The economic system of countries su

The economic system of countries such as Japan, Canada, Germany, and the United States is the free enterprise system-in other words, the private enterprise system. This means that the government does not own most businesses. Individuals and groups own them. People are free to produce, buy and sell what they want. They are free to start a new enterprise-business.
In the free enterprise system, the government does not determine the price of products. The market determines it. But what is “the market”? We know about supermarkets, stock markets, farmers’ markets, meat markets, and gold markets. We can buy and sell things by mail, by phone, and by computer. These are all part of the market-the exchange of goods and services by buyers and sellers.
The market determines the price of products by two general rules: the laws of demand and supply. For example, how many tomatoes will consumers buy at various prices? This is demand. The law of demand states that consumers (buyers) usually buy more of a product at a lower price. How many tomatoes will the sellers product at various prices? This is supply. The law of supply states that producers usually supply more of a product at a higher price. Consumers, of course, want a low price, but producers need to make a profit .The actions of consumers and producers determine the price.
Let’s look at an example. A supermarket has a supply of 600 pounds of tomatoes at $1.99 a pound. After two days, customers have bought only 100 pounds. Soon 600 more pounds are coming to the store manager has a problem-a surplus of tomatoes. In other words, she has an oversupply–too many-so she lowers the price to $1.09 a pound. At this low price, customers soon buy all 500 pounds. This is the equilibrium price (the point where supply and demand meet).
Another example is the price of gasoline. In the Organization of the Petroleum Exporting Countries (OPEC) stopped sending oil to Western nations, so there was a shortage of gas and oil in many countries. Prices went up over 30 percent (%).In1974, the supply of oil to the West went down again because of the revolution in Iran, so prices went up again .Consumers and businesses looked for ways to use less gas and oil. They were successful. Demand went down, so prices started to go down. The free enterprise system has been working.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระบบเศรษฐกิจของประเทศเช่นประเทศญี่ปุ่น แคนาดา เยอรมนี และสหรัฐอเมริกาเป็นองค์กรอิสระระบบในคำอื่น ๆ ระบบองค์กรเอกชน ซึ่งหมายความ ว่า รัฐบาลได้เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ บุคคลและกลุ่มเองได้ คนมีอิสระในการผลิต ซื้อ และขายจะต้อง พวกเขามีอิสระที่จะเริ่มต้นธุรกิจองค์กรใหม่ ในระบบองค์กรฟรี รัฐบาลไม่กำหนดราคาของผลิตภัณฑ์ ตลาดกำหนดมัน แต่ "การตลาด" คืออะไร เรารู้เกี่ยวกับซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดหุ้น ตลาดของเกษตรกร ตลาดเนื้อ และตลาดทอง เราสามารถซื้อ และขายสิ่ง ทางไปรษณีย์ ทางโทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนตลาดของสินค้าและบริการ โดยผู้ซื้อและผู้ขาย