the π-AlSiMgFe phase has tendency t

the π-AlSiMgFe phase has tendency to transforms into β-AlFeSi through the solution heat treatment [14,15]. Taylor showed that most of the π phase was transformed to small clustered needless of β and there was an accompanying release of Mg into solution that allows maximum predicted Mg matrix levels to be reached [15]. Related research work on mechanical properties of these alloys has also shown that optimum tensile properties occur in the same 0.4–0.5% Mg alloy range in which partial π to β transformation occurs [21].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ขั้นตอนการπ AlSiMgFe มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนรูปเป็นβ-AlFeSi ผ่านการแก้ปัญหาความร้อน [14,15] เทย์เลอร์แสดงให้เห็นว่า ส่วนใหญ่ของเฟสπถูกแปลงต่อเล็กคลัสเตอร์รวดของβ และมี Mg รุ่นประกอบลงในโซลูชันที่ช่วยให้การคาดการณ์สูงสุดระดับเมตริกซ์มิลลิกรัมถึง [15] ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติทางกลของโลหะผสมเหล่านี้ได้แสดงว่า คุณสมบัติแรงดึงสูงสุดที่เกิดขึ้นในเดียวกัน 0.4 – 0.5% Mg ผสมช่วงในπซึ่งบางส่วนการเปลี่ยนแปลงของβเกิดขึ้น [21]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระยะπ-AlSiMgFe มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นβ-AlFeSi ผ่านการรักษาวิธีการแก้ปัญหาความร้อน [14,15] เทย์เลอร์แสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ของเฟสπถูกเปลี่ยนเป็นความจำเป็นคลัสเตอร์เล็ก ๆ ของβและมีการปล่อยประกอบมิลลิกรัมลงในสารละลายที่ช่วยให้การคาดการณ์ระดับสูงสุดเมทริกซ์ Mg จะมาถึง [15] งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติเชิงกลของโลหะผสมเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่าสมบัติแรงดึงที่ดีที่สุดเกิดขึ้นในช่วง 0.4-0.5% โลหะผสมแมกนีเซียมเดียวกันซึ่งในบางส่วนเพื่อπเบต้าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น [21]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การπเฟส alsimgfe มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นบีตา - alfesi ผ่านความร้อนสารละลาย [ 14,15 ] เทย์เลอร์พบว่าส่วนใหญ่ของπระยะคือ แปลงเล็กแบบของบีตาที่ไม่จำเป็นและมีมาพร้อมกับปล่อยมก. เป็นโซลูชั่นที่ช่วยให้สูงสุดถึงระดับคาดการณ์มก. เมทริกซ์ [ 15 ] งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสมบัติเชิงกลของโลหะผสมเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่าสมบัติความต้านทานแรงดึงสูงสุด เกิดขึ้นในบริเวณเดียวกัน 0.4 0.5 มิลลิกรัมและโลหะผสมในช่วงที่เปลี่ยนร่างไปบางส่วนπบีตา [ 21 ]