What is Ocean Acidification?Since t

What is Ocean Acidification?
Since the beginning of the Industrial Revolution, when humans began burning coal in large quantities, the world’s ocean water has gradually become more acidic. Like global warming, this phenomenon, which is known as ocean acidification, is a direct consequence of increasing levels of carbon dioxide (CO2) in Earth’s atmosphere.

Prior to industrialization, the concentration of carbon dioxide in the atmosphere was 280 parts per million (ppm). With increased use of fossil fuels, that number is now approaching 400 ppm and the growth rate is accelerating. Scientists calculate that the ocean is currently absorbing about one quarter of the CO2 that humans are emitting. When CO2 combines with seawater, chemical reactions occur that reduce the seawater pH, hence the term ocean acidification.

Currently, about half of the anthropogenic (human-caused) CO2 in the ocean is found in the upper 400 meters (1,200 feet) of the water column, while the other half has penetrated into the lower thermocline and deep ocean. Density- and wind-driven circulation help mix the surface and deep waters in some high latitude and coastal regions, but for much of the open ocean, deep pH changes are expected to lag surface pH changes by a few centuries.
Ocean acidification and global warming are different problems, but are closely linked because they share the same root cause—human emissions of CO2. The atmospheric concentration of CO2 is now higher than it has been for the last 800,000 years and possibly higher than any time in the last 20 million years. Humans have thus far benefited from the ocean’s capacity to hold enormous amounts of carbon, including a large portion of this excess CO2. Had the ocean not absorbed such vast quantities of CO2, the atmospheric concentration would be even higher, and the environmental consequences of global warming (sea level rise, shifting weather patterns, more extreme weather events, etc.) and their associated socioeconomic impacts would likely be even more pronounced. However, the oceans cannot continue to absorb CO2 at the current rate without undergoing significant changes in chemistry, biology, and ecosystem structure.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โอเชี่ยนยูคืออะไรตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อมนุษย์เริ่มเผาถ่านหินในปริมาณมาก น้ำทะเลของโลกได้ค่อย ๆ กลายเป็นกรดมากขึ้น ปรากฏการณ์นี้ ซึ่งเรียกว่าทะเลยู เป็นผลสืบเนื่องโดยตรงของระดับการเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในบรรยากาศของโลกเช่นภาวะโลกร้อนก่อนที่จะทวีความรุนแรงมาก ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศได้ 280 ส่วนต่อล้าน (ppm) เพิ่มการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เลขที่ตอนนี้กำลังมาถึง 400 ppm และเร่งอัตราการเติบโต นักวิทยาศาสตร์คำนวณมหาสมุทรดูดซับอยู่ประมาณหนึ่งไตรมาสของ CO2 ที่มนุษย์จะเปล่ง เมื่อ CO2 รวมกับทะเล ปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นที่ทะเล pH ดังนั้นลดยูโอเชี่ยนระยะปัจจุบัน ประมาณครึ่งหนึ่งของมาของมนุษย์ (เกิดจากมนุษย์) CO2 ในมหาสมุทรอยู่ด้านบน 400 เมตร (1200 ฟุต) ของคอลัมน์น้ำ ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งมีอวัยวะ thermocline ล่างและทะเลลึก ควบคุมความหนาแน่น และลมหมุนเวียนช่วยผสมน้ำผิว และลึก ในละติจูดสูงและพื้นที่ชายฝั่ง แต่ สำหรับมากของทะเล ลึก pH เปลี่ยนแปลงคาดว่าจะเปลี่ยนแปลงค่า pH ผิวล่าช้า โดยศตวรรษกี่โอเชี่ยนยูและภาวะปัญหาที่แตกต่างกัน แต่จะเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดเนื่องจากพวกเขาใช้สาเหตุรากเดียวกัน — มนุษย์ปล่อย CO2 ความเข้มข้นในบรรยากาศของ CO2 ขณะนี้สูงกว่า 800000 ปีแล้ว และอาจจะสูงกว่าก็ได้ใน 20 ล้านปี มนุษย์มีฉะนี้ได้รับประโยชน์จากกำลังการผลิตของเก็บคาร์บอน รวมถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของ CO2 นี้เกินจำนวนมหาศาล มีมหาสมุทรไม่ดูดซึมเช่น CO2 ปริมาณมาก ความเข้มข้นในอากาศจะสูงขึ้น และผลกระทบสิ่งแวดล้อมของภาวะโลกร้อน (ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น ขยับรูปแบบสภาพอากาศ ขึ้นมากอากาศเหตุการณ์ ฯลฯ) และผลกระทบต่อประชากรของพวกเขาเกี่ยวข้องอาจจะเป็นการออกเสียงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม มหาสมุทรไม่สามารถดำเนินต่อการดูดซับ CO2 ที่อัตราปัจจุบันไม่อยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในวิชาเคมี ชีววิทยา และโครงสร้างของระบบนิเวศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อะไรคือกรดโอเชียน ?
ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อมนุษย์เริ่มการเผาไหม้ถ่านหินในปริมาณมาก น้ำในมหาสมุทรของโลกได้ค่อยๆกลายเป็นกรดมากขึ้น เช่นภาวะโลกร้อน , ปรากฏการณ์นี้ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นกรดโอเชียน คือ ผลโดยตรงของการเพิ่มระดับของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศโลก

