In the light of thetraditional use

In the light of thetraditional use of Pittosporum angustifolium to treat internal or external cramps and pains,it may be useful to investigate extracts,including the essential oil,for an antiinflammatory, analgaesic or spasmolytic capacity.Some of the essential oil components from Pittosporum angustifolium such as bornyl acetate(Duke, 2002) and a-humulene (Adorjan and Buchbauer, 2010) have already been shown to have analgaesic effects. However,if essential oils have anti-inflammatory, analgaesic or spasmolytic activity,it is likely to be related to the more abundant constituents,such as cyclic and aliphatic alkanes, aliphatic aldehydes and alcohols. Rogers et al.(2002) have
indicated that the traditional application of Eremophila bignoniiflora in the treatment of headaches,pains and stomach cramps,is consistent with the demonstration of calcium channel blocking activity in a dichloromethane extract.In this context then,it may be worth investigating the capacity of essential oils or other
extracts from Pittosporum angustifolium as calcium channel blockers, possibly providing a biological basis for spasmolytic activity.
It is possible that the same components related to the traditional useof Pittosporum angustifolium as a lactagogue,may also be related to its use as a treatment for eczema.Volatile compounds similar in structure to human sourced chemosemiotic compounds, such as the oestrogen derivative acetic acid,may be involved, but further research is necessary to clarify this.Currently, corticosteroids are involved in the treatment of eczema and play a significant role in lactation in mothers of newborns (Martin et al.,1978).
Another interesting avenue for further research involves the examination of the uses of Pittosporum angustifolium fruits by the Wiradjuri tribe in New South Wales. Among other uses,one application involved grinding and eating the seeds as anaphrodisiac (McKemey and White,2011). In this context,it may be worthwhile exploring possible connections between its activity as a lactagogue and its use as an aphrodisiac

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในแง่ของการใช้งานของ thetraditional Pittosporum angustifolium การรักษาปวดภายในหรือภายนอกและปวดมันอาจจะมีประโยชน์ในการตรวจสอบสารสกัดรวมทั้งน้ำมันหอมระเหย, การต้านการอักเสบ, analgaesic หรือ spasmolytic capacity.Some ส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยจาก Pittosporum angustifolium ดังกล่าว เป็นอะซิเตท bornyl (Duke, 2002) และ-humulene (Adorjan และ Buchbauer 2010) ได้รับการแสดงที่จะมีผลกระทบ analgaesic แต่ถ้าน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ analgaesic หรือกิจกรรม spasmolytic ก็มีโอกาสที่จะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบอีกมากมายเช่นแอลเคนเป็นวงกลมและ aliphatic, aliphatic ลดีไฮด์และแอลกอฮอล์ โรเจอร์ส et al. (2002)
ได้ชี้ให้เห็นว่าการประยุกต์ใช้แบบดั้งเดิมของEremophila bignoniiflora ในการรักษาอาการปวดหัวปวดและปวดกระเพาะอาหารมีความสอดคล้องกับการสาธิตของแคลเซียมแชนแนลบล็อกกิจกรรมในไดคลอโรมีเทน extract.In บริบทนี้แล้วก็อาจจะ มูลค่าการตรวจสอบความสามารถของน้ำมันหอมระเหยหรืออื่น ๆ
สารสกัดจาก Pittosporum angustifolium เป็นแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์อาจจะให้ทางชีววิทยาพื้นฐานสำหรับกิจกรรม spasmolytic.
เป็นไปได้ว่าส่วนประกอบเดียวที่เกี่ยวข้องกับบริสุทธิ์ Pittosporum angustifolium แบบดั้งเดิมเช่น lactagogue ยังอาจจะเกี่ยวข้องกับ ใช้เป็นยาสำหรับ eczema.Volatile สารประกอบที่คล้ายกันในโครงสร้างของมนุษย์ที่มาสาร chemosemiotic เช่นอนุพันธ์สโตรเจนกรดอะซิติกที่อาจจะเกี่ยวข้องกับ แต่การวิจัยเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะชี้แจง this.Currently, corticosteroids มีส่วนร่วมในการรักษากลาก และมีบทบาทสำคัญในการให้นมบุตรในมารดาของทารกแรกเกิด (มาร์ติ et al., 1978).
อีกอเวนิวที่น่าสนใจสำหรับการวิจัยต่อไปเกี่ยวกับการตรวจสอบการใช้งานของ Pittosporum ผลไม้ angustifolium โดยชนเผ่า Wiradjuri ในนิวเซาธ์เวลส์ ท่ามกลางความหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมประยุกต์หนึ่งบดเมล็ดและการรับประทานอาหารเป็น anaphrodisiac (McKemey ขาวและ 2011) ในบริบทนี้มันอาจจะคุ้มค่าการสำรวจการเชื่อมต่อเป็นไปได้ระหว่างกิจกรรมที่เป็น lactagogue และการใช้เป็นยาโป๊

