Type 2 diabetes disproportionately

Type 2 diabetes disproportionately affects minority populations, including African-Americans, Hispanics, Native Americans and Alaska Natives, Asian-Americans, and Pacific Islanders. Risk factors for diabetes that are specific to these populations include genetic, behavioral, and lifestyle factors (1). In the past, type 2 diabetes occurred primarily in individuals >40 years of age. However, the increasing prevalence of childhood obesity has led to a marked increase in type 2 diabetes in adolescents and young adults (2).

A large number of epidemiological studies show that obesity and a sedentary lifestyle are independently related to the chances of developing diabetes. Data from the Nurses' Health Study suggest that the lowest risk of diabetes occurs in individuals who have a BMI

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดมีผลกระทบต่อประชากรชนกลุ่มน้อย รวมทั้ง ชาวอเมริกันแอฟริกัน Hispanics ชนพื้นเมืองอเมริกัน และชาวพื้น เมืองอะแลสกา เอเชียอเมริกัน และชาวเกาะแปซิฟิก ปัจจัยเสี่ยงสำหรับโรคเบาหวานเฉพาะประชากรเหล่านี้ได้แก่พันธุกรรม พฤติกรรม และปัจจัยไลฟ์สไตล์ (1) ในอดีต โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดขึ้นในบุคคล > อายุ 40 ปี อย่างไรก็ตาม ความชุกที่เพิ่มขึ้นของโรคอ้วนของเด็กได้นำไปที่ทำให้โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในผู้ใหญ่วัยรุ่นและหนุ่มสาว (2)การศึกษาจำนวนมากแสดงว่า โรคอ้วนและเฉย ๆ อย่างอิสระเกี่ยวข้องกับโอกาสในการพัฒนาโรคเบาหวาน ข้อมูลจากการศึกษาสุขภาพพยาบาลแนะนำว่า ความเสี่ยงต่ำที่สุดของโรคเบาหวานที่เกิดขึ้นในผู้ที่มี BMI เป็น < 21 ด้วยเห็นเป็นระดับโรคอ้วนเพิ่มขึ้น (3, 4) ความชุกที่เพิ่มขึ้น ในทำนองเดียวกัน มีการตอบสนองยาสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมทางกายภาพและความเสี่ยงของโรคเบาหวาน (5,6), และเทียบเท่ากับพลังงานค่าใช้จ่ายในการเดิน และแข็งแรงกิจกรรมปรากฏมอบประโยชน์เทียบเท่ากับการลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน (7)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีผลกระทบต่อสัดส่วนประชากรชนกลุ่มน้อยรวมทั้งแอฟริกันอเมริกันเชื้อสายชนพื้นเมืองอเมริกันและอลาสก้าพื้นเมือง, เอเชียนอเมริกันและหมู่เกาะแปซิฟิก ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานที่มีเฉพาะในประชากรเหล่านี้รวมถึงพันธุกรรมพฤติกรรมและปัจจัยการดำเนินชีวิต (1) ในอดีตที่ผ่านมาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในบุคคล> อายุ 40 ปี อย่างไรก็ตามความชุกเพิ่มขึ้นของโรคอ้วนในเด็กได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของการทำเครื่องหมายในเบาหวานชนิดที่ 2 ในวัยรุ่นและผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว (2).

จำนวนมากจากการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่าโรคอ้วนและชีวิตอยู่ประจำที่เกี่ยวข้องอย่างอิสระเพื่อโอกาสของการเป็นโรคเบาหวาน ข้อมูลจากการศึกษาพยาบาลสุขภาพการชี้ให้เห็นว่ามีความเสี่ยงต่ำสุดของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เกิดขึ้นในบุคคลที่มีค่าดัชนีมวลกาย <21 มีความชุกเพิ่มขึ้นมองว่าเป็นระดับที่เป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้น (3,4) ในทำนองเดียวกันมีความสัมพันธ์ปริมาณการตอบสนองระหว่างการออกกำลังกายและความเสี่ยงของโรคเบาหวาน (5,6) และการใช้พลังงานเทียบเท่าจากการเดินและกิจกรรมแข็งแรงดูเหมือนจะมอบสิทธิประโยชน์เทียบเท่ากับความเคารพในการลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน (7)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชนิดที่ 2 โรคเบาหวานสลายมีผลต่อประชากรชนกลุ่มน้อย รวมถึงแอฟริกาอเมริกันละตินอเมริกา , พื้นเมืองอเมริกันและชนพื้นเมืองอะแลสกา เอเชีย อเมริกัน และชาวเกาะแปซิฟิก . ปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวานที่มีเฉพาะประชากรเหล่านี้ ได้แก่ พันธุกรรม พฤติกรรม และปัจจัยวิถีชีวิตที่ ( 1 ) ในอดีต , โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เกิดขึ้นเป็นหลักในบุคคล > 40 ปีของอายุ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความชุกของเด็กอ้วนได้นำไปสู่การปรับตัวเพิ่มขึ้นในโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ ( 2 )จํานวนของการศึกษาระบาดวิทยาแสดงให้เห็นว่าโรคอ้วนและมีวิถีชีวิตอยู่ประจำเป็นอิสระที่เกี่ยวข้องกับโอกาสของการพัฒนาโรคเบาหวาน ข้อมูลจากการศึกษาสุขภาพพยาบาลแนะนำว่ามีความเสี่ยงต่ำสุดของเกิดโรคเบาหวานในผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย < 21 เพิ่มความชุกมองว่าระดับของโรคอ้วนเพิ่มขึ้น ( 4 ) ในทำนองเดียวกันมีความคิดเห็นความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมทางกาย และความเสี่ยงของโรคเบาหวาน ( 5 , 6 ) , และการใช้พลังงานเทียบเท่าจากการเดินและการทำงานจะปรากฏขึ้นเพื่อมอบสิทธิประโยชน์เทียบเท่ากับการลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน ( 7 )