*** Avatar *** ความทะเยอทะยาน และบท "วิพากษ์-วิจารณ์" มนุษย์
*** Avatar ***
James Cameron กลับมาอีกครั้ง หลังจาก 12 ปีแห่งความสำเร็จที่เป็นตำนานของ Titanic
Avatar คือผลงานล่าสุดของ Cameron ที่ได้รับการคาดหวังว่า นี่อาจจะเป็น Titanic เรื่องใหม่ได้ไม่ยาก ด้วยทุนสร้างมหาศาล และความทะเยอทะยานในงานสร้างของ Cameron ที่ต้องการสร้างโลกในจินตนาการให้ออกมาสมจริงกว่าหนังทุกเรื่องที่เคยมีมา โดยการพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสกับเรื่องราวในหนังแบบ 3 มิติ
Avatar เล่าเรื่องราวของ Jake Sully (Sam Worthington) นาวิกโยธินขาพิการ ที่ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา Jake ต้องเข้ามาทำงานแทนพี่ชายที่เสียชีวิต ในการควบคุม “ร่างอวตาร” ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการสำรวจทางวิทยาศาสตร์บนดาว Pandora ดวงดาวที่ห่างไกลจากโลกหลายปีแสง เนื่องจากเขามี DNA ที่เข้ากันได้กับร่างนี้
ที่ดาว Pandora พันเอก Miles Quaritch (Stephen Lang) นายทหารที่ทำงานรับใช้บริษัท ได้ยื่นข้อเสนอกับ Jake ว่า จะออกค่าใช้จ่ายสำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนขาให้กับเขา ถ้าเขาแทรกซึมเพื่อสืบเรื่องราวของ ชาว Na’vi ชาวพื้นเมืองที่ตอนนี้เป็นตัวขัดขวางสำคัญ ในการเข้าถึงแหล่งแร่อันล้ำค่า เนื่องจากพวกเขาตั้งรกรากอยู่ในบริเวณที่มีแร่ชนิดนี้
Jake รับข้อเสนอนี้อย่างยินดี ขณะที่ Dr. Grace Augustine (Sigourney Weaver) นักวิทยาศาสตร์หัวหน้าของ Jake นั้น ไม่เห็นด้วย และไม่สนับสนุนการใช้กำลังกับชาวพื้นเมือง
แต่เมื่อ Jake ได้เข้าไปใช้ชีวิตคลุกคลีกับชนพื้นเมือง ความคิดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
เท่าที่ได้ยินจากเรื่องย่อคร่าวๆ Avatar ก็เหมือนกับหนังหลายๆเรื่อง ที่ดัดแปลงมาจากเรื่อง Pocahontas ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเรื่องราว Classic ที่ถูกดัดแปลงมานับครั้งไม่ถ้วน
แม้จะเป็นเรื่องราวง่ายๆ และเห็นกันจนบ่อยแล้ว แต่หนังก็ทำออกมาได้ดี และถือว่าเหมาะสมกับเป้าหมายของตัวหนังที่สุด นั่นก็คือ
ต้องเข้าถึงกลุ่มคนหมู่มาก และ ต้องสามารถใช้แสดงศักยภาพของ “งานด้านภาพ” ที่เป็นอีกหนึ่งจุดขายสำคัญของหนังได้อย่างเต็มที่ ที่ลืมไม่ได้ก็คือ มันต้องส่งสารให้กับผู้ชมได้ง่าย และชัดเจน
ซึ่ง Cameron ใช้ประโยชน์จาก Plot เชยๆนี้ ในการสอดแทรกประเด็นต่างๆที่น่าสนใจลงไปอีกมากมาย ถึงแม้ว่าประเด็นเหล่านี้จะไม่ใช่ของที่สดใหม่นัก
เพราะรู้สึกว่า Cameron จะหยิบยืมส่วนต่างๆ ของหนังเรื่องอื่นๆที่ถูกสร้างมาก่อนหน้านี้ใส่ผสมลงไป แต่ก็ถือว่าเป็นการผสมที่กลมกล่อมทีเดียว
แม้ Avatar จะเล่าเรื่องราวในอีก 100 ปีข้างหน้า แต่หนังก็เสียดสีเหตุการณ์ในปัจจุบันออกมาอย่างคมคาย ในเรื่องของ “สงครามและหน้าที่ของทหาร” อย่างที่เสียงบรรยายของ Jake ได้บอกกล่าวกับผู้ชมไว้ว่า
ปัจจุบัน ทหารไม่ได้ทำสงครามเพื่อปลดปล่อยตัวเอง หรือเพื่ออิสรภาพเหมือนอย่างในอดีต
หากแต่มีหน้าที่รับใช้บริษัท หรือพูดง่ายๆ นี่คือ “ทหารรับจ้าง” ที่ไร้ซึ่งอุดมการณ์
หากแต่ทำงานเพื่อ “เงิน” เท่านั้น
ซึ่งนี่คงไม่ต่างจากหลายๆสงครามในปัจจุบัน (โดยเฉพาะสงครามที่ก่อขึ้นโดยอเมริกา) ซึ่งเบื้องหลังที่แท้จริงก็คือ ผลประโยชน์ นั่นเอง
ที่สำคัญกลุ่มที่มีอิทธิพลควบคุมกองทัพก็คือ บรรดากลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีอำนาจในทางการเมือง (และ “สื่อ” อีกหนึ่งอาวุธทรงประสิทธิภาพในปัจจุบัน) จากการที่กลุ่มบริษัททั้งหลาย ต่างก็เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับพรรคการเมืองนั่นเอง
ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ Cameron จะจงใจใส่บทบรรยายนี้ลงมาในหนัง เพราะมันสอดรับกับเนื้อเรื่อง และสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างดี
ใน Avatar หนังให้ภาพของโลกสองโลกที่ค่อนข้างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โลกหนึ่งคือ โลกของมนุษย์ ขณะที่อีกโลกหนึ่งคือ โลกของชาว Na’vi สิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองโลกก็คงจะเป็น “ความเจริญ” ที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเหมือนๆกัน หากแต่เป็นความเจริญในคนละด้าน