1 ฉันเห็นด้วยที่จะบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวิต มากกว่าหนังฟิล์ม หนังชีวิตเป็นการเอาเรื่อราวชีวิตจริงมาถ่ายทอด ไม่ตลก ไม่บู้ ไม่หวือหวา เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่นำเรื่องจริงของ Michael Oher นักอเมริกันฟุตบอลผิวดำของทีม Baltimore Ravens ซึ่งนักข่าวกีฬา ยกย่องในความสามารถของเขา และยังชื่นชมที่เขาไม่มีปัญหาเรื่องนอกสนามอีกด้วย ซึ่งเป็นคุณสมบัติของยอดนักกีฬาที่พึงมี เพราะเขาไม่เคยมีข่าวด้านลบออกมาเลย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าผู้ที่เกิดมาในมุมมืด สภาพครอบครัวที่ย่ำแย่ อยู่ในแหล่งสลัมของคนผิวดำที่ยากจน รายล้อมไปด้วยเด็กเกเรติดยา ใช้ความรุนแรง แม่เองก็ติดยางอมแงม ตัวเขาต้องเข้าๆออกๆสถานสงเคราะห์ บ้านโน้นบ้านนี้ไปเรื่อย ไม่มีแหล่งพักพิงถาวร ไม่มีประวัติและใบรับรองการมีตัวตน เป็นคนไร้ค่าคนหนึ่ง จะมีจิตสำนึกที่ดีได้ภายใต้สังคมที่เปราะบางขนาดนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเราไปสู่สิ่งสวยงามที่ทำให้ชีวิตของเด็กคนหนึ่งได้รับการอุ้มชู ดูแล ด้วยความรัก เอื้ออาทร และ โอกาสที่ดีจากความมีน้ำใจของครอบครัวผิวขาวและดึงเขาขึ้นสู่คนที่สำเร็จและสังคมนับถือได้ แต่ต่างกับหนังฟิล์มที่มาแค่จากความฝัน หรือความจินตนาการของผู้กำกับ ซึ่งมีเรื่องราวชีวิตจริงบ้างเล็กน้อยผสมกันไป