The gut bacteria of infants who dev

The gut bacteria of infants who developed tolerance to cow's milk after treatment with probiotic formula showed significant differences from those who remained allergic, according to a new study published September 22, 2015, in The ISME Journal by scientists from the University of Chicago, Argonne National Laboratory and the University of Naples Federico II, Italy.

The newly tolerant infants had higher levels of several strains of bacteria that produce short chain fatty acids, such as butyrate, which help maintain homeostasis in the gut. The discovery of bacteria that drive tolerance to problem foods like cow's milk could be crucial to developing new treatments to help children with food allergies.

There has been an unprecedented increase in food allergies in developed countries, rising by as much as 20 percent in the past decade. Allergy to cow's milk is one of the most common, occurring in up to three percent of children worldwide.

Emerging evidence suggests that modern environmental influences, including widespread antibiotic use, high-fat and low-fiber diets, reduced exposure to infectious diseases, Caesarean birth and formula feeding have altered the mutually beneficial relationship between humans and the bacteria that live in our gastrointestinal tract. This dysbiosis, or skewing of the structure of the microbial community, can predispose genetically susceptible individuals to allergies.

Previous research from collaborator Roberto Berni Canani and his team at the University of Naples showed that infants with cow's milk allergy who are fed formula containing a form of the milk protein casein, supplemented with the probiotic bacterial species Lactobacillus rhamnosus GG (LGG), develop tolerance at higher rates than those treated with a non-probiotic formula.

"Mouse model work from our laboratory published last year identified a common class of mucus-associated gut bacteria that play a critical role in regulating the access of dietary allergens to the bloodstream" said Cathryn Nagler, PhD, Bunning Food Allergy Professor at the University of Chicago and lead author of the study. "This suggests a novel mechanism by which commensal bacteria regulate allergic responses to food."

To examine whether probiotic administration modulates gut bacterial composition to enhance acquisition of tolerance to cow's milk, Nagler and colleagues performed sequence analysis to identify bacteria in stool samples collected from healthy infant subjects, infants with cow's milk allergy who had been fed the LGG enriched probiotic formula, and those who had been fed the formula without added probiotics.

Overall, the gut microbiome of infants with a cow's milk allergy was significantly different than healthy controls, suggesting that differences in the structure of the bacterial community indeed influence the development of allergies. Infants treated with the LGG probiotic formula who developed tolerance to cow's milk also had higher levels of bacteria that produce butyrate than those who were fed the probiotic formula but did not develop tolerance. This further suggests that tolerance is linked to the acquisition of specific strains of bacteria, including Blautia and Coprococcus, which produce butyrate.

"The ability to identify bacterial strains that could be used as novel therapeutics for treating food allergies is a fundamental advance," said Jack Gilbert, PhD, associate professor in the Department of Ecology & Evolution at the University of Chicago, group leader for microbial ecology at Argonne National Laboratory and co-author of the study. "Translating these findings into clinical treatments is our next goal, and one that is now possible through the new FARE Clinical Network center here at the University of Chicago."

In July 2015, University of Chicago Medicine was among 22 centers of excellence across the country chosen by Food Allergy Research and Education (FARE) to be inaugural members of its FARE Clinical Network, which is working to accelerate development of therapies and raise the standard of care for people with life-threating food allergies. Led by medical director Christina Ciaccio, MD, assistant professor of pediatrics at the University of Chicago Medicine, the center conducts trials for promising therapies and collaborates with FARE and other centers to establish best practices for the care of patients with food allergies.

