Rhodes used his wealth and that of

Rhodes used his wealth and that of his business partner Alfred Beit and other investors to pursue his dream of creating a British Empire in new territories to the north by obtaining mineral concessions from the most powerful indigenous chiefs. Rhodes' competitive advantage over other mineral prospecting companies was his combination of wealth and astute political instincts, also called the 'imperial factor', as he often collaborated with the British Government. He befriended its local representatives, the British Commissioners, and through them organised British protectorates over the mineral concession areas via separate but related treaties. In this way he obtained both legality and security for mining operations. He could then attract more investors. Imperial expansion and capital investment went hand in hand.[22]

The imperial factor was a double-edged sword: Rhodes did not want the bureaucrats of the Colonial Office in London to interfere in the Empire in Africa. He wanted British settlers and local politicians and governors to run it. This put him on a collision course with many in Britain, as well as with British missionaries, who favoured what they saw as the more ethical direct rule from London. Rhodes prevailed because he would pay the cost of administering the territories to the north of South Africa against his future mining profits. The Colonial Office did not have enough funding for this. Rhodes promoted his business interests as in the strategic interest of Britain: preventing the Portuguese, the Germans or the Boers from moving into south-central Africa. Rhodes' companies and agents cemented these advantages by obtaining many mining concessions, as exemplified by the Rudd and Lochner Concessions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรดส์ใช้ความมั่งคั่งของเขาพี และของหุ้นส่วนเบทอัลเฟรด และนักลงทุนอื่น ๆ เพื่อไล่ตามความฝันของเขาสร้างจักรวรรดิอังกฤษในดินแดนใหม่ทางตอนเหนือโดยสัมปทานแร่ที่ได้รับจากหัวหน้าชาวพื้นเมืองมีประสิทธิภาพที่สุด ในการแข่งขันของโรดส์ผ่านแร่อื่น ๆ แร่บริษัทถูกของเขารวมกันของความมั่งคั่งและสัญชาตญาณการเมืองฉลาด เรียกว่า 'อิมพีเรียลตัว' เป็นเขามักจะร่วมมือกับรัฐบาลอังกฤษ เขา befriended ตัวแทนท้องถิ่น คณะกรรมาธิการอังกฤษ และไปจัด protectorates อังกฤษผ่านพื้นที่สัมปทานแร่ผ่านสนธิสัญญาแยกต่างหาก แต่ที่เกี่ยวข้อง วิธีนี้ เขาได้ถูกต้องตามกฎหมายและความปลอดภัยสำหรับการทำเหมืองแร่ เขาสามารถดึงดูดนักลงทุนมาก ขยายตัวอิมพีเรียลและเงินลงทุนไปมือ [22]ตัวอิมพีเรียลเป็นดาบสองคม: โรดส์ไม่ต้อง bureaucrats ของสำนักงานอาณานิคมในลอนดอนจะแทรกแซงในอาณาจักรในแอฟริกา เขาต้องตั้งถิ่นฐานที่อังกฤษ และนักการเมืองท้องถิ่น และผู้ว่าราชการการทำงาน นี้ใส่เขาในสนามชนหลายในสหราชอาณาจักร รวม ถึงสอน ศาสนาชาวอังกฤษ ผู้ชื่นชอบเห็นเป็นกฎทางจริยธรรมมากขึ้นโดยตรงจากลอนดอน โรดส์ชนะ เพราะเขาจะต้องจ่ายต้นทุนการบริหารดินแดนทางเหนือของแอฟริกาใต้กับกำไรของเขาทำเหมืองแร่ในอนาคต สำนักงานอาณานิคมไม่มีเงินทุนเพียงพอสำหรับการนี้ โรดส์ส่งเสริมผลประโยชน์ทางธุรกิจของเขาในสนใจกลยุทธ์ของสหราชอาณาจักร: โปรตุเกส เยอรมัน หรือ Boers ที่ทำให้ไม่สามารถย้ายไปแอฟริกาใต้กลาง บริษัทและตัวแทนของโรดส์ซีเมนต์ข้อดีเหล่านี้ โดยได้รับสัมปทานทำเหมืองจำนวนมาก เป็น exemplified รัดและสัมปทาน Lochner

