การเมืองการปกครอง ประเทศสิงคโปร์มีการปกครองระบอบสาธารณรัฐแบบรัฐสภา (Pa การแปล - การเมืองการปกครอง ประเทศสิงคโปร์มีการปกครองระบอบสาธารณรัฐแบบรัฐสภา (Pa ไทย วิธีการพูด

การเมืองการปกครอง ประเทศสิงคโปร์มีก

การเมืองการปกครอง


ประเทศสิงคโปร์มีการปกครองระบอบสาธารณรัฐแบบรัฐสภา (Parliamentary Parliament) มีสภาเดียว (Unicameral parliament) มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ (วาระ 6 ปี) และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาล/หัวหน้าฝ่ายบริหาร (วาระ 5 ปี) สิงคโปร์มีเสถียรภาพและความต่อเนื่องทางการเมืองโดยมีรัฐบาลภายใต้การนำของพรรค People’s Action Party (PAP) มาโดยตลอดนับตั้งแต่แยกตัวออกจากมาเลเซียเมื่อปี 2508 เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2547 นายลี เซียน ลุง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานธนาคารกลาง (บุตรของนายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์)ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่สามของสิงคโปร์ สืบแทนนายโก๊ะ จ๊ก ตง (ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโส)


การเลือกตั้งประธานาธิบดีสิงคโปร์
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2548 นายเอส อาร์ นาธาน ครบวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสิงคโปร์สมัยแรก (นายนาธานอายุ 81 ปี เป็นประธานาธิบดีคนที่ 6 ของสิงคโปร์ แต่เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่มาจากการเลือกตั้ง) เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมัยที่สองเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2548 [ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2548 คณะกรรมการเลือกตั้งประธานาธิบดี (Presidential Elections Committee) ได้ประกาศว่า นายนาธานได้เป็นประธานาธิบดี โดยอัตโนมัตเนื่องจากผู้สมัครแข่งขันคนอื่นขาดคุณสมบัติ ]


การเลือกตั้งทั่วไป
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2549 สิงคโปร์ได้จัดการเลือกตั้งทั่วไป ก่อนสภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระในเดือนพฤศจิกายนปี 2550 และเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่นายลี เซียน ลุง เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นครั้งที่ 13 นับตั้งแต่สิงคโปร์แยกตัวออกจากสหพันธ์รัฐมาลายาเมื่อปี 2508 ซึ่งพรรคกิจประชาชน (People’s Action Party – PAP) ภายใต้การนำของนายลี เซียน ลุง ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น โดยมีสมาชิกของพรรค PAP ได้รับเลือกตั้งจำนวน 82 ที่นั่งจากทั้งหมด 84 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร (ด้วยจำนวนคะแนนเสียงสนับสนุนจากผู้ลงคะแนนเสียงทั้งหมด ร้อยละ 66.6) สำหรับอีก 2 ที่นั่งเป็นของพรรค Worker’s Party (WP) และ Singapore Democratic Alliance (SDA)

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีพรรคการเมืองรวม 4 พรรคส่งผู้สมัครลงแข่งขัน ได้แก่ พรรค People’s Action Party ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านอีก 3 พรรค ประกอบด้วย (1) พรรค Worker’s Party (WP) ก่อตั้งเมื่อปี 2500 ภายใต้การนำของนาย Low Thia Kiang (2) พรรค Singapore Democratic Alliance (SDA) ก่อตั้งเมื่อปี 2544 และเป็นการรวมตัวของหลายพรรคการเมืองได้แก่ National Solidarity Party (NSP), Singapore Malay National Organization (PKMS), Singapore People’s Party (SPP) และ Singapore Justice Party ภายใต้การนำของนาย Chiam See Tong (3) พรรค Singapore Democratic Party (SDP) ก่อตั้งเมื่อปี 2523 โดยมีนาย Chee Soo Juan เป็นเลขาธิการ

