Contrast-induced nephropathy (CIN)

Contrast-induced nephropathy (CIN) is the third leading course of acute renal failure and a recognized complication to cardiac catheterization. CIN is associated with increased risk of cardiac adverse events and mortality, and recent studies point at the risk of developing a transient or persistent renal dysfunction. Patients with ST-elevation myocardial infarction treated by primary percutaneous coronary intervention have a markedly increased risk of developing CIN. At present no strategy is universally accepted in the prevention of CIN in the acute setting of primary percutaneous coronary intervention.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรคไตที่เกิดจากความเปรียบต่าง (CIN) เป็นหลักสูตรชั้นนำสามของไตวายเฉียบพลันและอาการแทรกซ้อนได้รับการใส่สายสวนหัวใจ CIN จะเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่หัวใจและการตาย และการศึกษาล่าสุดชี้ความเสี่ยงพัฒนาผิดปกติไตชั่วคราว หรือถาวร ผู้ป่วยที่ มีเซนต์สูงกล้ามเนื้อหัวใจตายได้รับการรักษา โดยการแทรกแซงหลอดเลือดหัวใจ percutaneous หลักมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดพัฒนา CIN ปัจจุบัน กลยุทธ์ไม่เป็นการยอมรับอย่างกว้างขวางในการป้องกัน CIN ในการตั้งค่าแทรกแซงหลอดเลือดหัวใจหลัก percutaneous เฉียบพลัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คมชัดเหนี่ยวนำให้เกิดโรคไต (CIN) เป็นหลักสูตรชั้นนำในสามของภาวะไตวายเฉียบพลันและภาวะแทรกซ้อนที่ได้รับการยอมรับในการตรวจสวนหัวใจ CIN มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์การเต้นของหัวใจและการเสียชีวิตและการศึกษาล่าสุดชี้ที่มีความเสี่ยงของการพัฒนาชั่วคราวหรือถาวรความผิดปกติของไต ผู้ป่วยที่มีระดับความสูง ST-กล้ามเนื้อหัวใจตายได้รับการรักษาโดยการแทรกแซงหัวใจหลักลวดได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเสี่ยงของการพัฒนา CIN ในปัจจุบันไม่มีกลยุทธ์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลในการป้องกัน CIN ในการตั้งค่าเฉียบพลันของหลอดเลือดหัวใจหลักลวด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความคมชัดและโรคไต ( ? ) ทั้งสามนำหลักสูตรของไตวายเฉียบพลัน และการรับรู้ภาวะแทรกซ้อนที่จะตรวจสวนหัวใจ มาเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของผลกระทบหัวใจและอัตราการตาย และการศึกษาล่าสุดชี้ความเสี่ยงของการพัฒนาแบบชั่วคราว หรือแบบถาวร ไตบกพร่อง ผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตาย รักษาโดยการยกระดับในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่มีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของการพัฒนามา . ปัจจุบันไม่มีการยอมรับกันโดยทั่วไปในการป้องกัน DNA ในการตั้งค่าการหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลันของการแทรกแซง