Justice Minister Paiboon Koomchaya

Justice Minister Paiboon Koomchaya caused a flutter when he said recently that the best way to protect the monarchy was via social sanction.

It was a disturbing message because his remark was brief and not explained until a day later. So, initially, it appeared that he was encouraging vigilantism. Naturally, such a suggestion attracted negative attention and even undermined the mourning over the passing of His Majesty the King.

Paiboon was responding to a question from reporters earlier this week about an incident of vigilantism against a soymilk seller in Phuket accused by a mob of lese majeste. The suspect was forced by the mob to kneel before the King's portrait and admit his guilt.

Paiboon said there was nothing better than social sanction and encouraged Thais in foreign lands to do the same with alleged wrongdoers living abroad.

He appeared to be contradicting himself when he has acknowledged that Thai laws have no jurisdiction in foreign lands.

Sensing the damaging nature of the minister's statement, junta spokesman Piyapong Klinphan urged the public not to assault people who commit lese majeste, but follow proper legal processes instead.

The spokesman also said the practice of forcing those accused of committing lese majeste to kneel before the King's portrait in public is no longer permitted.

The scene in Phuket was repeated in several other provinces this past week where groups assaulted individuals they accused of insulting or disrespecting the late King.

Many of the incidents were captured on mobile phones and posted on social media, resulting in further condemnation of the suspects. But what some people don't realise is that the world is watching and their actions have put Thai society in an unwanted spotlight. Many people - Thais and non-Thais are questioning the behaviour of these people who took such matters into their own hands.

Sadly, the damage control by the junta could not have come sooner. The government should have foreseen such possibilities and prepared themselves and lower level officials on how to best handle it. A minister calling for social sanction, only for that to be dismissed by a spokesman reflects poorly on the administration.

Consistency, sense and sensibility are important elements in this trying time when the nation is mourning the passing of the late King. Given the difficulties many people have in how to deal with the grief, there is no need for self-appointed do-gooders to police the entire society, to see who and how others are dealing with this mourning period.

These self-designated do-gooders think there is only one proper way to dress and to conduct oneself during this time. In their view, anybody who strays from their strict interpretation of how to behave will be persecuted.

There have been incidents when pictures of innocent people have been posted on social media because they were not wearing the "right colour". As expected, arrogant remarks follow. Needless to say, regardless of the offence, there is no place for mob justice in modern society.

Naturally, the person who posted the picture never bothered to look a little deeper before jumping to his hate-ful conclusion.The same could be said about those who were quick to condemn whatever they saw on social media.

Before they post something or quickly comment about a person without knowing the background, perhaps they should look at themselves in the mirror and question their own behaviour. If they do, they might see an insecure little person, desperately craving to feel superior to fellow citizens.

As a people, we must ask ourselves what kind of society we want to be when we arrogantly demand proof of loyalty from our fellow citizens. It could lead to an entirely different discourse that the country is not ready to take on.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่เกิดไพบูลย์ Koomchaya กระพือเมื่อเขากล่าวว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นผ่านการลงโทษทางสังคม.

มันเป็นข้อความรบกวนเพราะคำพูดของเขาเป็นช่วงสั้น ๆ และไม่ได้อธิบายจนวันต่อมา ดังนั้นในขั้นแรกก็ปรากฏว่าเขาได้รับการส่งเสริมให้ vigilantism ธรรมชาติเช่นข้อเสนอแนะที่ดึงดูดความสนใจเชิงลบและแม้กระทั่งทำลายไว้ทุกข์ในช่วงผ่านของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. the

ไพบูลย์ได้รับการตอบสนองต่อคำถามจากนักข่าวสัปดาห์ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของ vigilantism ต่อต้านผู้ขายนมถั่วเหลืองในจังหวัดภูเก็ตกล่าวหาโดยกลุ่มหมิ่น majesté ผู้ต้องสงสัยถูกบังคับโดยกลุ่มที่จะคุกเข่าลงก่อนที่ภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและยอมรับความผิดของเขา.

ไพบูลย์กล่าวว่ามีอะไรดีกว่าการลงโทษทางสังคมและเป็นกำลังใจให้คนไทยในดินแดนต่างประเทศที่จะทำเช่นเดียวกันกับผู้กระทำผิดที่ถูกกล่าวหาอยู่ในต่างประเทศ.

เขาดูเหมือนจะขัดแย้งกับตัวเองเมื่อ เขาได้รับการยอมรับว่ากฎหมายไทยมีอำนาจในดินแดนต่างประเทศ.

Sensing ธรรมชาติที่สร้างความเสียหายของคำสั่งของรัฐมนตรีรัฐบาลทหารโฆษกปิยะพงษ์ Klinphan กระตุ้นให้ประชาชนไม่ให้คนทำร้ายร่างกายที่กระทำหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ทำตามกระบวนการทางกฎหมายที่เหมาะสมแทน.

โฆษกยังกล่าวว่า การปฏิบัติของการบังคับให้ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพคุกเข่าลงก่อนที่ภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในที่สาธารณะไม่ได้รับอนุญาต.

