Economic historians usually attribu

Economic historians usually attribute the start of the Great Depression to the sudden devastating collapse of US stock market prices on October 29, 1929, known as Black Tuesday;[11] some dispute this conclusion, and see the stock crash as a symptom, rather than a cause, of the Great Depression.[5][12]

Even after the Wall Street Crash of 1929, optimism persisted for some time; John D. Rockefeller said that "These are days when many are discouraged. In the 93 years of my life, depressions have come and gone. Prosperity has always returned and will again."[13] The stock market turned upward in early 1930, returning to early 1929 levels by April. This was still almost 30% below the peak of September 1929.[14]

Together, government and business spent more in the first half of 1930 than in the corresponding period of the previous year. On the other hand, consumers, many of whom had suffered severe losses in the stock market the previous year, cut back their expenditures by ten percent. Likewise, beginning in mid-1930, a severe drought ravaged the agricultural heartland of the US.

By mid-1930, interest rates had dropped to low levels, but expected deflation and the continuing reluctance of people to borrow meant that consumer spending and investment were depressed.[15] By May 1930, automobile sales had declined to below the levels of 1928. Prices in general began to decline, although wages held steady in 1930; but then a deflationary spiral started in 1931. Conditions were worse in farming areas, where commodity prices plunged, and in mining and logging areas, where unemployment was high and there were few other jobs.

The decline in the US economy was the factor that pulled down most other countries at first, then internal weaknesses or strengths in each country made conditions worse or better. Frantic attempts to shore up the economies of individual nations through protectionist policies, such as the 1930 U.S. Smoot–Hawley Tariff Act and retaliatory tariffs in other countries, exacerbated the collapse in global trade.[16] By late 1930, a steady decline in the world economy had set in, which did not reach bottom until 1933.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นักประวัติศาสตร์เศรษฐกิจมักแอตทริบิวต์การเริ่มต้นของภาวะซึมเศร้าที่ดีไปทันทีเรื่องยุบเราราคาหุ้นบน 29 ตุลาคม 1929 เรียกว่าดำวันอังคาร [11] บางปฏิเสธข้อสรุปนี้ และดูความผิดพลาดหุ้นเป็นอาการ มากกว่าสาเหตุ โรคซึมเศร้ามาก [5] [12]แม้หลังจากวอลล์สตรีทความผิดพลาดของ 1929 มองในแง่ดีที่มีอยู่ในบางเวลา จอห์นดีร็อคกี้เฟลเลอร์กล่าวว่า "เมื่อหลายคนมีกำลังใจ ในปี 93 ของชีวิต ทรายได้มา และหายไป ความเจริญรุ่งเรืองได้กลับมาเสมอ และจะอีก" [13] ตลาดหุ้นเปิดขึ้นในช่วงต้น 1930 ความ โดย 1929 เมษายนระดับแรก นี้ถูกยังเกือบ 30% ด้านล่างช่วง 1929 กันยายน [14]ธุรกิจและรัฐบาลร่วมกัน ใช้เวลามากขึ้นในช่วงครึ่งแรกของ 1930 กว่าในปีก่อนหน้า บนมืออื่น ๆ ผู้บริโภค หลายคนได้ประสบกับความสูญเสียที่รุนแรงในตลาดหุ้นปีก่อนหน้า ตัดกลับค่าใช้จ่ายของพวกเขาสิบเปอร์เซ็นต์ ภัยแล้งรุนแรงเริ่มต้นในกลาง 1930, ravaged ฮาร์ทแลนด์เกษตรของสหรัฐอเมริกาในทำนองเดียวกันBy mid-1930, interest rates had dropped to low levels, but expected deflation and the continuing reluctance of people to borrow meant that consumer spending and investment were depressed.[15] By May 1930, automobile sales had declined to below the levels of 1928. Prices in general began to decline, although wages held steady in 1930; but then a deflationary spiral started in 1931. Conditions were worse in farming areas, where commodity prices plunged, and in mining and logging areas, where unemployment was high and there were few other jobs.The decline in the US economy was the factor that pulled down most other countries at first, then internal weaknesses or strengths in each country made conditions worse or better. Frantic attempts to shore up the economies of individual nations through protectionist policies, such as the 1930 U.S. Smoot–Hawley Tariff Act and retaliatory tariffs in other countries, exacerbated the collapse in global trade.[16] By late 1930, a steady decline in the world economy had set in, which did not reach bottom until 1933.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจมักจะแอตทริบิวต์เริ่มต้นของการตกต่ำการล่มสลายทำลายล้างอย่างฉับพลันของสหรัฐราคาการลงทุนในตลาดหุ้นวันที่ 29 ตุลาคม 1929 ที่รู้จักกันเป็นสีดำอังคาร; [11] ข้อพิพาทบางข้อสรุปนี้และดูความผิดพลาดของสต็อกเป็นอาการมากกว่า สาเหตุของตกต่ำ [5] [12]. แม้หลังจากที่วอลล์สตรีทของปี 1929 ยังคงมองในแง่ดีสำหรับบางเวลา จอห์นดีกล่าวว่า "เหล่านี้เป็นวันที่หลายคนกำลังท้อแท้. ใน 93 ปีที่ผ่านมาในชีวิตของฉันแตกได้มาและหายไป. ความเจริญรุ่งเรืองได้กลับมาเสมอและจะอีกครั้ง". [13] การลงทุนในตลาดหุ้นที่เปิดขึ้นในช่วงต้นปี 1930 กลับไปในช่วงต้น 1929 ระดับโดยในเดือนเมษายน นี้ยังคงเป็นเกือบ 30% ต่ำกว่าจุดสูงสุดของเดือนกันยายน 1929 เมื่อ [14] ร่วมกันภาครัฐและธุรกิจใช้จ่ายมากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของ 1930 กว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในทางกลับกันผู้บริโภคหลายคนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงในการลงทุนในตลาดหุ้นปีที่แล้วตัดกลับค่าใช้จ่ายของพวกเขาโดยร้อยละสิบ ในทำนองเดียวกันเริ่มต้นในช่วงกลางปี ​​1930 ภัยแล้งอย่างรุนแรงทำลายตำบลเกษตรของสหรัฐ. กลางปี ​​1930 อัตราดอกเบี้ยได้ลดลงไปอยู่ในระดับต่ำ แต่คาดว่าภาวะเงินฝืดและฝืนใจอย่างต่อเนื่องของคนที่จะยืมหมายถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนได้ . มีความสุข [15] เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม 1930 ยอดขายรถยนต์ลดลงต่ำกว่าระดับของปี 1928 ราคาโดยทั่วไปเริ่มลดลงแม้ว่าค่าจ้างทรงตัวในปี 1930; แต่แล้วเกลียว deflationary เริ่มต้นในปี 1931 สภาพอากาศเลวร้ายในพื้นที่การเกษตรที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงและในการทำเหมืองแร่และพื้นที่การเข้าสู่ระบบที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูงและมีงานอื่น ๆ ไม่กี่คน. การลดลงของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นปัจจัยที่ดึง ลงประเทศอื่น ๆ มากที่สุดในตอนแรกแล้วจุดอ่อนภายในหรือจุดแข็งในแต่ละประเทศที่ทำเงื่อนไขที่เลวร้ายหรือดีกว่า พยายามคลั่งที่จะขึ้นฝั่งเศรษฐกิจของแต่ละประเทศผ่านนโยบายกีดกันเช่น 1930 สหรัฐ Smoot-Hawley ภาษีพระราชบัญญัติและภาษีตอบโต้ในประเทศอื่น ๆ ที่มาของการล่มสลายในการค้าโลก. [16] ในช่วงปลายปี 1930 การลดลงอย่างต่อเนื่องใน เศรษฐกิจโลกได้ตั้งอยู่ในซึ่งไม่ได้จนกว่าจะถึงด้านล่าง 1933

