Following the full moon day in July

Following the full moon day in July is the beginning of Buddhist lent, which the Buddha assigned to all of his disciples. It is said that Buddhist monks traveled in every season, especially in the rainy season, when sometimes they accidentally stepped on young plants and insects. People complained about this matter and so the Buddha called the monks to a gathering and said, “Behold monks, I grant you all to stay in the monastery in the rainy season.”

The commentary says that there are two forms of the Buddhist lent; 1. The first one is directly after the full moon day of July. 2. The second one is after the new moon day or a month after the original day.

The regulation is that all monks have to stay in the temple for three months, they are not supposed to over night anywhere during this time. If, for some unavoidable reason they have to travel, they must catch dawn in the temple. In the case of extreme emergencies or absolutely necessary journeys, they may be away for seven days, before their return.

There is an ancient tradition that the monks repeat three times saying “I stay in this monastery for three months” this is the Buddhist lent as proclaimed by the Buddha.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ต่อไปนี้ในวันพระจันทร์เต็มดวงในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นเข้าพรรษา พระพุทธศาสนาซึ่งพระพุทธเจ้ากับสาวกของเขาทั้งหมด มีกล่าวว่า พระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูฝน เมื่อบางครั้งพวกเขาไม่ได้ตั้งใจเหยียบอ่อนและแมลง คนที่แนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเพื่อให้พระพุทธเจ้าเรียกว่าพระสงฆ์จะมีการชุมนุม และกล่าว ว่า "ข้าแต่พระสงฆ์ ผมให้คุณทั้งหมดจะอยู่ในสำนักสงฆ์ในฤดูฝน"

ความเห็นกล่าวว่า มีสองรูปแบบของพระพุทธศาสนาเข้าพรรษา 1. อันแรกเป็นตรงหลังวันพระจันทร์เต็มดวงของเดือนกรกฎาคม 2. สองเป็นเดือนหลังจากเดิมวันนั้นหรือวันนิวมูน

เป็นข้อบังคับให้พระสงฆ์ทั้งหมดต้องอยู่ในวัดสามเดือน พวกเขาไม่ควรจะข้ามคืนที่ใดก็ได้ในช่วงเวลานี้ ถ้า สำหรับเหตุผลบางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องเดินทาง พวกเขาต้องจับรุ่งอรุณในพระวิหาร ในกรณีที่ฉุกเฉินมากหรือจำเป็นอย่างยิ่งที่เจอร์นีย์ พวกเขาอาจจะไปวัน 7 ก่อนแทนการ

มีประเพณีโบราณว่า พระสงฆ์ทำซ้ำ 3 ครั้งว่า "ฉันอยู่ในอารามนี้สามเดือน" นี้เป็นพุทธที่ยืมตามประกาศ โดยพระพุทธเจ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ต่อไปนี้ในวันที่พระจันทร์เต็มดวงในเดือนกรกฎาคมเป็นจุดเริ่มต้นของวันเข้าพรรษาซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ได้รับมอบหมายให้ทุกเหล่าสาวกของพระองค์ ว่ากันว่าพระสงฆ์เดินทางไปในทุกฤดูกาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนเมื่อบางครั้งพวกเขาตั้งใจเหยียบพืชหนุ่มและแมลง คนบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้และเพื่อให้พระพุทธรูปที่เรียกว่าพระสงฆ์ในการชุมนุมและกล่าวว่า "ดูเถิดพระสงฆ์ฉันให้คุณทุกคนที่จะอยู่ในวัดในฤดูฝน." เห็นบอกว่ามีสองรูปแบบของการเข้าพรรษา; 1. คนแรกคือโดยตรงหลังจากวันพระจันทร์เต็มดวงของเดือนกรกฎาคม 2. หนึ่งที่สองคือหลังจากวันที่ดวงจันทร์ใหม่หรือเดือนหลังจากวันที่เดิมกฎระเบียบที่ทุกคนต้องมีพระสงฆ์ที่จะอยู่ในวัดเป็นเวลาสามเดือนที่พวกเขาไม่ควรจะข้ามคืนได้ทุกที่ในช่วงเวลานี้ หากสำหรับบางเหตุผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาต้องเดินทางพวกเขาต้องจับรุ่งอรุณในวัด ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินรุนแรงหรือการเดินทางที่จำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขาอาจจะอยู่ห่างออกไปเป็นเวลาเจ็ดวันก่อนที่พวกเขากลับมามีประเพณีโบราณที่พระสงฆ์ทำซ้ำสามครั้งกล่าวว่า "ผมอยู่ในวัดนี้เป็นเวลาสามเดือน" นี่คือการเข้าพรรษาเป็น เป็นประกาศโดยพระพุทธเจ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ต่อไปนี้วันพระจันทร์เต็มดวงในกรกฎาคมวันเข้าพรรษาที่พระพุทธเจ้ากำหนดทั้งหมดของเหล่าสาวกของพระองค์ มันบอกว่า พระสงฆ์เดินทางไปในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในฤดูฝน เมื่อบางครั้งพวกเขาเผลอเหยียบต้นกล้าไม้และแมลง คนบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และดังนั้น พระพุทธเจ้าเรียกพระสงฆ์มาชุมนุม และกล่าวว่า " ดูเถิด พระฉันให้คุณทั้งหมดจะอยู่ในวัดในฤดูฝน "

ความเห็นบอกว่ามีอยู่สองรูปแบบของวันออกพรรษา ; 1 หนึ่งคือโดยตรงหลังจากวันพระจันทร์เต็มดวงของเดือนกรกฎาคม 2 . สองคือหลังจากพระจันทร์วันหรือ 1 เดือนหลังจากวันเดิม

ระเบียบคือ พระสงฆ์ทั้งหมดต้องอยู่ในวัดเป็นเวลา 3 เดือนพวกเขาไม่ควรจะมากกว่าคืนไหนในช่วงเวลานี้ ถ้าสำหรับบางหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาต้องเดินทาง ก็ต้องจับ รุ่งอรุณ ในวัด ในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นมากอย่างแน่นอน การเดินทาง พวกเขาอาจไปเจ็ดวัน ก่อนกลับของพวกเขา .

มีประเพณีโบราณที่พระสงฆ์ทำซ้ำสามครั้งกล่าวว่า " ผมอยู่ในวัดนี้เป็นเวลาสามเดือน " นี่คือวันเข้าพรรษาเป็นประกาศโดยพระพุทธเจ้า