กลยุทธ์การซื้อ-ขายยางพาราระหว่างประเทศ
ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกยางพารามากเป็นอันดับ 1 ของโลก
* ทั่วโลกต้องการใช้ยางพาราปีละ 12 ล้านตัน
* เราผลิตได้ ร้อยละ 40 ของความต้องการของโลก
* ยางพาราที่ปลูกในพื้นที่ประเทศไทยมีการส่งออกมากถึงร้อยละ 90 ที่เหลือจะนำมาใช้เองภายในประเทศ ซึ่งถือได้ว่ามีปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการส่งออก
คู่แข่ง (กลุ่มผู้ผลิต-ส่งออกยางพารา ที่สำคัญ)
• อินโดนีเซีย
• มาเลเซีย
• เวียดนาม.
• กัมพูชา
• ลาว
รู้สินค้าในแบบที่ลูกค้าต้องการ (ประเภทยางพาราที่ตลาดโลกต้องการ ได้แก่)
• RSS 3 ( Ribbed smoked sheet๗ คือ ยางแผ่นดิบที่นำมารมควัน
เป็นยางธรรมชาติ 100%นำมารีดแผ่นแล้วผ่านวิธีการรมควัน ด้วยความร้อน 75-100 องศา ยางRSS 3 เมื่อผ่านการรมควันแล้วจะมีอายุเก็บได้นาน 8-12 เดือนสามารถขนส่งทางไกลได้โดยไม่มีขึ้นรา นำมาแปรรูปเป็น ยางแท่ง STR 20 หรือ ยางคอมปาวด์ได้
• ยางแท่ง STR 20 คือการนำยางแผ่นดิบ หรือยางถ้วย นำมาผ่านขบวนการย่อยให้เป็นชิ้นเล็กอย่างรวดเร็ว ล้างทำความสะอาด อบแห้ง นำมาอัดก้อนสี่เหลี่ยม หนัก 33.3 kg.
• ยาง คอมปาวด์ Compound คือการนำยางแผ่นรมควันมาย่อย ผ่านการบดร้อน บดเย็น ผ่านขบวนการไล่ความชื้น ความร้อน นำมาเข้าเครื่อง อัดก้อน หนัก 33.3 kg. แต่ยางคอมปาวด์ ต้องมีการผสม carbonblack เพื่อให้เนื้อยางดำ ยางCompound ส่งไปจำหน่ายในจีน ไม่เสียภาษี ตลาดต้องการมากแต่โรงงานในไทยมีเพียง 5 โรง เท่านั้น
• ยางถ้วย. Cup Rubber เป็นยางที่ผลิตง่ายแต่มีปัญหามาก ยางถ้วยต้องกรีดยางให้ได้ 8-10 มีด คือ กรีดยาง 1 วัน พักหน้ายาง 2 วัน รอบละ 16 วัน ขายเดือนละ 2 ครั้ง
สำหรับการส่งออกยางพาราของไทยนั้นจะเป็นการส่งออกยางธรรมชาติ (HS4001) เกือบทั้งหมด คือร้อยละ 95.39 โดยเป็นยางแผ่นรมควันมากที่สุด ร้อยละ 51.12 รองลงมาคือ ยางแท่ง ร้อยละ 33.54 และน้ำยางข้น ร้อยละ 10.73 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีศักยภาพสูงในการผลิตและแข่งขันในการส่งออกยางพารา
ยางถ้วยเป็นยางเจ้าปัญหา กล่าวคือต้องมีผู้ชำนาญการสูงเพื่อลดปัญหาที่เกิดจากกลไกของการโกง เช่น มีการผสม อิฐ หิน ทราย ผสมน้ำ ผสมกรด ซึ่ง เป็นปัญหาจากสวนยาง การเข้าซื้อยางประเภทนี้ จำเป็น ต้องมีผู้ชำนาญและเชี่ยวชาญสูง