The study, "Lactobacillus rhamnosus GG-supplemented formula expands butyrate-producing bacterial strains in food allergic infants," was supported by the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, Food Allergy Research and Education, the Chicago Biomedical Consortium and the Italian Ministry of Health.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แบคทีเรียลำไส้ของทารกที่พัฒนาการนมวัวหลังจากรักษา ด้วยโปรไบโอติกสูตรแสดงให้เห็นความแตกต่างที่สำคัญจากผู้ที่ยังคงแพ้ ตามผลการศึกษาเผยแพร่ 22 กันยายน 2015 ในการ ISME สมุดโดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชิคาโก Argonne ห้องปฏิบัติ การแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยของเนเปิลส์ Federico II อิตาลีคนใหม่ทนได้ระดับสูงของหลายสายพันธุ์ของแบคทีเรียที่ผลิตโซ่สั้น ๆ กรดไขมัน เช่นบิวทิเรต ที่ช่วยรักษาภาวะธำรงดุลในลำไส้ การค้นพบแบคทีเรียที่ไดรฟ์เผื่อปัญหาอาหารเหมือนนมวัวอาจจะสำคัญในการพัฒนาบริการใหม่เพื่อช่วยให้เด็ก มีอาการแพ้อาหารมีการเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยแพ้อาหารในประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่เพิ่มขึ้นมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ในทศวรรษที่ผ่านมา อาการแพ้นมวัวเป็นหนึ่งพบบ่อยที่สุด เกิดขึ้นถึง 3 เปอร์เซ็นต์ของเด็กทั่วโลกเกิดหลักฐานแนะนำว่า สมัยอิทธิพลสิ่งแวดล้อม การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างกว้างขวาง ไขมันสูงและอาหารเส้นใยต่ำ ลดเสี่ยงโรค เกิดกับซีซาร์ และนมมีการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ประโยชน์ร่วมกันระหว่างมนุษย์และเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในทางเดินอาหารระบบทางเดินอาหารของเรา นี้ dysbiosis หรือรูปของโครงสร้างชุมชนจุลินทรีย์ สามารถจูงใจบุคคลที่อ่อนแอทางพันธุกรรมกับโรคภูมิแพ้งานวิจัยก่อนหน้านี้จากโร Berni Canani และทีมของเขาที่มหาวิทยาลัยนาโปลีพบว่า ทารก มีอาการแพ้นมวัวที่มีอาหารสูตรที่ประกอบด้วยรูปแบบของการเคซีนโปรตีนนม เสริม ด้วยโปรไบโอติกแบคทีเรียชนิดแลคโตบาซิลลัส rhamnosus GG (LGG), พัฒนายอมรับในอัตราสูงกว่าที่ทำงานร่วมกันรักษา ด้วยไม่ใช่โปรไบโอติกสูตร"เมาส์รุ่นงานจากห้องปฏิบัติการของเราเผยแพร่ปีระบุระดับทั่วไปของแบคทีเรียในลำไส้เมือกเกี่ยวข้องที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเข้าถึงสารก่อภูมิแพ้อาหารไปสู่กระแสเลือด" กล่าวว่า Cathryn Nagler, PhD, Bunning อาหารแพ้อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยชิคาโกและผู้เขียนเป้าหมายของการศึกษา "นี่แนะกลไกนวนิยายซึ่งแบคทีเรีย commensal ควบคุมตอบแพ้อาหาร"การตรวจสอบว่าองค์ประกอบของแบคทีเรียลำไส้เพื่อเพิ่มซื้อการนมวัว modulates การบริหารโปรไบโอติก Nagler และเพื่อนร่วมงานทำการวิเคราะห์เพื่อระบุเชื้อแบคทีเรียในตัวอย่างอุจจาระที่รวบรวมจากวัตถุทารกที่มีสุขภาพดี ทารก มีอาการแพ้นมวัวที่มีการเลี้ยง LGG อุดมด้วยโปรไบโอติกสูตร และผู้ที่ได้รับอาหารสูตรโดยเพิ่มโปรไบโอติกโดยรวม microbiome ลำไส้ของทารกมีอาการแพ้นมวัวได้แตกต่างกว่าตัวควบคุมสุขภาพ แนะนำที่ แตกต่างในโครงสร้างของชุมชนแบคทีเรียมีผลการพัฒนาของโรคภูมิแพ้แน่นอน นอกจากนี้ทารกที่รักษา ด้วยโปรไบโอติกสูตร LGG ที่พัฒนาการนมวัวยังมีระดับสูงของแบคทีเรียที่ผลิตบิวทิเรตมากกว่าผู้ที่ได้เลี้ยงสูตรโปรไบโอติก