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โรดส์ใช้ความมั่งคั่งของเขาและของหุ้นส่วนธุรกิจของเขาอัลเฟรดเลนซาและนักลงทุนอื่น ๆ ที่จะไล่ตามความฝันของเขาในการสร้างจักรวรรดิอังกฤษในดินแดนใหม่ไปทางทิศเหนือโดยได้รับสัมปทานแร่จากหัวหน้าชนพื้นเมืองที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โรดส์เปรียบกว่า บริษัท แร่แร่อื่น ๆ คือการรวมกันของเขาของความมั่งคั่งและสัญชาตญาณทางการเมืองที่ชาญฉลาดที่เรียกว่า 'ที่อิมพีเรียลปัจจัย' ในขณะที่เขามักจะร่วมมือกับรัฐบาลอังกฤษ เขาเป็นเพื่อนสนิทตัวแทนท้องถิ่นของคณะกรรมาธิการอังกฤษและผ่านพวกเขาจัดในอารักขาของอังกฤษผ่านพื้นที่สัมปทานแร่ผ่านสนธิสัญญาแยกต่างหาก แต่ที่เกี่ยวข้อง ด้วยวิธีนี้เขาได้รับทั้งถูกต้องตามกฎหมายและการรักษาความปลอดภัยสำหรับการดำเนินการทำเหมืองแร่ จากนั้นเขาก็สามารถดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น อิมพีเรียลการขยายตัวและการลงทุนไปจับมือ [22]. ปัจจัยที่อิมพีเรียลเป็นดาบสองคม: โรดส์ไม่อยากให้ข้าราชการของสำนักงานอาณานิคมในลอนดอนที่จะแทรกแซงในจักรวรรดิในแอฟริกา เขาอยากตั้งถิ่นฐานชาวอังกฤษและนักการเมืองท้องถิ่นและผู้ว่าราชการเพื่อให้ทำงานได้ นี้ทำให้เขาในหลักสูตรการปะทะกันกับหลาย ๆ คนในสหราชอาณาจักรเช่นเดียวกับมิชชันนารีชาวอังกฤษที่ได้รับการสนับสนุนสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็นกฎจริยธรรมโดยตรงเพิ่มเติมจากกรุงลอนดอน โรดส์ชนะเพราะเขาจะจ่ายค่าใช้จ่ายในการบริหารดินแดนทางตอนเหนือของประเทศแอฟริกาใต้กับผลกำไรของการทำเหมืองแร่ในอนาคตของเขา สำนักงานอาณานิคมไม่ได้มีเงินทุนเพียงพอสำหรับการนี้ โรดส์การส่งเสริมผลประโยชน์ทางธุรกิจของเขาในฐานะอยู่ในความสนใจเชิงกลยุทธ์ของสหราชอาณาจักร: ป้องกันโปรตุเกส, เยอรมันหรือพวกบัวร์จากการย้ายเข้าสู่ภาคใต้ภาคกลางของทวีปแอฟริกา บริษัท โรดส์และตัวแทนปะติดปะต่อข้อดีเหล่านี้โดยได้รับสัมปทานการทำเหมืองแร่หลายอย่างสุดขั้วกับรัดด์และ Lochner สัมปทาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรดส์ใช้ความมั่งคั่งของเขาและของคู่ค้าทางธุรกิจของเขาอัลเฟรดเบตและนักลงทุนอื่น ๆ เพื่อไล่ตามความฝันของเขาสร้างจักรวรรดิอังกฤษในดินแดนใหม่ไปทางทิศเหนือโดยได้รับสัมปทานแร่จากประเทศที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด หัวหน้า โรดส์ ' เปรียบในการแข่งขันเหนือบริษัท แร่ แร่ธาตุอื่น ๆ การรวมกันของความมั่งคั่งและสัญชาตญาณไหวพริบทางการเมืองที่เรียกว่า ' ' อิมพีเรียล ปัจจัย เขามักจะร่วมมือกับรัฐบาลอังกฤษ เขาเป็นเพื่อนกับผู้แทนท้องถิ่นของ คณะกรรมาธิการอังกฤษ และผ่านพวกเขาจัดรัฐในอารักขาของอังกฤษมากกว่าแร่สัมปทานพื้นที่ผ่านแยกต่างหาก แต่สนธิสัญญาที่เกี่ยวข้อง . วิธีนี้เขาได้รับทั้งกฎหมายและความปลอดภัยสำหรับงานด้านเหมืองแร่ เขาอาจจะดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น การขยายตัวของราชวงศ์ และการลงทุนไปมือในมือ [ 22 ]ปัจจัยจักรพรรดิเป็นดาบสองคม : Rhodes ไม่ต้องการข้าราชการในอาณานิคมสำนักงานในลอนดอนที่จะแทรกแซงในอาณาจักรในแอฟริกา เขาต้องการตั้งถิ่นฐานชาวอังกฤษและนักการเมืองท้องถิ่นและข้าราชการเพื่อเรียกใช้งาน นี้ให้เขาเรียนในหลักสูตรการปะทะกันกับหลายคนในอังกฤษ รวมทั้ง มีมิชชันนารีชาวอังกฤษ ผู้ที่ชอบสิ่งที่พวกเขาเห็นเป็นจริยธรรมมากขึ้น การปกครองโดยตรงจากลอนดอน โรดส์ก็เพราะเขาจะจ่ายค่าใช้จ่ายของการดูแลดินแดนทางตอนเหนือของแอฟริกาใต้กับอนาคตของเขาทำผลกำไร สำนักงานอาณานิคมไม่ได้มีเงินทุนเพียงพอสำหรับสิ่งนี้ โรดส์ส่งเสริมผลประโยชน์ทางธุรกิจของเขาในผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของสหราชอาณาจักร : การป้องกันโปรตุเกส , เยอรมัน หรือ boers จากย้ายไปแอฟริกาใต้กลาง โรดส์ ' บริษัทและตัวแทนยึดข้อได้เปรียบเหล่านี้โดยได้รับสัมปทานเหมืองแร่หลายสุดขั้วโดย รัดด์ และล็อกเนอร์สัมปทาน