ตลาดกำหนดราคาสินค้า โดยทั่วไปกฎสอง: กฎของอุปสงค์และอุปทาน ตัวอย่าง จำนวนมะเขือเทศจะผู้บริโภคซื้อในราคาต่าง ๆ นี่คือความต้องการ กฏของอุปสงค์ระบุว่า ผู้บริโภค (ผู้ซื้อ) มักจะซื้อของผลิตภัณฑ์ในราคาที่ต่ำกว่า มะเขือเทศการจะขายสินค้าในราคาต่าง ๆ จัดหาอยู่ กฎหมายของรัฐที่ ผู้ผลิตมักจะจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ราคาสูงขึ้น ผู้บริโภค ต้องแน่นอน ราคาต่ำ แต่ผู้ผลิตต้องทำกำไร การดำเนินการของผู้บริโภคและผู้ผลิตกำหนดราคา ลองดูตัวอย่าง ซุปเปอร์มาร์เก็ตมีอุปทานของ 600 ปอนด์ ของมะเขือเทศที่ $1.99 เป็นปอนด์ หลังจาก 2 วัน ลูกค้ามีซื้อเพียง 100 ปอนด์ เร็ว ๆ นี้ 600 ปอนด์ มากกว่าจะมาเป็นผู้จัดการร้านมีปัญหาที่เกิดส่วนเกินของมะเขือเทศ ในคำอื่น ๆ เธอได้ oversupply – เกินไปหลายเพื่อเธอเราลดราคาถึง $1.09 เป็นปอนด์ ราคาต่ำสุด ลูกค้าซื้อ 500 ปอนด์ ทั้งหมดเร็ว ๆ นี้ นี่คือราคาสมดุล (จุดที่ตอบสนองอุปสงค์และอุปทาน) อีกตัวอย่างหนึ่งคือ ราคาน้ำมัน ในองค์กรของการปิโตรเลียมส่งออกประเทศน้ำมันหยุดส่งน้ำมันไปยังชาติตะวันตก จึงมีการขาดแคลนก๊าซและน้ำมันในหลายประเทศ ราคาขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ (%) ไป In1974 อุปทานของน้ำมันทางตะวันตกไปลงอีกเนื่องจากการปฏิวัติในอิหร่าน ดังนั้นราคาขึ้นไปอีก ผู้บริโภคและธุรกิจมองหาวิธีที่จะใช้ก๊าซและน้ำมันน้อย พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ ต้องไปลง ให้ราคาเริ่มลดลง มีการทำงานองค์กรอิสระ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระบบเศรษฐกิจของประเทศเช่นญี่ปุ่น, แคนาดา, เยอรมนีและสหรัฐอเมริกาเป็นระบบในองค์กรอิสระคำอื่น ๆ ระบบขององค์กรเอกชน ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ บุคคลและกลุ่มพวกเขาเอง คนมีอิสระในการผลิต, การซื้อและขายสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขามีอิสระที่จะเริ่มต้นขององค์กรธุรกิจใหม่.
ในระบบองค์กรอิสระที่รัฐบาลไม่ได้กำหนดราคาของผลิตภัณฑ์ ตลาดกำหนดมัน แต่สิ่งที่เป็น "ตลาด"? เรารู้เกี่ยวกับซูเปอร์มาร์เก็ต, ตลาดหุ้น, ตลาดของเกษตรกรตลาดเนื้อสัตว์และตลาดทองคำ เราสามารถซื้อและขายสิ่งที่ทางไปรษณีย์ทางโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ . เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของตลาดการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการโดยผู้ซื้อและผู้ขาย
ในตลาดเป็นตัวกำหนดราคาของผลิตภัณฑ์สองกฎทั่วไป: กฎหมายของอุปสงค์และอุปทาน ตัวอย่างเช่นวิธีการหลายมะเขือเทศผู้บริโภคจะซื้อในราคาที่แตกต่างกัน? นี่คือความต้องการ กฎหมายของรัฐที่มีความต้องการที่ผู้บริโภค (ผู้ซื้อ) มักจะซื้อมากขึ้นของผลิตภัณฑ์ในราคาที่ต่ำ วิธีมะเขือเทศจำนวนมากจะขายสินค้าในราคาที่แตกต่างกัน? นี่คืออุปทาน กฎหมายของรัฐที่อุปทานว่าผู้ผลิตมักจะจัดหาเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ในราคาที่สูง ผู้บริโภคของหลักสูตรที่ต้องการในราคาที่ต่ำ แต่ผู้ผลิตต้องการที่จะทำกำไรได้โดยเริ่มต้นการดำเนินการของผู้บริโภคและผู้ผลิตกำหนดราคา.
ลองดูที่ตัวอย่างเช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีอุปทานของ£ 600 ของมะเขือเทศที่ $ 1.99 ปอนด์ สองวันหลังจากที่ลูกค้าได้ซื้อเพียง£ 100 เร็ว ๆ นี้ 600 ปอนด์กำลังจะมาถึงผู้จัดการร้านมีปัญหาส่วนเกินของมะเขือเทศ ในคำอื่น ๆ ที่เธอมีอุปทานส่วนเกินมากเกินไปหลายเพื่อให้เธอลดราคาที่ $ 1.09 ปอนด์ ห้องพักในราคาที่ต่ำ, ลูกค้าเร็ว ๆ นี้ซื้อ£ 500 นี่คือราคาดุลยภาพ (จุดที่อุปทานและตอบสนองความต้องการ).