การเลือกตั้งของสิงคโปร์ประกอบด้วยเขตเลือกตั้งผู้แทนเดียว (Single Member Constituency – SMC) จำนวน 9 เขต และเขตเลือกตั้งกลุ่มผู้แทน (Group Representation Constituency – GRC) จำนวน 14 เขต ซึ่งพรรค PAP ได้ส่งผู้ลงสมัครในทุกเขต ขณะที่พรรคฝ่ายค้านได้ส่งผู้สมัครในเขต SMC จำนวน 9 เขต และเขต GRC จำนวน 7 เขต รวม 47 ที่นั่ง ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด

มีชาวสิงคโปร์ที่มีสิทธิเลือกตั้ง 1.2 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งหมด 4 ล้านคน โดยมีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 94.01 ทั้งนี้ ร้อยละ 40 เป็นผู้ที่เกิดหลังปี 2508 ซึ่งเป็นปีที่สิงคโปร์ได้ประกาศเอกราช นอกจากนี้ เป็นครั้งแรกที่สิงคโปร์ได้จัดให้มีการเลือกตั้งนอกประเทศในสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่จำนวน 8 แห่ง (กรุงวอชิงตัน นครซานฟรานซิสโก กรุงโตเกียว กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ เมืองฮ่องกง กรุงแคนเบอร์รา และกรุงลอนดอน)


การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2549 นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งจะเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งต่อประธานาธิบดีสิงคโปร์ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2549

คณะรัฐมนตรีชุดนี้ประกอบด้วยรัฐมนตรีจากคณะรัฐมนตรีชุดก่อนและยังคงดำรงตำแหน่งเดิมเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตำแหน่งหลัก อาทิ นายโก๊ะ จ๊ก ตง เป็นรัฐมนตรีอาวุโส นายลี กวน ยู เป็นรัฐมนตรีที่ปรึกษา ศาสตราจารย์ เอส จายากูมาร์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกฎหมาย และรัฐมนตรีประสานงานกิจการด้านความมั่นคงแห่งชาติ นายจอร์จ เยียว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายเตียว ชี เฮียน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดเดิมที่ไม่ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีก ได้แก่ นายเยียว เชียว ตง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม


นโยบาย
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2548 นายลี เซียน ลุงได้กล่าวถ้อยแถลงต่อประชาชนในโอกาสวันชาติสิงคโปร์ (National Day Rally Speech) โดยได้ระบุถึงทิศทางในการพัฒนาประเทศและการดำเนินนโยบายต่างประเทศ โดยในด้านการต่างประเทศนั้น สิงคโปร์จะให้ความสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศอาเซียน (โดยเฉพาะมาเลเซียและอินโดนีเซีย) รวมทั้งกับประเทศมหาอำนาจสำคัญๆ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สหภาพยุโรปและออสเตรเลีย นอกจากนั้น จะให้ความสำคัญกับการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียน และการแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย สำหรับนโยบายภายในประเทศ สิงคโปร์จะมุ่งเน้นเรื่องการปรับตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก (remake Singapore) โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนวัตกรรม การประกอบการ การวิจัยและการพัฒนา (innovation, enterprise and R&D) สำหรับด้านสังคม จะให้ความสำคัญกับการขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับประชาชน การดูแลคนชราและผู้ที่มีรายได้ต่ำ รวมทั้งการส่งเสริมวัฒนธรรมด้านบริการเพื่อให้สิงคโปร์มีลักษณะของเมืองที่มีความเป็นสากล


