Since the beginning of the Industri

Since the beginning of the Industrial Revolution (taken as the year 1750), the burning of fossil fuels and extensive clearing of native forests has contributed to a 40% increase in the atmospheric concentration of carbon dioxide, from 280 ppm in 1750 to 392.6 ppm in 2012.[5][6] It has now reached 400 ppm in the northern hemisphere. This increase has occurred despite the uptake of a large portion of the emissions by various natural "sinks" involved in the carbon cycle.[7][8] Anthropogenic carbon dioxide (CO2) emissions (i.e., emissions produced by human activities) come from combustion of carbon-based fuels, principally wood, coal, oil, and natural gas.[9] Under ongoing greenhouse gas emissions, available Earth System Models project that the Earth's surface temperature could exceed historical analogs as early as 2047 affecting most ecosystems on Earth and the livelihoods of over 3 billion people worldwide.[10]

In the Solar System, the atmospheres of Venus, Mars, and Titan also contain gases that cause a greenhouse effect, though Titan's atmosphere has an anti-greenhouse effect that reduces the warming

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรม (ถ่ายเป็นปี 1750), การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลและหักบัญชีอย่างละเอียดของเจ้าป่ามีส่วนการเพิ่ม 40% ในความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บรรยากาศจาก 280 ppm ใน 1750-392.6 ppm ใน 2012 [5] [6] ตอนนี้มันมีถึง 400 ppm ในซีกโลกเหนือ เกิดขึ้นนี้แม้ มีการดูดซับของส่วนใหญ่ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ ธรรมชาติ "เก็บ" เกี่ยวข้องกับวัฏจักรคาร์บอน [7] [8] ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) มาของมนุษย์ (เช่น การปล่อยจากกิจกรรมมนุษย์) มาจากการเผาไหม้ของคาร์บอนโดยใช้เชื้อ เพลิง หลักไม้ ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ [9] ภายใต้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง แบบจำลองระบบโลกที่มีโครงการว่าอุณหภูมิพื้นผิวของโลกอาจเกิน analogs ที่ประวัติศาสตร์เป็นต้นเป็น 2047 ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศมากที่สุดในโลกและวิถีชีวิตของผู้คนกว่า 3 ล้านทั่วโลก [10]ในระบบสุริยะ บรรยากาศของดาวศุกร์ ดาวอังคาร และไททันจะประกอบด้วยก๊าซที่ทำให้เกิดเรือนกระจก แม้ว่าบรรยากาศของไททันมีผลกระทบเรือนกระจกป้องกันที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรม (นำมาเป็นปี 1750) การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลและครอบคลุมการหักบัญชีของป่าไม้พื้นเมืองได้มีส่วนร่วมในการเพิ่มขึ้น 40% ในบรรยากาศความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จาก 280 ppm ใน 1,750-392.6 ppm ใน 2012 [5] [6] มันได้ถึงตอนนี้ 400 ppm ในซีกโลกเหนือ การเพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นแม้จะมีการดูดซึมของส่วนใหญ่มาจากการปล่อยมลพิษต่างๆโดยธรรมชาติ "อ่าง" มีส่วนร่วมในวัฏจักรคาร์บอน. [7] [8] ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Anthropogenic (CO2) (เช่นการปล่อยก๊าซที่ผลิตโดยกิจกรรมของมนุษย์) มาจาก การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงคาร์บอนตามหลักไม้ถ่านหินน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ. [9] ภายใต้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่องที่มีโครงการรุ่นระบบโลกว่าอุณหภูมิพื้นผิวโลกได้เกิน analogs ประวัติศาสตร์เป็นช่วงต้น 2047 มีผลกระทบต่อระบบนิเวศมากที่สุดในโลก และการดำรงชีวิตกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก. [10] ในระบบสุริยะชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์ดาวอังคารและไททันยังมีก๊าซที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก แต่บรรยากาศของไททันมีฤทธิ์ต้านการเรือนกระจกที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรม ( ถ่ายเมื่อปี 1750 ) , การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลและการล้างที่กว้างขวางของป่าพื้นเมืองมีส่วนเพิ่ม 40% ในความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ จาก 280 ppm ใน 1750 เพื่อ 392.6 ppm ใน 2012 . [ 5 ] [ 6 ] ขณะนี้ได้ถึง 400 มิลลิกรัม ในภาคเหนือของซีกโลกเพิ่มนี้เกิดขึ้นแม้จะมีการส่วนใหญ่ของการปล่อยก๊าซโดยเก็บธรรมชาติต่างๆ " " ที่เกี่ยวข้องกับวงจรคาร์บอน [ 7 ] [ 8 ] มนุษย์คาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2 ) ( เช่น การผลิต โดยกิจกรรมของมนุษย์ ) มาใช้เชื้อเพลิงจากการเผาไหม้ของคาร์บอน , หลักไม้ ถ่านหิน น้ำมัน และ ก๊าซธรรมชาติ [ 9 ] ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างต่อเนื่องแบบจำลองระบบดินของโครงการว่า อุณหภูมิพื้นผิวโลกจะเกินนี้ประวัติศาสตร์เร็ว 2047 มีผลต่อระบบนิเวศบนโลกและวิถีชีวิตกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก [ 10 ]

ในระบบสุริยะ ชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์ ดาวอังคาร และไททันยังมีก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกผลกระทบแม้ว่าบรรยากาศของไททันมีป้องกันภาวะเรือนกระจกที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน