Immunity TypesRecommend on Facebook

Immunity Types
Recommend on Facebook Tweet Share
On this Page

Active Immunity
Passive Immunity
Immunity to a disease is achieved through the presence of antibodies to that disease in a person’s system. Antibodies are proteins produced by the body to neutralize or destroy toxins or disease-carrying organisms. Antibodies are disease-specific. For example, measles antibody will protect a person who is exposed to measles disease, but will have no effect if he or she is exposed to mumps.

There are two types of immunity: active and passive.

Active Immunity
Active immunity results when exposure to a disease organism triggers the immune system to produce antibodies to that disease. Exposure to the disease organism can occur through infection with the actual disease (resulting in natural immunity), or introduction of a killed or weakened form of the disease organism through vaccination (vaccine-induced immunity). Either way, if an immune person comes into contact with that disease in the future, their immune system will recognize it and immediately produce the antibodies needed to fight it.

Active immunity is long-lasting, and sometimes life-long.

Top of Page
Passive Immunity
Passive immunity is provided when a person is given antibodies to a disease rather than producing them through his or her own immune system.

A newborn baby acquires passive immunity from its mother through the placenta. A person can also get passive immunity through antibody-containing blood products such as immune globulin, which may be given when immediate protection from a specific disease is needed. This is the major advantage to passive immunity; protection is immediate, whereas active immunity takes time (usually several weeks) to develop.

However, passive immunity lasts only for a few weeks or months. Only active immunity is long-lasting.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ภูมิคุ้มกันชนิดแนะนำ Facebook ทวีร่วมในหน้านี้ภูมิคุ้มกันทำงานภูมิคุ้มกันติดตัวภูมิคุ้มกันโรคจะประสบความสำเร็จผ่านการปรากฏตัวของแอนติบอดีที่โรคในระบบของบุคคล แอนติบอดีเป็นโปรตีนที่ผลิต โดยร่างกายจะต่อต้าน หรือทำลายสารพิษหรือโรคที่มีการดำเนินชีวิต แอนติบอดีเฉพาะโรค ตัวอย่างเช่น หัดแอนติบอดีจะปกป้องคนที่สัมผัสกับโรคหัด แต่จะไม่มีผลถ้าเขาหรือเธอจะสัมผัสกับคางทูมมีอยู่สองชนิดของภูมิคุ้มกัน: active และ passiveภูมิคุ้มกันทำงานภูมิคุ้มกันในการใช้งานผลลัพธ์เมื่อสัมผัสกับสิ่งมีชีวิตในโรคก่อให้เกิดระบบภูมิคุ้มกันในการผลิตแอนติบอดีที่โรค สัมผัสกับชีวิตโรคอาจเกิดขึ้นได้ผ่านการติดเชื้อโรคจริง (ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันธรรมชาติ), หรือแนะนำแบบ killed หรืออ่อนแอของชีวิตโรคผ่านการฉีดวัคซีน (วัคซีนที่กระตุ้นให้ภูมิคุ้มกัน) ทั้งสองวิธี ถ้าเป็นคนที่ภูมิคุ้มกันมีการสัมผัสกับโรคนั้นในอนาคต ระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขาจะจดจำ และทันทีผลิตแอนติบอดีที่จำเป็นในการต่อสู้มันภูมิคุ้มกันใช้งาน ได้ยาวนาน ตลอดบางครั้ง ด้านบนของหน้าภูมิคุ้มกันติดตัวภูมิคุ้มกันติดตัวไว้เมื่อบุคคลได้รับแอนติบอดีโรคมากกว่าการผลิตผ่านระบบภูมิคุ้มกัน ตนเองทารกแรกเกิดได้เรื่อย ๆ ภูมิคุ้มกันจากแม่ผ่านทางรก คนยังจะได้รับภูมิคุ้มกันติดตัวผ่านผลิตภัณฑ์เลือดที่ประกอบด้วยแอนติบอดีเช่นภูมิคุ้มกันกลอบูลิน ซึ่งอาจจะได้รับการป้องกันทันทีจากโรคเฉพาะที่ไม่จำเป็น นี่คือประโยชน์ที่สำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันติดตัว ป้องกันได้ทันที ในขณะที่ใช้งานภูมิคุ้มกันใช้เวลา (มักหลายสัปดาห์) ในการพัฒนาอย่างไรก็ตาม ภูมิคุ้มกันติดตัวเวลาสำหรับไม่กี่สัปดาห์หรือเดือนเท่านั้น เฉพาะงานภูมิคุ้มกันได้ยาวนาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประเภทภูมิคุ้มกัน
แนะนำใน Facebook Tweet Share
บนหน้านี้

ที่ใช้งานภูมิคุ้มกัน
แบบ Passive ภูมิคุ้มกันโรค
ภูมิคุ้มกันต่อโรคที่จะทำได้โดยการปรากฏตัวของแอนติบอดีต่อการเกิดโรคที่อยู่ในระบบของบุคคล แอนติบอดีเป็นโปรตีนที่ผลิตโดยร่างกายจะต่อต้านหรือทำลายสารพิษหรือสิ่งมีชีวิตโรคแบก แอนติบอดีที่มีเฉพาะโรค ยกตัวอย่างเช่นแอนติบอดีหัดจะปกป้องคนที่สัมผัสกับโรคหัด แต่จะไม่มีผลถ้าเขาหรือเธอจะสัมผัสกับโรคคางทูม.

มีสองประเภทของภูมิคุ้มกัน ได้แก่ :. ใช้งานและ passive

ใช้งานละเว้นการ
ใช้งานผลภูมิคุ้มกันเมื่อสัมผัสกับ ชีวิตโรคก่อให้เกิดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการผลิตแอนติบอดีต่อโรคที่ การสัมผัสกับสิ่งมีชีวิตโรคสามารถเกิดขึ้นผ่านการติดเชื้อโรคที่เกิดขึ้นจริง (ผลในการสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ) หรือการแนะนำของรูปแบบที่ถูกฆ่าตายหรืออ่อนแอของสิ่งมีชีวิตโรคผ่านการฉีดวัคซีน (วัคซีนสร้างภูมิคุ้มกัน) ทั้งสองวิธีว่ามีบุคคลที่ภูมิคุ้มกันเข้ามาติดต่อกับโรคในอนาคตที่ระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขาจะรู้ได้ทันทีและผลิตแอนติบอดีที่จำเป็นในการต่อสู้กับมัน.

ภูมิคุ้มกันที่ใช้งานอยู่ติดทนนานและบางครั้งตลอดชีวิต.

ด้านบนของหน้า
แบบ Passive ภูมิคุ้มกันโรค
ภูมิคุ้มกันแบบ Passive ที่มีให้เมื่อมีบุคคลที่จะได้รับภูมิต้านทานต่อโรคมากกว่าการผลิตพวกเขาผ่านทางระบบภูมิคุ้มกันของเขาหรือเธอเอง.

เด็กแรกเกิดได้มาเรื่อย ๆ การสร้างภูมิคุ้มกันจากแม่ผ่านรก ท่านยังจะได้รับภูมิคุ้มกันเรื่อย ๆ ผ่านแอนติบอดีที่มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ของเลือดเช่นโกลบูลิภูมิคุ้มกันซึ่งอาจจะได้รับเมื่อได้ทันทีจากการป้องกันโรคที่เฉพาะเจาะจงเป็นสิ่งจำเป็น นี้เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันเรื่อย ๆ ; คุ้มครองทันทีในขณะที่การสร้างภูมิคุ้มกันที่ใช้งานต้องใช้เวลา (มักจะเป็นเวลาหลายสัปดาห์) เพื่อพัฒนา.

อย่างไรก็ตามภูมิคุ้มกันเรื่อย ๆ เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หรือเป็นเดือน เพียงภูมิคุ้มกันที่ใช้งานอยู่ยาวนาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ภูมิคุ้มกันชนิดแนะนำใน Facebook Tweet แบ่งปันในหน้านี้ภูมิคุ้มกันแบบภูมิคุ้มกัน เรื่อย ๆภูมิคุ้มกันโรคที่ได้จากการปรากฏตัวของภูมิคุ้มกันโรคในระบบของบุคคล แอนติบอดีเป็นโปรตีนที่ผลิตโดยร่างกายต่อต้านหรือทำลายสารพิษหรือโรคแบกสิ่งมีชีวิต แอนติบอดีเป็น disease-specific . ตัวอย่างเช่น ภูมิคุ้มกันโรคหัดจะปกป้องคนที่สัมผัสโรค โรคหัด แต่จะไม่มีผลถ้าเขาหรือเธอจะเผชิญกับโรคคางทูมมีอยู่สองชนิดของภูมิคุ้มกัน : การใช้งานและพาสซีฟภูมิคุ้มกันแบบงานภูมิคุ้มกันผลลัพธ์เมื่อมีการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันโรคอินทรีย์เพื่อผลิตแอนติบอดีต่อโรคนั้น เสี่ยงต่อโรคสิ่งมีชีวิตสามารถเกิดขึ้นผ่านการติดเชื้อที่มีโรคที่เกิดขึ้นจริง ( ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ) หรือการฆ่า หรือทำให้รูปแบบของโรค ( วัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนสิ่งมีชีวิต ) ยังไงถ้าคนที่เข้ามาติดต่อกับภูมิคุ้มกันโรคในอนาคต ระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขาจะรับรู้ได้ทันทีและผลิตแอนติบอดีที่ต้องต่อสู้กับมันภูมิคุ้มกันแบบยาวนาน และบางครั้งชีวิต .ที่ด้านบนสุดของหน้าภูมิคุ้มกัน เรื่อย ๆภูมิคุ้มกันเรื่อยๆให้เมื่อบุคคลได้รับแอนติบอดีต่อโรคมากกว่าการผลิตพวกเขาผ่านระบบภูมิคุ้มกันของตัวเองของเขาหรือเธอทารกแรกเกิดมีภูมิคุ้มกันเรื่อยๆจากแม่ผ่านทางรก คนยังสามารถได้รับภูมิคุ้มกันเรื่อยๆผ่านแอนติบอดีที่มีผลิตภัณฑ์เลือด เช่น ภูมิคุ้มกันโกลบูลินซึ่งอาจได้รับเมื่อป้องกันทันที จากโรคที่เฉพาะเจาะจงเป็นสิ่งจำเป็น นี่คือประโยชน์หลักของภูมิคุ้มกันเรื่อยๆ การคุ้มครองได้ทันที ในขณะที่ภูมิคุ้มกันแบบใช้เวลา ( มักจะหลายสัปดาห์ ) เพื่อพัฒนาแต่ภูมิคุ้มกันเรื่อยๆกินเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หรือเป็นเดือน เท่านั้นที่ใช้งานภูมิคุ้มกันไม่ยาวนาน