แต่ไม่ได้พัฒนาความอดทน นอกจากนี้เพิ่มเติมแนะนำว่า ยอมรับเชื่อมโยงกับการซื้อเฉพาะสายพันธุ์ของแบคทีเรีย Blautia และ Coprococcus ผลิตบิวทิเรต"ความสามารถในการระบุสายพันธุ์แบคทีเรียที่สามารถใช้เป็นนวนิยาย therapeutics สำหรับรักษาอาการแพ้ คือ ล่วงหน้าแบบพื้นฐาน กล่าวว่า แจ็ค Gilbert ปริญญาเอก ศาสตราจารย์ในภาควิชานิเวศวิทยาและวิวัฒนาการที่มหาวิทยาลัยชิคาโก ผู้นำกลุ่มนิเวศวิทยาจุลินทรีย์ที่ Argonne ห้องปฏิบัติการแห่งชาติและผู้เขียนร่วมของการศึกษา "การแปลผลการวิจัยเหล่านี้เป็นการรักษาทางคลินิกเป็นเป้าหมายถัดไปของเรา และที่ได้ผ่านศูนย์กลางของเครือข่ายคลินิกค่าโดยสารนี่ใหม่ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก"ใน 2015 กรกฎาคม แพทย์มหาวิทยาลัยชิคาโกเป็นหมู่ 22 ศูนย์ความเป็นเลิศทั่วประเทศเลือกวิจัยโรคภูมิแพ้อาหารและการศึกษา (ค่าโดยสาร) เป็น สมาชิกเปิดค่าคลินิกเครือข่าย ที่ทำงานเพื่อเร่งพัฒนารักษา และยกระดับมาตรฐานการดูแลสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้อาหาร threating ชีวิต นำ โดยผู้อำนวยการแพทย์ Ciaccio Christina, MD ผู้ช่วยศาสตราจารย์กุมารแพทย์มหาวิทยาลัยชิคาโก ศูนย์การดำเนินการทดลองการรักษาสัญญา และร่วมโดยสารและอื่น ๆ เพื่อสร้างแนวทางปฏิบัติสำหรับการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการแพ้อาหารการศึกษา "แลคโตบาซิลลัส rhamnosus GG เสริมสูตรขยายผลิตบิวทิเรตสายพันธุ์แบคทีเรียในอาหารทารกแพ้ ได้รับการสนับสนุน โดยสถาบันแห่งชาติของโรคภูมิแพ้ และ โรคติดเชื้อ วิจัยโรคภูมิแพ้อาหาร และการศึกษา สมาคมแพทย์ชิคาโก และ กระทรวงสาธารณสุขอิตาลี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แบคทีเรียในลำไส้ของทารกที่ได้รับการพัฒนาความอดทนนมวัวหลังการรักษาด้วยสูตรโปรไบโอติกที่แสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากผู้ที่ยังคงแพ้ตามการศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ 22 กันยายน 2015 ใน ISME วารสารโดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชิคาโกอาร์กอนชาติ ห้องปฏิบัติการและมหาวิทยาลัยเนเปิลส์ Federico II, อิตาลี. ทารกใจกว้างใหม่มีระดับสูงขึ้นอีกหลายสายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรียที่ผลิตกรดไขมันห่วงโซ่สั้นเช่น butyrate ซึ่งช่วยรักษาสมดุลในลำไส้ การค้นพบแบคทีเรียที่ไดรฟ์ความอดทนกับอาหารปัญหาเช่นนมวัวอาจจะเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ที่จะช่วยให้เด็กมีอาการแพ้อาหาร. มีการเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในการแพ้อาหารในประเทศที่พัฒนาเพิ่มขึ้นมากที่สุดเท่าที่ร้อยละ 20 ในอดีตที่ผ่านมา ทศวรรษ. อาการแพ้นมวัวเป็นหนึ่งที่พบมากที่สุดที่เกิดขึ้นในได้ถึงร้อยละสามของเด็กทั่วโลก. หลักฐานที่เกิดขึ้นใหม่แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัยรวมถึงอาหารการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างกว้างขวางที่มีไขมันสูงและต่ำเส้นใยลดการสัมผัสกับโรคติดเชื้อ, ซีซาร์ การเกิดและการให้อาหารสูตรที่มีการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างมนุษย์และแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหารของเรา dysbiosis นี้หรือบิดเบือนของโครงสร้างของชุมชนจุลินทรีย์ที่สามารถจูงใจให้บุคคลที่อ่อนแอทางพันธุกรรมที่จะแพ้. วิจัยก่อนหน้านี้จากการทำงานร่วมกันโรแบร์โต Berni Canani