ก่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ 280 ส่วนในล้านส่วน ( ppm ) ด้วยการใช้ที่เพิ่มขึ้นของเชื้อเพลิงฟอสซิล , หมายเลขคือตอนนี้ใกล้ 400 ppm และอัตราการขยายตัวเร่งขึ้น นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่า มหาสมุทรกำลังดูดประมาณหนึ่งในสี่ของ CO2 ที่มนุษย์จะเปล่ง . เมื่อ CO2 รวมกับน้ำทะเลปฏิกิริยาทางเคมีเกิดขึ้น ทำให้น้ำทะเล พีเอช ดังนั้นคำว่ามหาสมุทร acidification

ปัจจุบันประมาณครึ่งหนึ่งของมนุษย์มนุษย์ ( เกิด ) CO2 ในทะเลพบในส่วนบน 400 เมตร ( 1 , 200 ฟุต ) ของน้ำ ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งมี penetrated ลงล่างเทอร์โมไคลน์และมหาสมุทรลึกความหนาแน่นและการไหลเวียน wind-driven ช่วยผสมพื้นผิวและลึกในบางละติจูดสูงและพื้นที่ชายฝั่ง แต่สำหรับมากของมหาสมุทร การเปลี่ยนแปลง pH ลึกที่คาดว่าจะล่าช้าเปลี่ยนแปลง pH ที่ผิวไม่กี่ศตวรรษ กรด
มหาสมุทรและภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาที่แตกต่างกัน แต่จะเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิด เพราะพวกเขาใช้รากเดียวกันเพราะ มนุษย์การปล่อย CO2ความเข้มข้นของ CO2 ในบรรยากาศอยู่ในขณะนี้สูงกว่าจะได้รับสำหรับสุดท้าย 800000 ปี และอาจจะมากกว่าเวลาใด ๆ ในช่วง 20 ล้านปี มนุษย์ได้ไกลจึงได้รับประโยชน์จากศักยภาพของมหาสมุทรเพื่อเก็บเงินจํานวนมหาศาลของคาร์บอน รวมถึงส่วนใหญ่ของ CO2 เกินนี้ มีมหาสมุทรกว้างใหญ่ไม่ซึม เช่น ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ความเข้มข้นของบรรยากาศจะสูงขึ้น และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของภาวะโลกร้อน ( ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เปลี่ยนรูปแบบสภาพอากาศ , สภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้น เหตุการณ์ ฯลฯ ) และเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและสังคม ผลกระทบอาจจะเด่นชัดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มหาสมุทรไม่สามารถดูดซับ CO2 ในอัตราปัจจุบัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงทาง เคมี ชีววิทยาและโครงสร้างของระบบนิเวศ