ที่เกิดเหตุในจังหวัดภูเก็ตได้รับการทำซ้ำในจังหวัดอื่น ๆ อีกหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กลุ่มทำร้ายบุคคลที่พวกเขากล่าวหาว่าดูถูกหรือ disrespecting ปลายกษัตริย์.

หลายคน ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกจับบนโทรศัพท์มือถือและโพสต์ในสื่อสังคมที่มีผลในการลงโทษต่อไปของผู้ต้องสงสัย แต่สิ่งที่บางคนไม่ได้ตระหนักถึงคือการที่โลกมีการดูและการกระทำของพวกเขาได้นำสังคมไทยในสปอตไลที่ไม่พึงประสงค์ หลายคน - ชาวไทยและชาวต่างชาติกำลังตั้งคำถามพฤติกรรมของคนเหล่านี้ที่เข้ามามีเรื่องดังกล่าวอยู่ในมือของตัวเอง.

น่าเศร้าที่การควบคุมความเสียหายโดยรัฐบาลทหารไม่ได้มาไม่ช้าก็เร็ว รัฐบาลควรจะได้มองเห็นความเป็นไปได้ดังกล่าวและเตรียมความพร้อมตัวเองและเจ้าหน้าที่ระดับที่ต่ำกว่าในการจัดการที่ดีที่สุดมัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเรียกร้องให้มีการลงโทษทางสังคมเพียงเพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากโฆษกสะท้อนให้เห็นถึงไม่ดีในการบริหาร.

สอดคล้องความรู้สึกและความรู้สึกที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในเวลาพยายามนี้เมื่อประเทศเป็นไว้ทุกข์ผ่านปลายกิ่ง ได้รับความยากลำบากหลายคนมีวิธีการจัดการกับความเศร้าโศกไม่มีความจำเป็นในการได้รับการแต่งตั้งตัวเองทำ gooders ให้ตำรวจทั้งสังคมเพื่อดูว่าใครและวิธีการอื่น ๆ จะจัดการกับระยะเวลาการไว้ทุกข์นี้.

เหล่านี้ทำบางสิ่งบางตัวเองกำหนด gooders คิดว่ามีเพียงหนึ่งวิธีการที่เหมาะสมในการแต่งตัวและการปฏิบัติตนในช่วงเวลานี้ ในมุมมองของพวกเขาทุกคนที่เฉไฉไปจากการตีความที่เข้มงวดของพวกเขาในวิธีการปฏิบัติตนจะถูกรังแก.

มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อภาพของประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับการโพสต์ในสื่อสังคมเพราะพวกเขาไม่ได้สวมใส่ "สีที่ถูกต้อง" คาดว่าจะเป็นคำพูดที่หยิ่งทำตาม จำเป็นต้องพูดโดยไม่คำนึงถึงความผิดที่มีสถานที่เพื่อความยุติธรรมม็อบในสังคมสมัยใหม่ไม่มี.

ธรรมชาติคนที่โพสต์ภาพไม่เคยใส่ใจที่จะมองลึกเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะกระโดดไป conclusion.The เกลียดชังของเขา ful เดียวกันอาจจะกล่าวเกี่ยวกับ ผู้ที่มีความรวดเร็วในการประณามสิ่งที่พวกเขาเห็นในสื่อสังคม.

ก่อนที่พวกเขาโพสต์สิ่งได้อย่างรวดเร็วหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบุคคลโดยไม่ทราบว่าพื้นหลังบางทีพวกเขาควรมองตัวเองในกระจกและถามพฤติกรรมของตัวเอง ถ้าพวกเขาทำพวกเขาอาจจะเห็นคนตัวเล็กที่ไม่ปลอดภัยหมดความอยากที่จะรู้สึกดีกว่าประชาชนเพื่อน.