และทีมงานของเขาที่มหาวิทยาลัยเนเปิลส์แสดงให้เห็นว่าทารกที่มีอาการแพ้นมวัวที่มีสูตรเฟดมีแบบฟอร์ม ของเคซีนโปรตีนนมเสริมด้วยโปรไบโอติกแบคทีเรียชนิดแลคโตบาซิลลัส rhamnosus GG (LGG) พัฒนาความอดทนในอัตราที่สูงกว่าผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยสูตรที่ไม่ใช่โปรไบโอติก. "งานเมาส์แบบจากห้องปฏิบัติการของเราตีพิมพ์ในปีที่ผ่านมาระบุระดับทั่วไปของเมือก แบคทีเรียในลำไส้ -associated ที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเข้าถึงของสารก่อภูมิแพ้อาหารเพื่อกระแสเลือด "Cathryn Nagler ปริญญาเอกกล่าวว่าศาสตราจารย์ Bunning โรคภูมิแพ้อาหารที่มหาวิทยาลัยชิคาโกและผู้เขียนนำการศึกษา "นี่แสดงให้เห็นกลไกโดยที่เชื้อแบคทีเรีย commensal ควบคุมการตอบสนองแพ้อาหาร." เพื่อตรวจสอบว่าการบริหารโปรไบโอติก modulates ลำไส้องค์ประกอบแบคทีเรียเพื่อเพิ่มการเข้าซื้อกิจการของความอดทนที่จะนมวัว Nagler และเพื่อนร่วมงานที่ดำเนินการวิเคราะห์ลำดับเพื่อแจ้งแบคทีเรียในอุจจาระที่เก็บได้จากที่มีสุขภาพดี วิชาที่เด็กทารกที่มีอาการแพ้นมวัวที่ได้รับการเลี้ยง LGG อุดมสูตรโปรไบโอติกและผู้ที่ได้รับอาหารสูตรโดยไม่ต้องโปรไบโอติกเพิ่ม. โดยรวมแล้ว microbiome ลำไส้ของทารกที่มีอาการแพ้นมวัวเป็นที่แตกต่างจากการควบคุมที่ดีต่อสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญบอก ที่แตกต่างในโครงสร้างของชุมชนแบคทีเรียแน่นอนอิทธิพลต่อการพัฒนาของโรคภูมิแพ้ ทารกที่รับการรักษาด้วยสูตรโปรไบโอติก LGG ที่พัฒนาความอดทนนมวัวยังมีระดับที่สูงขึ้นของเชื้อแบคทีเรียที่ผลิต butyrate กว่าผู้ที่ได้รับการเลี้ยงดูสูตรโปรไบโอติก แต่ไม่ได้พัฒนาความอดทน ต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นว่าความอดทนจะเชื่อมโยงกับการซื้อกิจการของสายพันธุ์ที่เฉพาะเจาะจงของเชื้อแบคทีเรียรวมทั้ง Blautia และ Coprococcus ซึ่งผลิต butyrate ได้. "ความสามารถในการระบุสายพันธุ์แบคทีเรียที่สามารถนำมาใช้เป็น Therapeutics นวนิยายสำหรับการรักษาอาการแพ้อาหารเป็นล่วงหน้าพื้นฐาน" กล่าวว่า แจ็คกิลเบิร์, PhD, ศาสตราจารย์ในภาควิชานิเวศวิทยาและวิวัฒนาการที่มหาวิทยาลัยชิคาโกหัวหน้ากลุ่มระบบนิเวศของจุลินทรีย์ที่ Argonne National Laboratory และผู้เขียนร่วมของการศึกษา "แปลผลการวิจัยเหล่านี้เป็นวิธีการรักษาทางคลินิกเป็นเป้าหมายต่อไปของเราและคนที่อยู่ในขณะนี้เป็นไปได้ผ่านค่าโดยสารใหม่ศูนย์เครือข่ายคลินิกที่นี่ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก." ในเดือนกรกฎาคมปี 2015 มหาวิทยาลัยชิคาโกแพทย์เป็นหนึ่งใน 22 ศูนย์ความเป็นเลิศทั่วประเทศ เลือกโดยวิจัยโรคภูมิแพ้อาหารและการศึกษา (ค่าโดยสาร) ต้องเป็นสมาชิกของค่าโดยสารสถาปนาเครือข่ายคลินิกซึ่งคือการทำงานเพื่อเร่งการพัฒนาของการรักษาและยกระดับมาตรฐานของการดูแลสำหรับคนที่มีชีวิต threating แพ้อาหาร นำโดยผู้อำนวยการแพทย์คริสติ Ciaccio, MD, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยชิคาโกแพทย์, ศูนย์ดำเนินการทดลองที่มีแนวโน้มการรักษาและร่วมมือกับค่าโดยสารและศูนย์อื่น ๆ เพื่อสร้างแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการแพ้อาหาร. การศึกษา "แลคโตบาซิลลัส rhamnosus สูตร GG-เสริมขยาย butyrate ผลิตแบคทีเรียในทารกแพ้อาหาร" ได้รับการสนับสนุนโดยสถาบันแห่งชาติของโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อโรคภูมิแพ้อาหารวิจัยและการศึกษาที่ชิคาโกชีวการแพทย์ Consortium และอิตาลีกระทรวงสาธารณสุข