดการ อุตสาหกรรม และการศึกษา — เคยมุ่งเน้นไปยังจับทางเศรษฐกิจส่งเสริมการวิจัยพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนวัตกรรม จะบรรลุเป้าหมายนี้ ต้องขึ้นนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญในกลไกเท่านี้ต่อการทำนุบำรุงสร้างสรรค์วิทยาศาสตร์ ใช้การเฉลี่ยโดยรวมของนักเรียนทั้งหมดนโยบายการศึกษาของญี่ปุ่น นี้แนวโน้มการผลิตเศรษฐกิจดีเท้าทหารแทนที่เป็นผู้นำที่แท้จริง แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในขั้นตอนการย้อนของเศรษฐกิจ ความสามารถในการให้ความร่วมมือเป็นสำคัญมากกว่าบุคลิกลักษณะและความคิดสร้างสรรค์ และความพยายามมากขึ้นครูในการให้นักเรียนรู้เทคนิคมากกว่านึกถึงความสนใจในวิทยาศาสตร์สภาการศึกษา มีเนื้อหาที่ปรึกษากระทรวงศึกษาธิการ วิทยาศาสตร์ กีฬา และวัฒนธรรม (Monbusho), เซ็นทรัลจะอยู่คุยการปฏิรูปการศึกษาหลัก และรอง เป้าหมายหลักจะเป็นการ ให้เวลาเพิ่มเติมกับนักเรียน และส่งเสริมความสนใจในธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพาะปลูกของบุคลิกลักษณะคือ อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ และในระดับอุดมศึกษา พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนที่มีพรสวรรค์เป็นความท้าทายสำคัญประเทศญี่ปุ่นมีการดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในหลายปีผ่านมา หลายอยู่ในกระบวนการปฏิรูปหลักสูตร คณะพัฒนา และการเรียนการสอน สอดคล้องกับนโยบายใหม่สำหรับการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณะมหาวิทยาลัย ซึ่งใช้เป็นการวิจัยเชิง ช้าจะเริ่มให้ความสำคัญกับการเรียนการสอน ก่อนสงคราม บัณฑิตมีขนาดเล็ก และ attended โดยนักวิจัยทางวิชาการเท่านั้น แม้ว่าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงในทศวรรษ อัตราส่วนของการจบการศึกษาปริญญาตรีในประเทศญี่ปุ่นในปี 1993 (5.5%) มีขนาดเล็กกว่าอัตราส่วน ในสหรัฐอเมริกา (15.4%), สหราชอาณาจักร (37.2%), ฝรั่งเศส (18.3%) หลายปีที่ผ่านมา Monbusho ได้สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยสามารถพบ หรือขยายบัณฑิต และจำนวนนักศึกษาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาเพื่อตอบสนองต่อการวิจารณ์สาธารณะที่ว่า นักศึกษาปริญญาเอกในประเทศญี่ปุ่นเกินไปมีความ จำเป็นต้องมีความรู้กว้างขึ้นจะเปิดพรมแดนการวิจัย และปรับให้เข้ากับความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในที่สุด การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนนักศึกษาปริญญาโทมี necessitated เพิ่มขึ้นในการสนับสนุนทางการเงิน กลุ่มสำหรับนักศึกษาปริญญาเอกโดยสังคมญี่ปุ่นโปรโมชั่นวิทยาศาสตร์ได้ขยายปี กับ 2200 ผู้รับในปี 1996เพื่อส่งเสริมวิทยาศาสตร์ประเทศญี่ปุ่น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพื้นฐานกฎหมายประกาศใช้ในปี 1995 โดยการรับประทานอาหาร ใน 1996 สภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของรัฐนำแผนการพื้นฐานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของกฎหมายแล้ว แผนการเรียกสำหรับการเพิ่มศในวิจัยจากรัฐบาล เพิ่มขึ้นในการสนับสนุนพนักงานและสามัคคีธรรมโปรแกรม และการต่ออายุของงานวิจัย แม้ว่าหนึ่งไม่สามารถเกินไปในเชิงบวกเนื่องจากงบประมาณที่รัฐบาลต้องเผชิญกับรัด ก็หวังว่า แผนนี้ดำเนินการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น สำคัญมากสำหรับอนาคตของวิทยาศาสตร์ในประเทศญี่ปุ่นการศึกษา เนื่องจากความรู้การสร้างนักวิทยาศาสตร์ที่สามารถใช้เวลานานกว่าการตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐาน และคุณภาพของการศึกษาวิทยาศาสตร์กำหนดศักยภาพทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมของสังคม เป็นอย่างยิ่งสำหรับญี่ปุ่นตอนนี้ มันทำให้การเปลี่ยนจากจับเข้าร่วม ทั้งทางเศรษฐกิจ และทาง วิทยาศาสตร์ ประเทศแนวหน้าระดับโลกฟอรั่มเอเชียคลื่นวิทยาศาสตร์ถัดไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผู้เขียนเป็นประธานของมหาวิทยาลัยเกียวโตในญี่ปุ่น ญี่ปุ่นได้ถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองความมหัศจรรย์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นก็ประสบความสำเร็จด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและราคาถูกกำลังแรงงานที่ผ่านการฝึกอบรม นวัตกรรมนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการแนะนำเทคโนโลยีขั้นพื้นฐานหรือแนวคิดจากประเทศสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปและการปรับปรุงพวกเขา ความสำเร็จทางเศรษฐกิจของคนนี้ "จับขึ้น" วิธีการเกี่ยวกับการสิ้นสุดทศวรรษที่ผ่านมาเพราะความแข็งแรงของเงินเยนของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นในค่าใช้จ่ายแรงงานและการเจริญเติบโตของประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจต่อประเทศญี่ปุ่นจะต้องพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สัญญาว่าจะเกิดประโยชน์มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เนื่องจากทุกภาคส่วนของสังคมญี่ปุ่นรวมทั้งวงการการเมืองการบริหารอุตสาหกรรมและการศึกษาก่อนหน้านี้ได้รับการเน้นไปจับขึ้นทางเศรษฐกิจ. โปรโมชั่นของการวิจัยขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้นโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะต้องมีการปฏิรูป การศึกษาวิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญในการเล่นในการเปลี่ยนเส้นทางนี้ที่มีต่อความคิดสร้างสรรค์อุปถัมภ์นักวิทยาศาสตร์ นโยบายการศึกษาของประเทศญี่ปุ่นที่ใช้ในการมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มเฉลี่ยโดยรวมของนักเรียนทุกคน นี้มีแนวโน้มที่จะผลิตทหารเดินเท้าทางเศรษฐกิจที่ดีมากกว่าผู้นำที่แท้จริงแม้ว่ามันจะประสบความสำเร็จในขั้นตอนการจับขึ้นของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความสามารถในการให้ความร่วมมือถือว่ามีความสำคัญมากกว่าความแตกต่างและความคิดสร้างสรรค์และครูใช้ความพยายามมากขึ้นในการให้นักเรียนมีความรู้ทางเทคนิคมากกว่าความรู้สึกมีความสนใจในวิทยาศาสตร์. กลางสภาเพื่อการศึกษาร่างกายที่ปรึกษาของกระทรวงการศึกษา, วิทยาศาสตร์, กีฬาและวัฒนธรรม (Monbusho) คือตอนนี้พูดคุยเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เป้าหมายหลักของมันจะเป็นที่จะให้เวลาว่างมากขึ้นเพื่อให้เด็กนักเรียนและส่งเสริมให้เกิดความสนใจในธรรมชาติวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเพาะปลูกของความแตกต่างเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญ และในการศึกษาที่สูงขึ้น, พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนที่มีพรสวรรค์เป็นความท้าทายที่สำคัญ. มหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นได้รับการดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในหลายปีที่ผ่านมา หลายคนอยู่ในกระบวนการของการปฏิรูปหลักสูตรการพัฒนาคณาจารย์และการประเมินผลการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับนโยบายใหม่สำหรับการศึกษาวิทยาศาสตร์ อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ใช้จะค่อนข้างวิจัยที่มุ่งเน้นจะช้าเริ่มที่จะให้ความสำคัญกับการเรียนการสอน ก่อนสงครามบัณฑิตวิทยาลัยมีขนาดเล็กและเข้าร่วมโดยเฉพาะนักวิชาการนักวิจัย แม้ว่าสถานการณ์ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆในทศวรรษที่ผ่านมาอัตราการจบการศึกษาให้กับนักเรียนในระดับปริญญาตรีในประเทศญี่ปุ่นในปี 1993 (5.5%) ได้มากขนาดเล็กกว่าอัตราส่วนในสหรัฐอเมริกา (15.4%) สหราชอาณาจักร (37.2%) หรือ ฝรั่งเศส (18.3%) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Monbusho ได้สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยที่จะพบหรือขยายบัณฑิตวิทยาลัยและจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในเพื่อที่จะตอบสนองต่อการวิจารณ์ของประชาชนที่ปริญญาเอก นักเรียนในประเทศญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญมากเกินไป ความรู้ที่กว้างขึ้นจะต้องมีการเปิดพรมแดนการวิจัยและการปรับให้เข้ากับความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สุดท้ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในจำนวนของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาได้จำเป็นต้องมีการเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนทางการเงิน ทุนสำหรับนักศึกษาปริญญาเอกที่จัดไว้ให้โดยสมาคมญี่ปุ่นเพื่อส่งเสริมวิทยาศาสตร์มีการขยายตัวทุกปีกับผู้รับ 2200 ในปี 1996 เพื่อส่งเสริมวิทยาศาสตร์ในประเทศญี่ปุ่นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพื้นฐานกฎหมายตราสามดวงในปี 1995 โดยอาหาร; และในเดือนมิถุนายนปี 1996 ของรัฐบาลสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่นำมาใช้แผนขั้นพื้นฐานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของกฎหมาย เรียกแผนสำหรับการเพิ่มขึ้นแบบขั้นตอนในทุนวิจัยจากรัฐบาลเพิ่มขึ้นในพนักงานให้ความช่วยเหลือและมิตรภาพโปรแกรมและการต่ออายุของสิ่งอำนวยความสะดวกการวิจัย ถึงแม้คนหนึ่งไม่สามารถเป็นแง่ดีเกินไปเพราะหมอนรองงบประมาณที่ต้องเผชิญกับรัฐบาลก็หวังว่าแผนปฏิบัติการนี้จะเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานของประเทศญี่ปุ่น สำคัญสำหรับอนาคตของวิทยาศาสตร์ในประเทศญี่ปุ่นคือการศึกษาเพราะการให้ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์รุ่นสามารถใช้เวลานานกว่าการตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐานและคุณภาพของการศึกษาวิทยาศาสตร์กำหนดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของสังคม มันเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศญี่ปุ่นตอนนี้มันทำให้เปลี่ยนจากการจับขึ้นที่จะร่วมทั้งทางเศรษฐกิจและทางวิทยาศาสตร์ที่ประเทศระดับแนวหน้าของโลก. ฟอรั่มเอเชียวิทยาศาสตร์คลื่นลูกต่อไปของ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้เขียนเป็นประธานของมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่นได้ถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ . หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ความมหัศจรรย์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้ผ่านเทคโนโลยีนวัตกรรมและราคาถูก แรงงานต่างๆ นวัตกรรมนี้ อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับการแนะนำเทคโนโลยีพื้นฐานหรือแนวคิดจากสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปและปรับปรุงพวกเขา เศรษฐกิจนี้สำเร็จ " จับขึ้น " วิธีการสิ้นสุดเกี่ยวกับทศวรรษที่ผ่านมาเพราะความแข็งแกร่งของเยน การเพิ่มต้นทุนด้านแรงงาน และการเติบโตของประเทศอื่น ๆในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้บรรลุการพัฒนาเศรษฐกิจต่อไป ญี่ปุ่นต้องพัฒนาเทคโนโลยีก้าวหน้าที่สัญญากับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ง่าย เพราะทุกภาคส่วนของสังคมญี่ปุ่นรวมถึงวงการ การเมืองการปกครอง อุตสาหกรรม และการศึกษาได้รับก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจการส่งเสริมการวิจัยขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งนวัตกรรมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี . ไปถึงเป้าหมายนี้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนโยบายจะต้องปฏิรูป วิทยาศาสตร์ศึกษาที่มีบทบาทสำคัญที่จะเล่นใน reorientation นี้ต่อสร้างนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างสรรค์ ของญี่ปุ่นใช้นโยบายการศึกษา มุ่งเน้นการเพิ่มค่าเฉลี่ยรวมของนักเรียนทั้งหมด นี้มีแนวโน้มที่จะผลิตทหารเดินเท้าทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าผู้นำที่แท้จริง