ผลการศึกษาพบว่า มิติ 1 ความพอเพียงของเงินทุนต่อความเสี่ยง(Capital Strength)
สหกรณ์ในการบริหารผลตอบแทนต่อสมาชิกและมีความสามารถในการเพิ่มทุน มิติ 2 คุณภาพของสินทรัพย์ (Asset Quality) มีความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ให้เกิดรายได้ มิติ 3 ความสามารถในการบริหาร (Management Ability) อัตราการเติบโตของธุรกิจของสหกรณ์ มีแนวโน้มความสามารถในการบริหารจัดการลดลง มิติ 4 ความสามารถในการทำกำไร (Earning Sufficiency)มีอัตรากำไร(ขาดทุน)ต่อสมาชิกเพิ่มขึ้น มีอัตราเงินออมต่อและอัตราหนี้สินต่อสมาชิกสูง อัตราค่าใช้จ่ายดำเนินการต่อกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง อัตราการเติบโตของทุนสำรองลดลง อัตราการเติบโตของทุนสะสมอื่นๆเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ประสิทธิภาพในการบริหารกำไรสุทธิลดลงส่งผลต่อการจัดสรรทุนสำรอง ทุนสะสมอื่นๆ มิติ 5 สภาพคล่องทางการเงิน ( Liquidity) สหกรณ์มีการบริหารจัดการทุนหมุนเวียน การบริหารจัดการจัดเก็บหนี้ การจัดการด้านสินค้า การรับซื้อผลผลิตมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐานได้ในอนาคต ผลการประเมินเสถียรภาพทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรตามตัวแปรชี้วัดระดับเสถียรภาพทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม พบว่ากลุ่มการเงิน และกลุ่มบริหารงาน มีระดับคะแนนรวมอยู่ที่ 17 คะแนน จัดว่าอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน คือยังไม่มีความมั่นคงทางการเงินตามมาตรฐานที่กำหนด สามารถรองรับผลกระทบที่เกิดจากความผันผวนของภาวะธุรกิจได้บ้างแต่ค่อนข้างเปราะบาง ดังนั้นการบริหารจัดการต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้มีความเข้มแข็งขึ้น