AbstractBACKGROUND:Acute pharyngiti

Abstract
BACKGROUND:
Acute pharyngitis is one of the most frequent reasons for a GP consultation, and in most cases an antibiotic is prescribed.
AIM:
To determine the impact of rapid antigen detection testing (RADT) to identify group A beta haemolytic streptococcus in acute pharyngitis on the utilisation of antibiotics and appropriateness of their use.
DESIGN AND SETTING:
Cluster randomised controlled trial in primary care centres in Catalonia, Spain.
METHOD:
Patients with acute pharyngitis aged 14 years or older with at least one Centor criterion (fever, tonsillar exudate, tender enlarged anterior cervical lymph nodes, or absence of cough) were recruited. Participant physicians were randomly assigned to one of two study arms: an intervention group (assigned to RADT) and a control group (following usual care, without RADT).
RESULTS:
Of the 557 adults enrolled, 543 could be evaluated for analysis (281 [51.7%] in the intervention group and 262 [48.3%] in the control group). GPs without access to RADT were more likely to prescribe antibiotics compared with those who performed rapid tests (64.1% versus 43.8%, P

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

AbstractBACKGROUND:Acute pharyngitis is one of the most frequent reasons for a GP consultation, and in most cases an antibiotic is prescribed.AIM:To determine the impact of rapid antigen detection testing (RADT) to identify group A beta haemolytic streptococcus in acute pharyngitis on the utilisation of antibiotics and appropriateness of their use.DESIGN AND SETTING:Cluster randomised controlled trial in primary care centres in Catalonia, Spain.METHOD:Patients with acute pharyngitis aged 14 years or older with at least one Centor criterion (fever, tonsillar exudate, tender enlarged anterior cervical lymph nodes, or absence of cough) were recruited. Participant physicians were randomly assigned to one of two study arms: an intervention group (assigned to RADT) and a control group (following usual care, without RADT).RESULTS:Of the 557 adults enrolled, 543 could be evaluated for analysis (281 [51.7%] in the intervention group and 262 [48.3%] in the control group). GPs without access to RADT were more likely to prescribe antibiotics compared with those who performed rapid tests (64.1% versus 43.8%, P<0.001). The more Centor criteria the patients presented, the greater the number of antibiotics prescribed, regardless of whether RADT was available (P<0.001). Antibiotics were prescribed in 30.7% of the cases with negative RADT results. Inappropriate antibiotic prescription was observed in 226 cases (43%), and was significantly greater in the control than in the intervention group (60% versus 26.9%; P<0.001).สรุป:แม้ว่ากว่า 30% ของผล RADT เชิงลบให้กำหนดยาปฏิชีวนะ ผลการศึกษาวิจัยที่สนับสนุนการใช้ RADT ในการให้คำปรึกษา กลยุทธ์นี้มีผลกระทบสำคัญในการลดยายาปฏิชีวนะระหว่างผู้ใหญ่กับ pharyngitis เฉียบพลัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อภูมิหลัง:
อักเสบเฉียบพลันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่พบบ่อยที่สุดสำหรับการให้คำปรึกษา GP และในกรณีส่วนใหญ่ยาปฏิชีวนะที่มีการกำหนด.
จุดประสงค์:
เพื่อตรวจสอบผลกระทบของการทดสอบการตรวจจับแอนติเจนอย่างรวดเร็ว (RADT) เพื่อระบุกลุ่ม Streptococcus เบต้า haemolytic ในเฉียบพลันอักเสบ การใช้ยาปฏิชีวนะและความเหมาะสมของการใช้งานของพวกเขา.
การออกแบบและการตั้งค่า:
คลัสเตอร์สุ่มทดลองควบคุมในศูนย์ดูแลหลักในเนียสเปน.
วิธีการ:
ผู้ป่วยที่มีเฉียบพลันอักเสบที่มีอายุ 14 ปีหรือมากกว่ากับเกณฑ์ Centor อย่างน้อยหนึ่ง (ไข้สารหลั่ง tonsillar , ซื้อขยายหน้าต่อมน้ำเหลืองปากมดลูกหรือไม่มีไอ) ได้รับคัดเลือก แพทย์ผู้เข้าร่วมถูกสุ่มให้เป็นหนึ่งในสองแขนศึกษา: กลุ่มแทรกแซง (รับมอบหมายให้ RADT) และกลุ่มควบคุม (ต่อไปนี้การดูแลตามปกติโดยไม่ต้อง RADT).
ผลการศึกษา:
จาก 557 ผู้ใหญ่ที่ลงทะเบียนเรียน 543 จะได้รับการประเมินในการวิเคราะห์ (281 [ 51.7%] ในกลุ่มแทรกแซงและ 262 [48.3%] ในกลุ่มควบคุม) จีพีเอสโดยไม่ต้องเข้าถึง RADT มีแนวโน้มที่จะสั่งยาปฏิชีวนะเมื่อเทียบกับผู้ที่ดำเนินการทดสอบอย่างรวดเร็ว (64.1% เมื่อเทียบกับ 43.8%, p <0.001) มากกว่าเกณฑ์ที่ Centor ผู้ป่วยที่นำเสนอมากกว่าจำนวนของยาปฏิชีวนะที่กำหนดโดยไม่คำนึงว่า RADT ที่มีอยู่ (p <0.001) ยาปฏิชีวนะที่ถูกกำหนดไว้ใน 30.7% ของกรณีที่มีผลในเชิงลบ RADT ใบสั่งยาปฏิชีวนะที่ไม่เหมาะสมพบว่าใน 226 ราย (43%) และอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นในการควบคุมมากกว่าในกลุ่มแทรกแซง (60% เมื่อเทียบกับ 26.9%; p <0.001).
สรุป:
แม้ว่ากว่า 30% ของผล RADT เชิงลบส่งผลให้ ในการสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะผลการศึกษาสนับสนุนการใช้ RADT ในการให้คำปรึกษา กลยุทธ์นี้มีความสำคัญต่อการลดใบสั่งยาปฏิชีวนะในกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีอักเสบเฉียบพลัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พื้นหลังนามธรรม
:
คอหอยอักเสบเฉียบพลันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดสำหรับ GP ปรึกษาได้ และในกรณีส่วนใหญ่เป็นยาปฏิชีวนะที่กำหนดเป้าหมาย : .