ในฐานะที่เป็นคนที่เราต้องถามตัวเองว่าสิ่งที่ชนิดของสังคมเราต้องการที่จะเต๊ะเมื่อเราเรียกร้องหลักฐานของความจงรักภักดีจากประชาชนเพื่อนของเรา มันอาจนำไปสู่วาทกรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงว่าประเทศที่ไม่พร้อมที่จะใช้เวลาในการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไพบูลย์ koomchaya ทำให้พองเมื่อเขากล่าวว่าเมื่อเร็ว ๆนี้ว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์คือผ่านการลงโทษทางสังคมมันเป็นข้อความรบกวน เพราะคำพูดของเขาสั้นและไม่ได้อธิบาย จนกระทั่งวันต่อมา ดังนั้น เริ่มแรกจะปรากฏ ว่า เขาสนับสนุนศาลเตี้ย . ธรรมชาติ เช่น คำแนะนำที่ดึงดูดความสนใจเชิงลบและยังบั่นทอนทุกข์มากกว่าการจากไปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนายไพบูลย์ ยังตอบคำถามจากนักข่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เรื่องเหตุการณ์ของศาลเตี้ยกับนมถั่วเหลืองผู้ขายในภูเก็ต ผู้ต้องหา โดยม็อบของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผู้ต้องสงสัยถูกม็อบจะคุกเข่าต่อหน้าพระราชาในแนวตั้ง และยอมรับผิดนายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรดีกว่าการลงโทษทางสังคมและส่งเสริมให้คนไทยในต่างแดน เพื่อทำแบบเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหาว่าผิดอยู่ต่างประเทศดูเหมือนจะขัดแย้งกับตัวเองเมื่อเขาได้ยอมรับว่า กฎหมายไทยไม่มีอำนาจในดินแดนต่างประเทศการทำลายธรรมชาติของ รัฐมนตรี โฆษกรัฐบาลแถลง sensing ปิยะพงษ์ klinphan กระตุ้นให้ประชาชนที่จะไม่โจมตีผู้ที่กระทำหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ตามกระบวนการทางกฎหมายที่เหมาะสมแทนโฆษกยังกล่าวว่า การปฏิบัติของการบังคับให้ผู้กล่าวหาว่ากระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไปคุกเข่าต่อหน้าพระราชาบุคคลในที่สาธารณะ ไม่อนุญาตฉากที่ภูเก็ตกันในอีกหลายจังหวัดในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กลุ่มทำร้ายบุคคลที่พวกเขากล่าวหาว่าดูหมิ่นหรือดูถูกพระราชาองค์ก่อนหลายเหตุการณ์ถูกจับบนโทรศัพท์มือถือและโพสต์ในสื่อสังคม , ผลในการลงโทษเพิ่มเติมของผู้ต้องสงสัย แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ โลกกำลังมองและการกระทำของพวกเขา ทำให้สังคมไทยในปอตไลท์ที่ไม่พึงประสงค์ หลายคน - คนไทย และคนไทยไม่สงสัยพฤติกรรมของคนเหล่านี้ที่นำเรื่องในมือของตัวเองเศร้า , การควบคุมความเสียหายโดยรัฐบาลทหารที่ไม่ได้มาเร็วกว่านี้ รัฐบาลควรจะเล็งเห็นความเป็นไปได้ดังกล่าว และเตรียมตนเองและเจ้าหน้าที่ระดับล่างในวิธีที่ดีที่สุดจัดการกับมัน นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ลงโทษทางสังคมเท่านั้นสำหรับที่จะออกโดยโฆษกสะท้อนงานในการบริหารความสอดคล้อง , อารมณ์และความรู้สึกเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในเวลาพยายามเมื่อชาติไว้ทุกข์ผ่านของพระราชาองค์ก่อน ระบุปัญหาที่หลายๆ คนได้ในวิธีการจัดการกับความเศร้าโศก ไม่มีความจำเป็นที่ตนเองได้รับการแต่งตั้งทำ gooders ตำรวจสังคมทั้งหมดเพื่อดูว่าใคร และวิธีการอื่น ๆที่เกี่ยวข้องกับนี้ไว้อาลัยเหล่านี้ด้วยตนเอง เขตทำ gooders คิดว่ามีเพียงวิธีหนึ่งที่เหมาะสมในการแต่งตัวและจัดการตัวเองในเวลานี้ ในมุมมองของพวกเขาทุกคนที่หลงทางจากการเข้มงวดของวิธีการทํางานจะถูกข่มเหง .มีเหตุการณ์เมื่อภาพของประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับการโพสต์ในสื่อสังคมเพราะพวกเขาไม่ได้ใส่ " สี " ตามที่คาดไว้ , หมายเหตุหยิ่งตาม อยากจะบอกว่า ไม่ว่าความผิด ไม่มีสถานที่สำหรับม็อบ ความยุติธรรมในสังคมสมัยใหม่ธรรมชาติ ผู้โพสต์ภาพที่ไม่เคยใส่ใจที่จะมองลึกเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะกระโดดเขาเกลียดครบสรุป เดียวกันอาจจะกล่าวเกี่ยวกับผู้ที่รวดเร็วในการประณามสิ่งที่พวกเขาเห็นบนสื่อสังคมก่อนจะโพสต์อะไร หรือได้อย่างรวดเร็วความคิดเห็นเกี่ยวกับบุคคลโดยไม่รู้เบื้องหลัง บางทีพวกเขาควรจะดูที่ตัวเองในกระจก และซักถามพฤติกรรมของพวกเขาเอง ถ้าพวกเขาทำ พวกเขาอาจจะเห็นคนน้อย ไม่มั่นคง หมดความอยากที่จะรู้สึกที่เหนือกว่าให้แก่ประชาชนในฐานะประชาชน เราต้องถามตัวเราเองว่าสิ่งที่ชนิดของสังคมที่เราต้องการเมื่อเราเต๊ะต้องการพิสูจน์ความจงรักภักดีจากประชาชนของเรา อาจเป็นวาทกรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงว่าประเทศที่ไม่พร้อมที่จะใช้ใน