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในแง่ของการใช้งานด้วยพิตทอ พรัม angustifolium รักษาตะคริวและปวดภายในหรือภายนอก มันอาจจะมีประโยชน์เพื่อศึกษาสารสกัด รวมทั้งน้ำมันที่จำเป็น , สำหรับการ , ความจุ analgaesic หรือ spasmolytic บางส่วนของน้ำมันหอมระเหย ส่วนประกอบจากพิตทอ พรัม angustifolium เช่น bornyl เทต ( Duke , 2002 ) และ a-humulene ( buchbauer ดอร์จัน และ ,2553 ) ได้รับการแสดงที่มีผล analgaesic . อย่างไรก็ตาม ถ้าระเหยมีการอักเสบ analgaesic หรือ spasmolytic กิจกรรมนั้นมีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบมากมาย เช่นเป็นทางการและ , และอัลดีไฮด์อะลิฟาติกแอลกอฮอล์ โรเจอร์ et al . ( 2002 ) ได้
พบว่า การใช้ eremophila bignoniiflora แบบดั้งเดิมในการรักษาอาการปวดหัว ปวดท้อง ปวด และมีความสอดคล้องกับการสาธิตของแคลเซียมแชนแนลบล็อกกิจกรรมในสิ่งสกัด ในบริบทนี้แล้วอาจจะมีมูลค่าการตรวจสอบความจุของน้ำมันหอมระเหยหรือสารสกัดจากพิตทอ พรัมๆ
angustifolium แคลเซียมแชนแนลตัวบล็อกป้ายอาจจะให้พื้นฐานทางชีววิทยาสำหรับกิจกรรม spasmolytic .
เป็นไปได้ว่าองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการใช้แบบดั้งเดิมเป็น lactagogue พิตทอ พรัม angustifolium ยังอาจเกี่ยวข้องกับการใช้เป็นรักษากลาก ระเหยที่คล้ายกันในโครงสร้างมนุษย์ที่มา chemosemiotic สารประกอบ เช่น เอสโตรเจนอนุพันธ์กรดอาจจะเกี่ยวข้องกับแต่การวิจัยเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อชี้แจงเรื่องนี้ ขณะนี้ ยาคลายกล้าม มีส่วนร่วมในการรักษากลากและมีบทบาทสำคัญในการให้นมมารดาของทารกแรกเกิด ( มาร์ติน et al . , 1978 ) .
อีกถนนที่น่าสนใจสำหรับการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการใช้ของพิตทอ พรัม angustifolium ผลไม้โดยวิราดจูริเผ่าใน New South Wales . ระหว่างประโยชน์อื่น ๆหนึ่งในโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการบดและกินเมล็ดพืชเป็น anaphrodisiac ( mckemey และสีขาว , 2011 ) ในบริบทนี้มันอาจจะคุ้มค่าการเป็นไปได้ของการเชื่อมต่อระหว่างกิจกรรมเป็น lactagogue และใช้เป็นยาโป๊