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นักประวัติศาสตร์เศรษฐกิจมักจะคุณลักษณะเริ่มต้นของภาวะซึมเศร้าที่ดีการล่มสลายหายนะฉับพลันของตลาดหุ้นสหรัฐราคาวันที่ 29 ตุลาคม 1929 เรียกว่าวันอังคารสีดำ ; [ 11 ] บางข้อพิพาทนี้ได้ข้อสรุป และเห็นหุ้นตกตามอาการมากกว่าสาเหตุของภาวะซึมเศร้าที่ดี . [ 5 ] [ 12 ]

แม้หลังจากที่เพลงชาติเกย์ มองโลกในแง่ดี ยังคงเป็นบางครั้ง ; John D .ร็อคกี้เฟลเลอร์กล่าวว่า " นี่คือวันที่เมื่อหลายคนท้อใจ ใน 93 ปีของชีวิตทะเลที่ได้มาและหายไป ความเจริญก็กลับ และจะมาอีก " [ 13 ] ตลาดหุ้นเปิดขึ้นในปี 1930 , กลับไปที่ต้น 1929 ระดับโดยเมษายน นี้ก็เกือบ 30 ด้านล่างยอดของเดือนกันยายน 1929 [ 14 ]

ด้วยกันธุรกิจรัฐบาลและใช้เวลามากขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 1930 กว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน บนมืออื่น ๆ , ผู้บริโภค , หลายคนมีประสบความสูญเสียอย่างรุนแรงในตลาดหุ้นปีก่อนหน้านี้ , ตัดกลับค่าใช้จ่ายของตนเอง สิบเปอร์เซ็นต์ อนึ่ง การเริ่มต้นใน mid-1930 , ภัยแล้งที่รุนแรงทำลายใจกลางเกษตรของสหรัฐฯ โดย mid-1930

,อัตราดอกเบี้ยได้ลดลงถึงระดับต่ำ แต่คาดว่าภาวะเงินฝืดและการต่อต้านของผู้กู้ยืมหมายความว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนมีภาวะซึมเศร้า . [ 15 ] โดยพฤษภาคม 1930 , ยอดขายรถยนต์ได้ลดลงไปต่ำกว่าระดับของ 1928 . ราคาทั่วไปเริ่มลดลง แม้ว่าค่าจ้างจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 1930 ; แต่แล้วเกลียว deflationary เริ่มต้นในปี 1931 .เงื่อนไขเป็นรุนแรงในพื้นที่การเกษตรที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และในพื้นที่เหมืองแร่และเข้าสู่ระบบที่การว่างงานสูง และมีงานอื่น ๆไม่กี่

การลดลงของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นปัจจัยที่ดึงลงประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่ ที่ ก่อน แล้ว ภายใน จุดอ่อนหรือจุดแข็งของแต่ละประเทศ ทำให้ภาพแย่ลงหรือดีขึ้นพยายามปั่นป่วนขึ้นฝั่งเศรษฐกิจของประเทศแต่ละผ่านนโยบายกีดกันเช่น 1930 สหรัฐและภาษีทำสมูทฮอลลีและอัตราภาษีตอบโต้ในประเทศอื่น ๆ , exacerbated ล่มสลายในการค้าโลก . [ 16 ] โดยปลายปี 1930 ลดลงคงที่ในเศรษฐกิจโลกได้ ตั้ง ซึ่งไม่ถึงด้านล่างจนกว่า 1933 .