แต่มันก็ประสบความสำเร็จจากระยะของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความสามารถในการร่วมมือถือว่าสำคัญกว่าความเป็นตัวของตัวเองและความคิดสร้างสรรค์ และครูพยายามให้นักเรียนเทคนิค ความรู้ มากกว่าความรู้สึก ความสนใจในวิทยาศาสตร์คณะกรรมการกลางเพื่อการศึกษา , ที่ปรึกษาร่างกายให้กับกระทรวงศึกษา วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรมและการกีฬา ( มอนบูโช ) คือตอนนี้พูดถึงเรื่องการปฏิรูปการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา . เป้าหมายหลักของ บริษัท จะให้มีเวลาให้เด็กนักเรียนและส่งเสริมความสนใจในธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การเพาะปลูกของบุคคลอื่นที่สำคัญเป้าหมาย และในระดับที่สูงขึ้น การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ คือความท้าทายที่สำคัญมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นได้รับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายในกระบวนการของการปฏิรูปหลักสูตรพัฒนาคณาจารย์ และการประเมินการสอน ให้สอดคล้องกับนโยบายใหม่เพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ใช้จะค่อนข้าง research-oriented จะค่อยๆเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นในการสอน ก่อนสงคราม โรงเรียนขนาดเล็กและเข้าร่วมเท่านั้นโดยนักวิจัยเชิงวิชาการ แม้ว่าสถานการณ์จะค่อยๆถูกเปลี่ยนในทศวรรษที่ผ่านมา , อัตราส่วนของบัณฑิตให้นักศึกษาในญี่ปุ่นในปี 1993 ( 5.5% ) คือเล็กกว่าอัตราส่วนในสหรัฐอเมริกา ( 15.4 % ) , สหราชอาณาจักร ( 37.2% ) หรือฝรั่งเศส ( 18.3 % ) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุนมงบุโชได้สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยที่จะพบหรือขยายโรงเรียน และจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงการศึกษาเพื่อตอบสนองประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ว่า นักศึกษาปริญญาเอกในประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้วย ความรู้ที่กว้างขึ้น คือ การเปิดพรมแดนการวิจัยและปรับให้เข้ากับความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในที่สุด การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษามี necessitated การเพิ่มการสนับสนุนทางการเงิน ทุนสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาเอกโดยญี่ปุ่นสังคมเพื่อการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ได้มีการขยายตัวทุกปีกับ 2200 ผู้รับในปี 1996เพื่อส่งเสริมวิทยาศาสตร์ประเทศญี่ปุ่น วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีพื้นฐานกฎหมายถูกตราขึ้นในปี 1995 โดยการควบคุมอาหาร และในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2539 , รัฐสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประกาศใช้แผนขั้นพื้นฐานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของกฎหมาย แผนเรียกร้องให้เพิ่มเครื่องมือในการวิจัย ทุนจากรัฐบาล เพิ่มโปรแกรม สนับสนุนเจ้าหน้าที่และสามัคคีธรรม และการต่ออายุของเครื่อง ) แม้ว่าหนึ่งไม่ได้คาดหวังมาก เพราะงบประมาณของพันธนาการที่เผชิญ โดยรัฐบาล ก็หวังว่าแผนปฏิบัติการนี้จะเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานของญี่ปุ่น วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี ที่สำคัญสำหรับอนาคตของวิทยาศาสตร์ในประเทศญี่ปุ่น คือการศึกษา เพราะการศึกษาเป็นรุ่นของนักวิทยาศาสตร์สามารถใช้เวลานานกว่าการตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐาน และคุณภาพของการศึกษาวิทยาศาสตร์กำหนดศักยภาพทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของสังคม มันเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สำคัญของญี่ปุ่นในขณะนี้ มันทำให้การเปลี่ยนแปลงจากการจับต้องเข้าร่วมทั้งทางเศรษฐกิจและทางวิทยาศาสตร์ , ประเทศในระดับแนวหน้าของโลกวิทยาศาสตร์คลื่นต่อไปของเอเชีย ฟอรั่ม