เพื่อตรวจสอบผลกระทบของการทดสอบแอนติเจนอย่างรวดเร็ว ( radt ) เพื่อระบุกลุ่มเบต้า haemolytic บคอหอยอักเสบเฉียบพลันในการใช้ยาปฏิชีวนะ และความเหมาะสมของการใช้งานของพวกเขา การตั้งค่า :
.
ออกแบบกลุ่มทดลองในศูนย์ควบคุมด้านปฐมภูมิใน Catalonia , สเปน .

วิธีการ : ผู้ป่วยคอหอยอักเสบเฉียบพลันที่มีอายุ 14 ปีขึ้นไปอย่างน้อยหนึ่ง centor เกณฑ์ ( ไข้ที่เกิดจาก tonsillar นุ่มขยายด้านหน้าปากมดลูกต่อมน้ำเหลือง หรือขาดไอ ) ถูกเลือกมา แพทย์ผู้เข้าร่วมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา 2 แขน : หนึ่งกลุ่มทดลอง ( ได้รับมอบหมายให้ radt ) และกลุ่มควบคุม ( ตามการดูแลปกติ ไม่มีผล radt )
:
ของที่ผู้ใหญ่ซึ่งยังสามารถทำการวิเคราะห์ ( [ % ] 0 ตนเองในกลุ่ม 262 [ 48.3 % ] ในกลุ่มควบคุม ) GPS โดยไม่ต้องเข้าถึง radt มีแนวโน้มที่จะสั่งยาปฏิชีวนะเมื่อเทียบกับผู้ที่ดำเนินการทดสอบอย่างรวดเร็ว ( 64.1 % เมื่อเทียบกับผู้ป่วย ( p < 0.001 )ยิ่ง centor เกณฑ์ผู้ป่วยนำเสนอมากขึ้นจำนวนของยาปฏิชีวนะ ที่กำหนด ไม่ว่า radt เป็นใช้ได้ ( p < 0.001 ) ยาปฏิชีวนะที่ถูกกำหนดใน 50 % ของคดีที่มีผล radt ลบ ใบสั่งยายาปฏิชีวนะที่ไม่เหมาะสม พบว่าใน 226 ราย ( ร้อยละ 43 ) , และมีมากขึ้นในการควบคุมมากกว่าในกลุ่ม ( 60 % เมื่อเทียบกับ 26.9 % ;p < 0.001 ตามลำดับ ) สรุป :

ถึงแม้ว่ามากกว่า 30 % ของผล radt ลบมีผลในการจ่ายยาปฏิชีวนะ การเปรียบเทียบข้อมูลสนับสนุนการใช้ radt ในการปรึกษาหารือ กลยุทธ์นี้ได้มีผลกระทบสำคัญในการใช้ยาของผู้ใหญ่กับคอหอยอักเสบเฉียบพลัน