การเปิดกว้างทางสังคม
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ย้ำในหลายโอกาสว่าประสงค์ที่จะพัฒนาสิงคโปร์ให้เป็นสังคมที่โปร่งใสและเปิดกว้างมากขึ้น (a more transparent and open society) โดยจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงค่านิยมที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของประเทศ (อาทิ การเป็นพหุสังคมที่มีความแตกต่างด้านเชื้อชาติและศาสนา) มากกว่าการนำระบบเสรีนิยมประชาธิปไตยของตะวันตกมาปรับใช้ อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองสิงคโปร์เห็นว่าประเด็นเรื่องศาสนาและความแตกต่างทางเชื้อชาติเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนในสังคมสิงคโปร์
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การเมืองการปกครอง ประเทศสิงคโปร์มีการปกครองระบอบสาธารณรัฐแบบรัฐสภา (รัฐสภารัฐสภา) มีสภาเดียว (Unicameral รัฐสภา) มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ (วาระ 6 ปี) และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาล/หัวหน้าฝ่ายบริหาร (วาระ 5 ปี) สิงคโปร์มีเสถียรภาพและความต่อเนื่องทางการเมืองโดยมีรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาชนการกระทำของบุคคล (บ) มาโดยตลอดนับตั้งแต่แยกตัวออกจากมาเลเซียเมื่อปี 2508 เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2547 นายลีเซียนลุงรองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานธนาคารกลาง (บุตรของนายลีกวนยูอดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์) ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่สามของสิงคโปร์สืบแทนนายโก๊ะจ๊กตง (ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโส)การเลือกตั้งประธานาธิบดีสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2548 นายเอสอาร์นาธานครบวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสิงคโปร์สมัยแรก (นายนาธานอายุ 81 ปีเป็นประธานาธิบดีคนที่ 6 ของสิงคโปร์แต่เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่มาจากการเลือกตั้ง) เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมัยที่สองเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2548 [เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2548 (คณะกรรมการการเลือกตั้งประธานาธิบดี) คณะกรรมการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ประกาศว่านายนาธานได้เป็นประธานาธิบดีโดยอัตโนมัตเนื่องจากผู้สมัครแข่งขันคนอื่นขาดคุณสมบัติ]การเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ๒๕๔๙ สิงคโปร์ได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปก่อนสภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระในเดือนพฤศจิกายนปี 2550 และเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่นายลีเซียนลุงเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเป็นครั้งที่ 13 นับตั้งแต่สิงคโปร์แยกตัวออกจากสหพันธ์รัฐมาลายาเมื่อปี 2508 ซึ่งพรรคกิจประชาชน (ประชาชนพรรค – บ) ภายใต้การนำของนายลีเซียนลุงได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นโดยมีสมาชิกของพรรคบได้รับเลือกตั้งจำนวน 82 ที่นั่งจากทั้งหมด 84 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร (ด้วยจำนวนคะแนนเสียงสนับสนุนจากผู้ลงคะแนนเสียงทั้งหมดร้อยละ 66.6) สำหรับอีก 2 ที่นั่งเป็นของพรรคผู้ปฏิบัติงานของบุคคล (WP) และสิงคโปร์ประชาธิปไตยพันธมิตร (SDA) ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองรวม 4 พรรคส่งผู้สมัครลงแข่งขันได้แก่พรรคประชาชนพรรคซึ่งเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านอีก 3 พรรคประกอบด้วย (1) พรรคของผู้ปฏิบัติงานพรรค (WP) ก่อตั้งเมื่อปี 2500 ภายใต้การนำของนายเกียง Thia ต่ำ (2) พรรคพันธมิตรประชาธิปไตยของสิงคโปร์ (SDA) ก่อตั้งเมื่อปี 2544 และเป็นการรวมตัวของหลายพรรคการเมืองได้แก่ชาติเอกภาพพรรค (NSP), สิงคโปร์มาเลย์แห่งชาติองค์กร (PKMS), สิงคโปร์คนพรรค (เพื่อใช้ในโครงการและฝ่ายยุติธรรมสิงคโปร์ภายใต้การนำของนายตองดูโขงเจียม (3) พรรคพรรคประชาธิปไตยสิงคโปร์ (SDP) ก่อตั้งเมื่อปี 2523 โดยมีนายชี้ฟ้าให้ Juan เป็นเลขาธิการ การเลือกตั้งของสิงคโปร์ประกอบด้วยเขตเลือกตั้งผู้แทนเดียว (หนึ่งเดียวซึ่งตน – SMC) จำนวน 9 เขตและเขตเลือกตั้งกลุ่มผู้แทน (กลุ่มแทนซึ่งตน – GRC) จำนวน 14 เขตซึ่งพรรคบได้ส่งผู้ลงสมัครในทุกเขตขณะที่พรรคฝ่ายค้านได้ส่งผู้สมัครในเขต SMC จำนวน 9 เขตและเขต GRC จำนวน 7 เขตรวม 47 ที่นั่งซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด มีชาวสิงคโปร์ที่มีสิทธิเลือกตั้ง 1.2 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งหมด 4 ล้านคนโดยมีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 94.01 ทั้งนี้ร้อยละ 40 เป็นผู้ที่เกิดหลังปี 2508 ซึ่งเป็นปีที่สิงคโปร์ได้ประกาศเอกราชนอกจากนี้เป็นครั้งแรกที่สิงคโปร์ได้จัดให้มีการเลือกตั้งนอกประเทศในสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่จำนวน 8 แห่ง (กรุงวอชิงตันนครซานฟรานซิสโกกรุงโตเกียวกรุงปักกิ่งนครเซี่ยงไฮ้เมืองฮ่องกงกรุงแคนเบอร์ราและกรุงลอนดอน)การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ๒๕๔๙ นายลีเซียนลุงนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ซึ่งจะเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งต่อประธานาธิบดีสิงคโปร์ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 คณะรัฐมนตรีชุดนี้ประกอบด้วยรัฐมนตรีจากคณะรัฐมนตรีชุดก่อนและยังคงดำรงตำแหน่งเดิมเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะตำแหน่งหลักอาทินายโก๊ะจ๊กตงเป็นรัฐมนตรีอาวุโสนายลีกวนยูเป็นรัฐมนตรีที่ปรึกษาศาสตราจารย์เอสจายากูมาร์เป็นรองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกฎหมายและรัฐมนตรีประสานงานกิจการด้านความมั่นคงแห่งชาตินายจอร์จเยียวเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและนายเตียวชีเฮียนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดเดิมที่ไม่ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกได้แก่นายเยียวเชียวตงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนโยบาย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2548 นายลีเซียนลุงได้กล่าวถ้อยแถลงต่อประชาชนในโอกาสวันชาติสิงคโปร์ (การพูดการชุมนุมวันชาติ) โดยได้ระบุถึงทิศทางในการพัฒนาประเทศและการดำเนินนโยบายต่างประเทศโดยในด้านการต่างประเทศนั้นสิงคโปร์จะให้ความสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศอาเซียน (โดยเฉพาะมาเลเซียและอินโดนีเซีย) รวมทั้งกับประเทศมหาอำนาจสำคัญ ๆ ได้แก่สหรัฐฯ จีนญี่ปุ่นอินเดียสหภาพยุโรปและออสเตรเลียนอกจากนั้นจะให้ความสำคัญกับการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนและการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายสำหรับนโยบายภายในประเทศ (remake สิงคโปร์) สิงคโปร์จะมุ่งเน้นเรื่องการปรับตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกโดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนวัตกรรมการประกอบการการวิจัยและการพัฒนา (นวัตกรรม องค์กร และ R & D) สำหรับด้านสังคมจะให้ความสำคัญกับการขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับประชาชนการดูแลคนชราและผู้ที่มีรายได้ต่ำรวมทั้งการส่งเสริมวัฒนธรรมด้านบริการเพื่อให้สิงคโปร์มีลักษณะของเมืองที่มีความเป็นสากลการเปิดกว้างทางสังคม นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ย้ำในหลายโอกาสว่าประสงค์ที่จะพัฒนาสิงคโปร์ให้เป็นสังคมที่โปร่งใสและเปิดกว้างมากขึ้น (เปิด และโปร่งใสมากขึ้นสังคม) โดยจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปทั้งนี้โดยคำนึงถึงค่านิยมที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของประเทศ (อาทิการเป็นพหุสังคมที่มีความแตกต่างด้านเชื้อชาติและศาสนา) มากกว่าการนำระบบเสรีนิยมประชาธิปไตยของตะวันตกมาปรับใช้อย่างไรก็ดีผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองสิงคโปร์เห็นว่าประเด็นเรื่องศาสนาและความแตกต่างทางเชื้อชาติเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนในสังคมสิงคโปร์
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
การเมืองการปกครอง


