The Wat Phra Kaew,Temple of the Eme

The Wat Phra Kaew,Temple of the Emerald Buddha; full official name Wat Phra Si Rattana Satsadaram, : วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, is regarded as the most sacred Buddhist temple (wat) in Thailand. It is a "potent religio-political symbol and the palladium of Thai society". It is located in the historic centre of Bangkok (district Phra Nakhon), within the precincts of the Grand Palace.
The main building is the central ubosoth, which houses the statue of Emerald Buddha. The legendary history of this Buddha image is traced to India, five centuries after the Lord Buddha attained Nirvana, till it was finally enshrined in Bangkok at the Wat Phra Kaew temple in 1782 during Rama I's reign . This marked the beginning and raise of the Chakri Dynasty of the present Kingdom of Thailand . The Emerald Buddha, a dark green statue, is in a standing form, about 66 centimetres tall, carved from a single jade stone (Emerald in Thai means deep green colour and not the specific stone). It is carved in the meditating posture in the style of the Lanna school of the northern Thailand. Except for the Thai King, no other person is allowed to touch the statue. The King changes the cloak around the statue three times a year, corresponding to the summer, winter, and rainy seasons, an important ritual performed to usher good fortune to the country during each season.
While legend traces this statue to India, its rich historical records dates its finding in Cambodia in the 15th century, moved to Laos in the 16th century and then to Vientiane where it remained for 215 years, and finally to Thailand in the 18th century. Considering the long history and Nagasena's prophesy that the Emerald Buddha would bring "prosperity and pre-eminence to each country in which it resides", the Emerald Buddha deified in the Wat Phra Kaew is deeply revered and venerated in Thailand as the protector of the country.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัดพระแก้ววัดพระศรีรัตนศาสดาราม; อย่างเป็นทางการชื่อเต็มของวัดพระศรีรัตน satsadaram: วัดพระศรีรัตนศาสดารามถือได้ว่าเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดวัดพุทธ (วัด) ในประเทศไทย มันเป็น "สัญลักษณ์ religio ทางการเมืองที่มีศักยภาพและแพลเลเดียมของสังคมไทย" มันตั้งอยู่ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร (เขตพระนคร)ภายในฝั่งของแกรนด์พาเลซ.
อาคารหลักเป็นอุโบสถกลางซึ่งเป็นที่ตั้งรูปปั้นของพระศรีรัตนศาสดาราม ประวัติศาสตร์ตำนานของพระพุทธรูปองค์นี้ถูกโยงไปถึงประเทศอินเดียห้าศตวรรษหลังจากที่พระพุทธเจ้าบรรลุนิพพานจนกว่าจะประดิษฐานอยู่ที่สุดในกรุงเทพฯที่วัดพระแก้ววัดในปี 1782 ในช่วงรัชสมัยของพระรามนี้เป็นจุดเริ่มต้นและเพิ่มของราชวงศ์จักรีของสหราชอาณาจักรในปัจจุบันของประเทศไทย พระแก้วมรกต, รูปปั้นสีเขียวเข้มอยู่ในรูปแบบที่ยืนอยู่ประมาณ 66 เซนติเมตรแกะสลักจากหินหยกเดียว (มรกตในภาษาไทยหมายถึงสีเขียวลึกและไม่ได้หินเฉพาะ) มันถูกแกะสลักในท่านั่งสมาธิในรูปแบบของโรงเรียนล้านนาจากภาคเหนือของประเทศไทยยกเว้นพระมหากษัตริย์ไทยที่ไม่มีบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตให้สัมผัสรูปปั้น พระมหากษัตริย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเสื้อคลุมรูปปั้นรอบสามครั้งต่อปีเพื่อให้ตรงกับฤดูร้อน, ฤดูหนาวและฤดูฝน, พิธีกรรมที่สำคัญดำเนินการเพื่อนำความโชคดีไปยังประเทศในช่วงฤดู​​แต่ละ.
ในขณะที่ตำนานร่องรอยของรูปปั้นนี้ไปยังประเทศอินเดีย,บันทึกประวัติศาสตร์ที่หลากหลายวันค้นพบในประเทศกัมพูชาในศตวรรษที่ 15 ย้ายไปอยู่ที่ประเทศลาวในสมัย​​ศตวรรษที่ 16 แล้วไปเวียงจันทน์ที่มันยังคงใช้เวลา 215 ปีและในที่สุดก็ถึงประเทศไทยในศตวรรษที่ 18 พิจารณาประวัติศาสตร์อันยาวนานและพยากรณ์ Nagasena ที่พระศรีรัตนศาสดารามจะนำมาซึ่ง "ความเจริญรุ่งเรืองและความเด่นไปยังประเทศที่มันอาศัยอยู่ในแต่ละ"พระศรีรัตนศาสดาราม deified ในวัดพระแก้วเป็นที่นับถือและบูชาอย่างลึกซึ้งในประเทศไทยเป็นผู้พิทักษ์ของประเทศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัดพระแก้ว วัดพระแก้ว ชื่ออย่างเป็นทางการเต็มวัดพระศรีรัตนา Satsadaram,: วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถือเป็นศักดิ์สิทธิ์ที่สุดวัดพุทธ (วัด) ในประเทศไทย จึงเป็น "สัญลักษณ์ทางการเมือง religio มีศักยภาพและพาลาเดียมของสังคมไทย" ตั้งอยู่ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร (เขตพระนคร), ภายในมณฑลของแกรนด์พาเลซ
อาคารหลักคือ ubosoth กลาง ซึ่งรูปปั้นของศาสดา ติดตามประวัติตำนานของพระพุทธรูปอินเดีย ห้าศตวรรษหลังจากพระพุทธเจ้าบรรลุนิพพาน จนมันสุดประดิษฐานในกรุงเทพฯ ที่วัดวัดพระแก้วใน 1782 ในระหว่างรัชกาลพระราม I ของ นี้ถูกทำเครื่องหมายจุดเริ่มต้นและเพิ่มของราชวงศ์จักรีของราชอาณาจักรไทยปัจจุบัน พระ รูปปั้นสีเขียวเข้ม อยู่ในฟอร์มยืน หน่วยประมาณ 66 เซนติเมตรสูง สลักจากหินหยกเดียว (มรกตไทยหมาย สีเขียวลึกและไม่เฉพาะหิน) มันเป็นสลักในท่านั่งสมาธิในแบบของโรงเรียนลานนาภาคเหนือ ยกเว้นในหลวง บุคคลไม่ได้รับอนุญาตให้สัมผัสรูปปั้น พระมหากษัตริย์เปลี่ยนเสื้อคลุมรอบ ๆ รูปปั้น 3 ครั้งต่อปี ที่สอดคล้องกับฤดูร้อน ฤดูหนาว และ ฤดูฝน เป็นพิธีกรรมสำคัญที่ดำเนินการเพื่อนำโชคดีไปยังประเทศในช่วงฤดูกาลแต่ละ
ขณะตำนานรูปปั้นนี้อินเดีย การสืบค้นกลับ ระเบียนประวัติของรวยวันที่หาในกัมพูชาในศตวรรษ 15 ย้าย ไปลาวในศตวรรษ 16 และเวียงจันทน์ซึ่งมันยังคงสำหรับ 215 ปี และในที่สุดในประเทศไทยในศตวรรษที่ 18 พิจารณาประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็น Nagasena prophesy ที่ พระจะนำมาซึ่ง "ความเจริญรุ่งเรืองและเนินก่อนประเทศแต่ละที่มันอยู่" พระ deified ในวัดพระแก้วเป็นสิ่งลึกซึ้ง และ venerated ในประเทศไทยเป็นตัวป้องกันของประเทศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัดพระแก้ววัดพระแก้วมรกตที่วัดพระศรีรัตนา satsadaram ชื่ออย่างเป็นทางการแบบเต็มวัดพระศรีรัตนศาสดารามได้รับการพิจารณาว่าเป็นวัดในพระพุทธศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์(วัด)ในประเทศไทย. เป็น"สัญลักษณ์ religio - ทางการเมืองแรงและ Palladium ของสังคมไทย" โรงแรมตั้งอยู่ในศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ(พระนครเขตพื้นที่)ภายใน บริเวณของ Grand Palace .
อาคารหลักคือ ubosoth ส่วนกลางที่ตั้งของรูปปั้นของพระแก้วมรกต ประวัติศาสตร์แห่งตำนานของพระพุทธรูปนี้จะถูกตรวจสอบมาเพื่อไปยังประเทศอินเดียห้าร้อยปีหลังจากพระนิพพานได้จนกว่าจะประดิษฐานในกรุงเทพฯที่วัดพระแก้ววัดใน 1782 ในระหว่างถนนพระรามผมของรัชกาลสุดท้ายโรงแรมแห่งนี้ถูกทำเครื่องหมายให้ขึ้นและตอนต้นของแห่งราชวงศ์จักรีแห่งราชอาณาจักรในปัจจุบันของประเทศไทย พระแก้วมรกตที่มีรูปปั้นสีเขียวสีเข้มที่อยู่ในรูปแบบยืนอยู่ที่ประมาณ 66 เซนติเมตรสูงแกะสลักจากหินสีเขียวหยกครั้งเดียว(พระแก้วมรกตในไทยหมายถึงสีสีเขียวเข้มและไม่ได้ระบุหิน) มันเป็นงานแกะสลักอยู่ในท่านั่ง ภาวนา อยู่ในสไตล์ล้านนาที่ของโรงเรียนทางตอนเหนือของประเทศไทยได้ยกเว้นสำหรับกษัตริย์ไทยที่ไม่มีคนอื่นๆได้รับอนุญาตให้แตะที่ Statue of . กษัตริย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเสื้อคลุมที่โดยรอบรูปปั้นสามครั้งต่อปีที่สอดคล้องกับช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาวฤดูฝนพิธีกรรมสำคัญที่ดำเนินการเพื่อนำโชคที่ดีเพื่อประเทศในระหว่างแต่ละฤดูกาล.
ในขณะที่ตำนานลายวงจรขาด Statue แห่งนี้เพื่อไปยังประเทศอินเดียบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่หลากหลายของพื้นที่ย้อนเวลาการค้นหาในประเทศกัมพูชาในช่วงศตวรรษที่ 15 ที่ย้ายไปยังประเทศลาวในช่วงศตวรรษที่ 16 และจากนั้นจึงไปยังเมืองเวียงจันทน์ซึ่งก็ยังคงอยู่ใน 215 ปีและสุดท้ายในประเทศไทยในช่วงศตวรรษที่ 18 เมื่อพิจารณาถึงประวัติความเป็นมาอันยาวนานและการทำนายของ nagasena ที่พระแก้วมรกตที่จะนำ"ความรุ่งเรืองและก่อนที่สูงในการในแต่ละประเทศที่จะอยู่"พระแก้วมรกต deified ที่อยู่ที่วัดพระแก้วที่จะเคารพและ venerated ในประเทศไทยเป็นผู้สำเร็จราชการของประเทศได้อย่างลึกซึ้ง