อีกตัวอย่างหนึ่งคือราคาน้ำมัน ในองค์กรของผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) หยุดส่งน้ำมันไปยังประเทศตะวันตกจึงมีปัญหาการขาดแคลนก๊าซและน้ำมันในหลายประเทศ ราคาขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 30 (%). In1974 อุปทานของน้ำมันไปทางทิศตะวันตกลงไปอีกครั้งเพราะของการปฏิวัติในอิหร่านดังนั้นราคาขึ้นไปอีกครั้ง .Consumers และธุรกิจที่มองหาวิธีที่จะใช้ก๊าซและน้ำมันน้อย พวกเขาประสบความสำเร็จ ความต้องการลงไปดังนั้นราคาเริ่มต้นที่จะลงไป ระบบองค์กรอิสระได้ทำงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระบบเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ญี่ปุ่น แคนาดา เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา เป็นระบบองค์กรฟรีในคำอื่น ๆระบบเอกชน ซึ่งหมายความ ว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นเจ้าของมากที่สุดธุรกิจ บุคคลและกลุ่มของพวกเขา ทุกคนมีอิสระที่จะผลิต การซื้อและขายสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขามีอิสระที่จะเริ่มธุรกิจใหม่ .
ในระบบองค์กรฟรีรัฐบาลจะไม่กำหนดราคาของผลิตภัณฑ์ ตลาดเป็นผู้ตัดสิน แต่อะไรคือ " ตลาด " เรารู้เกี่ยวกับ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตลาดของเกษตรกร , ตลาด , ตลาดเนื้อสัตว์ และตลาดทอง เราสามารถซื้อและขายสิ่งที่ ทางจดหมาย ทางโทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ โดยผู้ซื้อและผู้ขาย
ตลาดกำหนดราคาของผลิตภัณฑ์ โดยสองกฎทั่วไป : กฎหมายของอุปสงค์และอุปทาน ตัวอย่างเช่น กี่มะเขือเทศจะซื้อในราคาต่าง ๆ นี้คือความต้องการ กฎหมายของสหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้ผู้บริโภค ( ผู้ซื้อ ) มักจะซื้อมากขึ้นของผลิตภัณฑ์ในราคาที่ลดลง จํานวนมะเขือเทศจะขายสินค้าในราคาที่ต่าง ๆ นี้มีอุปทานกฎหมายของรัฐจัดหาผู้ผลิตมักจะจัดหาเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ที่ราคาสูงกว่า ผู้บริโภค แน่นอน ต้องการ ราคาถูก แต่ผู้ผลิตต้องทำกำไร การกระทำของผู้บริโภคและผู้ผลิตกำหนดราคา .
ลองดูตัวอย่าง ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีอุปทาน 600 ปอนด์ของมะเขือเทศที่ $ 1.99 ปอนด์ สองวันหลังจากที่ลูกค้าได้ซื้อเพียง 100 ปอนด์เพิ่มเติมทันที 600 ปอนด์มาผู้จัดการร้านมีการเกินดุล problem-a ของมะเขือเทศ ในคำอื่น ๆที่เธอมี oversupply –มากเกินไปดังนั้นเธอลดราคา $ 1.09 ปอนด์ ในราคาต่ำ ลูกค้าแล้วซื้อทั้งหมด 500 ปอนด์ นี่คือราคาที่สมดุล ( จุดที่อุปสงค์และอุปทานตอบสนอง ) .
อีกตัวอย่างคือ ราคาน้ำมันในองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ( โอเปก ) หยุดส่งน้ำมันให้ชาติตะวันตกจึงมีการขาดแคลนน้ำมันและก๊าซในหลายประเทศ ราคาจะสูงขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ( % ) in1974 , อุปทานของน้ำมันไปทางทิศตะวันตกลงไปอีกครั้งเพราะการปฏิวัติในอิหร่าน ดังนั้น ราคาขึ้นไปอีก ธุรกิจผู้บริโภค และหาวิธีที่จะใช้ก๊าซน้อยลงและน้ํามัน พวกเขาประสบความสำเร็จความต้องการลงไป ดังนั้นราคาเริ่มลง ระบบองค์กรฟรีทำงาน .