ประเทศสิงคโปร์มีการปกครองระบอบสาธารณรัฐแบบรัฐสภา (Parliamentary Parliament) มีสภาเดียว (Unicameral parliament) มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ (วาระ 6 ปี) และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาล/หัวหน้าฝ่ายบริหาร (วาระ 5 ปี) สิงคโปร์มีเสถียรภาพและความต่อเนื่องทางการเมืองโดยมีรัฐบาลภายใต้การนำของพรรค People’s Action Party (PAP) มาโดยตลอดนับตั้งแต่แยกตัวออกจากมาเลเซียเมื่อปี 2508 เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2547 นายลี เซียน ลุง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานธนาคารกลาง (บุตรของนายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์)ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่สามของสิงคโปร์ สืบแทนนายโก๊ะ จ๊ก ตง (ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโส)


การเลือกตั้งประธานาธิบดีสิงคโปร์
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2548 นายเอส อาร์ นาธาน ครบวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสิงคโปร์สมัยแรก (นายนาธานอายุ 81 ปี เป็นประธานาธิบดีคนที่ 6 ของสิงคโปร์ แต่เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่มาจากการเลือกตั้ง) เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมัยที่สองเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2548 [ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2548 คณะกรรมการเลือกตั้งประธานาธิบดี (Presidential Elections Committee) ได้ประกาศว่า นายนาธานได้เป็นประธานาธิบดี โดยอัตโนมัตเนื่องจากผู้สมัครแข่งขันคนอื่นขาดคุณสมบัติ ]


การเลือกตั้งทั่วไป
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2549 สิงคโปร์ได้จัดการเลือกตั้งทั่วไป ก่อนสภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระในเดือนพฤศจิกายนปี 2550 และเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่นายลี เซียน ลุง เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นครั้งที่ 13 นับตั้งแต่สิงคโปร์แยกตัวออกจากสหพันธ์รัฐมาลายาเมื่อปี 2508 ซึ่งพรรคกิจประชาชน (People’s Action Party – PAP) ภายใต้การนำของนายลี เซียน ลุง ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น โดยมีสมาชิกของพรรค PAP ได้รับเลือกตั้งจำนวน 82 ที่นั่งจากทั้งหมด 84 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร (ด้วยจำนวนคะแนนเสียงสนับสนุนจากผู้ลงคะแนนเสียงทั้งหมด ร้อยละ 66.6) สำหรับอีก 2 ที่นั่งเป็นของพรรค Worker’s Party (WP) และ Singapore Democratic Alliance (SDA)

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีพรรคการเมืองรวม 4 พรรคส่งผู้สมัครลงแข่งขัน ได้แก่ พรรค People’s Action Party ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านอีก 3 พรรค ประกอบด้วย (1) พรรค Worker’s Party (WP) ก่อตั้งเมื่อปี 2500 ภายใต้การนำของนาย Low Thia Kiang (2) พรรค Singapore Democratic Alliance (SDA) ก่อตั้งเมื่อปี 2544 และเป็นการรวมตัวของหลายพรรคการเมืองได้แก่ National Solidarity Party (NSP), Singapore Malay National Organization (PKMS), Singapore People’s Party (SPP) และ Singapore Justice Party ภายใต้การนำของนาย Chiam See Tong (3) พรรค Singapore Democratic Party (SDP) ก่อตั้งเมื่อปี 2523 โดยมีนาย Chee Soo Juan เป็นเลขาธิการ

การเลือกตั้งของสิงคโปร์ประกอบด้วยเขตเลือกตั้งผู้แทนเดียว (Single Member Constituency – SMC) จำนวน 9 เขต และเขตเลือกตั้งกลุ่มผู้แทน (Group Representation Constituency – GRC) จำนวน 14 เขต ซึ่งพรรค PAP ได้ส่งผู้ลงสมัครในทุกเขต ขณะที่พรรคฝ่ายค้านได้ส่งผู้สมัครในเขต SMC จำนวน 9 เขต และเขต GRC จำนวน 7 เขต รวม 47 ที่นั่ง ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด

มีชาวสิงคโปร์ที่มีสิทธิเลือกตั้ง 1.2 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งหมด 4 ล้านคน โดยมีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 94.01 ทั้งนี้ ร้อยละ 40 เป็นผู้ที่เกิดหลังปี 2508 ซึ่งเป็นปีที่สิงคโปร์ได้ประกาศเอกราช นอกจากนี้ เป็นครั้งแรกที่สิงคโปร์ได้จัดให้มีการเลือกตั้งนอกประเทศในสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่จำนวน 8 แห่ง (กรุงวอชิงตัน นครซานฟรานซิสโก กรุงโตเกียว กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ เมืองฮ่องกง กรุงแคนเบอร์รา และกรุงลอนดอน)


การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2549 นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งจะเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งต่อประธานาธิบดีสิงคโปร์ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2549

คณะรัฐมนตรีชุดนี้ประกอบด้วยรัฐมนตรีจากคณะรัฐมนตรีชุดก่อนและยังคงดำรงตำแหน่งเดิมเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตำแหน่งหลัก อาทิ นายโก๊ะ จ๊ก ตง เป็นรัฐมนตรีอาวุโส นายลี กวน ยู เป็นรัฐมนตรีที่ปรึกษา ศาสตราจารย์ เอส จายากูมาร์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกฎหมาย และรัฐมนตรีประสานงานกิจการด้านความมั่นคงแห่งชาติ นายจอร์จ เยียว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายเตียว ชี เฮียน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดเดิมที่ไม่ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีก ได้แก่ นายเยียว เชียว ตง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม


นโยบาย
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2548 นายลี เซียน ลุงได้กล่าวถ้อยแถลงต่อประชาชนในโอกาสวันชาติสิงคโปร์ (National Day Rally Speech) โดยได้ระบุถึงทิศทางในการพัฒนาประเทศและการดำเนินนโยบายต่างประเทศ โดยในด้านการต่างประเทศนั้น สิงคโปร์จะให้ความสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศอาเซียน (โดยเฉพาะมาเลเซียและอินโดนีเซีย) รวมทั้งกับประเทศมหาอำนาจสำคัญๆ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สหภาพยุโรปและออสเตรเลีย นอกจากนั้น จะให้ความสำคัญกับการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียน และการแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย สำหรับนโยบายภายในประเทศ สิงคโปร์จะมุ่งเน้นเรื่องการปรับตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก (remake Singapore) โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนวัตกรรม การประกอบการ การวิจัยและการพัฒนา (innovation, enterprise and R&D) สำหรับด้านสังคม จะให้ความสำคัญกับการขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับประชาชน การดูแลคนชราและผู้ที่มีรายได้ต่ำ รวมทั้งการส่งเสริมวัฒนธรรมด้านบริการเพื่อให้สิงคโปร์มีลักษณะของเมืองที่มีความเป็นสากล


การเปิดกว้างทางสังคม
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ย้ำในหลายโอกาสว่าประสงค์ที่จะพัฒนาสิงคโปร์ให้เป็นสังคมที่โปร่งใสและเปิดกว้างมากขึ้น (a more transparent and open society) โดยจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงค่านิยมที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของประเทศ (อาทิ การเป็นพหุสังคมที่มีความแตกต่างด้านเชื้อชาติและศาสนา) มากกว่าการนำระบบเสรีนิยมประชาธิปไตยของตะวันตกมาปรับใช้ อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองสิงคโปร์เห็นว่าประเด็นเรื่องศาสนาและความแตกต่างทางเชื้อชาติเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนในสังคมสิงคโปร์
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
การเมืองการปกครอง


ประเทศสิงคโปร์มีการปกครองระบอบสาธารณรัฐแบบรัฐสภา ( รัฐสภา รัฐสภา ) มีสภาเดียว ( รัฐสภาส่วนประกอบของห้องเดี่ยว ) มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ ( วาระ 6 . ) และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาล / หัวหน้าฝ่ายบริหาร ( วาระ 5 . )พรรคกิจประชาชน ( PAP ) มาโดยตลอดนับตั้งแต่แยกตัวออกจากมาเลเซียเมื่อปีเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมพ.ศ. 2547 นายลีเซียนลุงรองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานธนาคารกลาง ( บุตรของนายลีกวนยูสืบแทนนายโก๊ะจ๊กตง ( ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโส )



การเลือกตั้งประธานาธิบดีสิงคโปร์เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2548 นายเอสอาร์นาธานครบวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสิงคโปร์สมัยแรก ( นายนาธานอายุ 81 . เป็นประธานาธิบดีคนที่ 6 ของสิงคโปร์แต่เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่มาจากการเลือกตั้ง )1 กันยายน 2548 [ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2548 คณะกรรมการเลือกตั้งประธานาธิบดี ( คณะกรรมการการเลือกตั้งประธานาธิบดี ) ได้ประกาศว่านายนาธานได้เป็นประธานาธิบดีโดยอัตโนมัตเนื่องจากผู้สมัครแข่งขันคนอื่นขาดคุณสมบัติ ]



การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2549 สิงคโปร์ได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปก่อนสภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระในเดือนพฤศจิกายนปี 2550 และเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่นายลีเซียนลุงเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเป็นครั้งที่ 13พ.ศ. ซึ่งพรรคกิจประชาชน ( ประชาชนการกระทำของพรรค ( PAP ) ภายใต้การนำของนายลีเซียนลุงได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นโดยมีสมาชิกของพรรคได้รับเลือกตั้งจำนวน 82 84 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรที่นั่งจากทั้งหมดแปปร้อยละ 666 ) สำหรับอีก 2 ที่นั่งเป็นของพรรคพรรคแรงงาน ( WP ) และสิงคโปร์กลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตย ( SDA )

ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองรวม 4 พรรคส่งผู้สมัครลงแข่งขันได้แก่พรรคประชาชนการกระทำของพรรคซึ่งเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านอีก 3 พรรคประกอบด้วย ( 1 ) พรรคพรรคแรงงาน ( WP ) ก่อตั้งเมื่อปี 2500 ภายใต้การนำของนายต่ำเคียง ( 2 ) พรรคสิงคโปร์กลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตย ( SDA ) ก่อตั้งเมื่อปี 2544 และเป็นการรวมตัวของหลายพรรคการเมืองได้แก่พรรคเอกภาพแห่งชาติ ( NSP )องค์กรแห่งชาติมาเลย์ สิงคโปร์ ( PKM3 ) พรรคประชาชนสิงคโปร์ ( SPP ) และสิงคโปร์พรรคยุติธรรมภายใต้การนำของนายเจียมซีตง ( 3 ) พรรคสิงคโปร์พรรคประชาธิปัตย์ ( SDP ) ก่อตั้งเมื่อปี 2523 โดยมีนายชีซูจวน เป็นเลขาธิการ

การเลือกตั้งของสิงคโปร์ประกอบด้วยเขตเลือกตั้งผู้แทนเดียว ( เดี่ยวสมาชิกเขตเลือกตั้ง ( SMC ) จำนวน 9 เขตและเขตเลือกตั้งกลุ่มผู้แทน ( เขตเลือกตั้งแทนกลุ่ม GRC – ) จำนวน 14 เขตซึ่งพรรคได้ส่งผู้ลงสมัครในทุกเขตแปปSMC จำนวน 9 เขตและเขต GRC จำนวน 7 เขตรวม 47 ที่นั่งซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด

มีชาวสิงคโปร์ที่มีสิทธิเลือกตั้ง 1.2 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งหมด 4 ล้านคนโดยมีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 9401 ทั้งนี้ร้อยละ 40 เป็นผู้ที่เกิดหลังปีพ.ศ. ซึ่งเป็นปีที่สิงคโปร์ได้ประกาศเอกราชนอกจากนี้เป็นครั้งแรกที่สิงคโปร์ได้จัดให้มีการเลือกตั้งนอกประเทศในสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่จำนวน 8 แห่งนครซานฟรานซิสโกกรุงโตเกียว Gas นครเซี่ยงไฮ้เมืองฮ่องกงกรุงแคนเบอร์ราและกรุงลอนดอน )
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: