Instrumentalist accounts[edit]Antho

Instrumentalist accounts[edit]
Anthony Smith notes that the instrumentalist account “came to prominence in the 1960s and 1970s in the United States, in the debate about (white) ethnic persistence in what was supposed to have been an effective melting pot”.[3] This new theory sought to explain such persistence as the result of the actions of community leaders, “who used their cultural groups as sites of mass mobilization and as constituencies in their competition for power and resources, because they found them more effective than social classes”.[3] In this account of ethnic identification, “[e]thnicity and race are viewed as instrumental identities, organized as means to particular ends”.[4]

Whether ethnicity is a fixed perception is not crucial in the instrumentalist accounts. Moreover, the scholars of this school do generally not oppose neither that ethnic difference is a part of many conflicts nor that a lot of belligerent human beings believe that they are fighting over such difference. Instrumentalists simply claim that ethnic difference is not sufficient to explain conflicts.[5][6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บัญชี instrumentalist [แก้ไข]สมิธ Anthony บันทึกที่ บัญชี instrumentalist "มากับความโดดเด่นในช่วงปี 1960 และทศวรรษ 1970 ในสหรัฐอเมริกา ในการอภิปรายเกี่ยวกับการคงอยู่กลุ่มชาติพันธุ์ (สีขาว) ในสิ่งที่ควรจะได้รับการฝึกฝนอย่างมีประสิทธิภาพ" [3] ทฤษฎีใหม่นี้พยายามที่จะอธิบายมีอยู่ดังกล่าวเป็นผลของการกระทำของผู้นำชุมชน "ที่ใช้กลุ่มวัฒนธรรมของพวกเขา เป็นเว็บไซต์ของการเคลื่อนไหวมวลชน และชุมชนในการแข่งขันของพวกเขาสำหรับการใช้พลังงานและทรัพยากร เนื่องจากพวกเขาพบพวกเขามีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าสังคม" [3] ในบัญชีรหัสเชื้อชาติ "[e] thnicity และการแข่งขันจะดูเป็นบรรเลงประจำ จัดเป็นการสิ้นสุดการ" [4]ว่าเชื้อชาติรับรู้คงไม่สำคัญในบัญชี instrumentalist นอกจากนี้ โรงเรียนนี้นักปราชญ์โดยทั่วไปไม่ต่อต้านไม่ว่าความแตกต่างทางชาติพันธุ์เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งมาก หรือว่า จำนวนมากของมนุษย์ belligerent เชื่อว่า พวกเขาจะต่อสู้ผ่านความแตกต่างดังกล่าว Instrumentalists เพียงแค่อ้างว่า ไม่เพียงพอที่จะอธิบายความขัดแย้งแตกต่างทางชาติพันธุ์ [5] [6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บัญชีดนตรี [แก้ไข]
แอนโทนี่สมิ ธ ตั้งข้อสังเกตว่าบัญชีดนตรี "มาให้ความสำคัญในปี 1960 และ 1970 ในประเทศสหรัฐอเมริกาในการอภิปรายเกี่ยวกับ (สีขาว) วิริยะชาติพันธุ์ในสิ่งที่ควรจะได้รับการหลอมที่มีประสิทธิภาพ". [3 ] ทฤษฎีใหม่นี้พยายามที่จะอธิบายความคงทนเช่นเป็นผลมาจากการกระทำของผู้นำชุมชน "ที่ใช้กลุ่มวัฒนธรรมของพวกเขาเป็นเว็บไซต์ของการระดมมวลและการเลือกตั้งในการแข่งขันของพวกเขาสำหรับการใช้พลังงานและทรัพยากรเพราะพวกเขาพบว่าพวกเขามีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าชนชั้นทางสังคม ". [3] ในบัญชีของประชาชนชาติพันธุ์นี้" [อี] thnicity และการแข่งขันจะถูกมองว่าเป็นตัวตนประโยชน์จัดเป็นหมายถึงการสิ้นสุดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ". [4] ไม่ว่าเชื้อชาติเป็นรับรู้คงไม่สำคัญในบัญชีดนตรี นอกจากนี้นักวิชาการของโรงเรียนนี้โดยทั่วไปไม่ได้คัดค้านไม่แตกต่างทางชาติพันธุ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งหลายไม่ว่าจำนวนมากของมนุษย์ทำสงครามเชื่อว่าพวกเขาจะต่อสู้กว่าความแตกต่างดังกล่าว instrumentalists เพียงแค่อ้างว่าความแตกต่างทางชาติพันธุ์ไม่เพียงพอที่จะอธิบายความขัดแย้ง. [5] [6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทำบุญทำทานบัญชี [ แก้ไข ]
แอนโทนี่สมิ ธบันทึกว่าทำบุญทำทานบัญชี " มาเพื่อความโดดเด่นในทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ในสหรัฐอเมริกา ในการอภิปรายเกี่ยวกับ ( สีขาว ) ชาติคงอยู่ในสิ่งที่ควรจะได้รับเป็นหม้อหลอมมีประสิทธิภาพ . [ 3 ] ทฤษฎีใหม่นี้พยายามที่จะอธิบายเช่นเก็บรักษาผลการกระทำของผู้นำชุมชน" ใครใช้กลุ่มวัฒนธรรมของพวกเขาเป็นเว็บไซต์ของการระดมมวลชน และการเลือกตั้งในการแข่งขันของพวกเขา ทรัพยากร พลังงาน และเพราะพวกเขาพบว่าพวกเขาจะมีประสิทธิภาพมากกว่าชนชั้นทางสังคม " [ 3 ] ในนี้บัญชี ของประชาชนชาติพันธุ์ " [ E ] thnicity และการแข่งขันจะมองว่าตัวตนเครื่องมือ จัดเป็นวิธีการเฉพาะสิ้นสุด " [ 4 ]

ไม่ว่าเชื้อชาติ คือ รับรู้ คงไม่ใช่นักดนตรีที่สำคัญในบัญชี นอกจากนี้ นักวิชาการของโรงเรียนนี้โดยทั่วไปจะไม่ต่อต้านหรือต่างชาติเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งมากหรือไม่มากของมนุษย์สงครามเชื่อว่า พวกเขาต่อสู้มากกว่าความแตกต่างดังกล่าว instrumentalists เพียงแค่อ้างว่าแตกต่างชาติไม่เพียงพอที่จะอธิบายความขัดแย้ง[ 5 ] [ 6 ]